ถ้าตระกูลซุนกับตระกูลจ้าวร่วมมือกันบีบบังคับ แล้วทำให้หวางหมิ่นเหมินรู้สึกสั่นคลอน งั้นการมาถึงของซ่งหมิงเวยก็เหมือนกับการตัดความหวังสุดท้ายของตระกูลหวาง
ตระกูลซ่งไม่เหมือนกับตระกูลซุนและตระกูลจ้าว ตระกูลซ่งเป็นตระกูลร่ำรวยของเมืองหมิงจู ถึงตอนนี้ตระกูลซ่งจะอยู่ในความดูแลของซ่งหรูอี้ แต่ถึงจะตกต่ำแต่ก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อน ตระกูลหวางไม่สามารถต่อกรกับเขาได้
ซ่งหมิงเวยมองหวางหมิ่นเหมินด้วยสายตาราบเรียบไร้ความสนใจ จากนั้นจึงเดินไปหาถังเฉา เขาโค้งเล็กน้อย “คุณถังเฉา”
ถังเฉาไม่ได้ตอบอะไร เขาหรี่ตาลงมองซ่งหมิงเวยอย่างประเมิน
ตระกูลซุน ตระกูลจ้าว สมาคมการต่อสู้และสมาคมการค้าหงยิงมาที่นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดเอาไว้แล้ว แต่ถังเฉาไม่คิดว่าตระกูลซ่งจะมาที่นี่ด้วย
เขาคิดว่านี่น่าจะเป็นความคิดของซ่งหรูอี้
ซ่งหมิงเวยยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “พี่สาวให้ผมมาบอกว่า หลังจากนี้คุณถังเฉากับตระกูลซ่งเป็นหุ้นส่วนกันแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไร คุณบอกมาได้เลย ตระกูลซ่งจะจัดการให้”
เมื่ออยู่กับซ่งหรูอี้มาเป็นเวลานาน ซ่งหมิงเวยไม่มีคราบของคุณชายเอาแต่ใจ เขากลายเป็นคนที่ฉลาดและมีความสามารถ แค่ประโยคเดียวก็สามารถแสดงถึงตำแหน่งของตระกูลซ่ง
หวางหมิ่นเหมินหรี่ตาลง “นี่เป็นความคิดของคุณซ่งหรูอี้เหรอ”
ซ่งหมิงเวยพยักหน้าเบาๆ ราวกับว่าตอนนี้ในสายตาของเขาตระกูลหวางเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือ
สีหน้าของหวางหมิ่นเหมินกับหวางเยี่ยซีดเผือด กว่าเขาจะมีความกล้าขึ้นมาได้ จู่ๆ มันก็พังทลายลง
ถ้าเป็นซ่งหมิงเวยเมื่อก่อน หวางหมิ่นเหมินไม่มีทางกลัวอย่างแน่นอน แต่ทว่าตอนนี้ซ่งหมิงเวยเป็นตัวแทนของซ่งหรูอี้ ซ่งหรูอี้อยากทำลายตระกูลหวาง มันเป็นเรื่องง่ายมาก
ส่วนต่งวี่ซู่อึ้งไปตั้งนานแล้ว
ใครจะไปคิดว่า เมื่อห้าปีก่อนถังเฉาเกือบจะเป็นสามีของซ่งหรูอี้ ไม่ว่าจะรักหรือชัง ซ่งหรูอี้แคร์คนที่เรียกว่าอดีตสามีคนนี้มาก
เรียกได้ว่าสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหมิงจู นอกจากตระกูลเหยียนที่ไม่เคยติดต่อกัน ตระกูลที่เหลือล้วนยอมจำนนให้กับถังเฉา!
มันทรงพลังและน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
ต่งวี่ซู่โชคดีที่เลือกยอมจำนนให้กับถังเฉาและไม่คิดเป็นศัตรูกับเขา
อันที่จริง คนที่มีความคิดเช่นนี้ไม่ได้มีแค่คนเดียว ซ่งหมิงเวยก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน เมื่อเขาทักทายถังเฉาเสร็จ เขาจึงมองหวางหมิ่นเหมินด้วยแววตาเย็นชา “ผู้นำตระกูลหวาง ขนาดพวกเราเจอคุณถังเฉายังต้องเคารพเขา ผู้นำตระกูลพื้นๆ อย่างนายมีสิทธิ์อะไรไปทำร้ายคุณถังเฉา”
หลังจากที่คำพูดนี้ออกมา คนในตระกูลหวางยิ่งกดดันเข้าไปอีก เพราะพวกเขารับรู้ได้ถึงพละกำลังของเหล่าบอดี้การ์ดที่แต่ละตระกูลพามา มันกำลังโอบล้อมพวกเขา
โดยเฉพาะเหล่าบอดี้การ์ดของตระกูลหวางที่กำลังถือปืน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลซุน ตระกูลจ้าวหรือตระกูลซ่งล้วนส่องปืนมาที่หัวของพวกเขา
จ้าวเย็นหรานกวาดตามองทุกคน เธอส่งเสียงเย็นชาออกมาว่า “ถ้าทุกคนยอมจำนนเราจะไว้ชีวิต”
พรึ่บๆๆ
จู่ๆ เหล่าบอดี้การ์ดของตระกูลหวางก็วางปืนในมือลง คุกเข่าลงกับพื้นแล้วยกสองมือไว้ที่ท้ายทอย
ภาพตรงหน้าบาดตาหวางหมิ่นเหวิน หวางเยี่ยรวมไปถึงคนอื่นที่ร่วมมือกันเพราะจะแก้แค้นถังเฉา
พวกเขาเบิกตาโพลงมองภาพตรงหน้า จากนั้นจึงทรุดลงกับพื้น
เหตุการณ์ที่ได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียวเมื่อครู่ เมื่อถังเฉาออกโรงมันกลับตาลปัตร วิธีการนี้ทำให้ซุนยู่เฟิง จ้าวเย็นหรานและคนอื่นโมโหจนมาถึงที่นี่
เพราะพวกเขาคิดว่ามีเพียงแค่พวกเขาที่คอยช่วยเหลือถังเฉา คิดไม่ถึงว่าจะมีคนอื่นด้วย
เมื่อกวาดตามองด้วยสายตาเย็นชา ซุ่นยู่เฟิงจึงรีบเดินมาหาถังเฉา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “คุณถังเฉาจะจัดการคนพวกนี้ยังไงดีครับ ขอแค่คุณสั่งมา ผมจะรีบจัดการพวกนั้นทันที!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนพากันตัวสั่นงันงก แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แววตาของถังเฉาราบเรียบ เขามองซุ่นยู่เฟิง จ้าวเย็นหรานและคนอื่น “พวกเขาเป็นคนของตระกูลพวกนาย จะเป็นหรือตายก็แล้วแต่พวกนาย!”
ซุ่นยู่เฟิง จ้าวเย็นหรานรวมถึงคนอื่นหัวใจกระตุกวูบ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและก้มหน้าพูดว่า “ครับคุณถังเฉา”
ไม่ง่ายเลยกว่าที่พวกเขาจะได้รับความเชื่อใจจากถังเฉา พวกเขาจะไม่ยอมให้ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้องอย่างแน่นอน!
เหมือนรับรู้ได้ถึงความอาฆาตของซุ่นยู่เฟิง ซุนเสว่เป็นคนแรกที่คลานเข้ามาเหมือนสุนัข เธอกอดขาของซุ่นยู่เฟิงเอาไว้แน่นแล้วร้องไห้ออกมา “พ่อ หนูเป็นลูกสาวของพ่อนะ พ่อจะฆ่าหนูไม่ได้!”
“ออกไป ฉันไม่เคยมีลูกอย่างแก!”
ซุ่นยู่เฟิงสลัดเธอออกอย่าไม่ลังเล สีหน้าของเขาเย็นชา “ฉันไม่ได้อยากฆ่าแก แต่แกทำตัวเอง ตั้งแต่ตอนที่แกโกรธแค้นคุณถังเฉา ฉันก็ไม่มีทางช่วยแกได้แล้ว”
ซุนเสว่สั่นไปทั้งตัว เธอหันไปเกาะขาถังเฉาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณถังเฉา ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว คุณไว้ชีวิตฉันด้วยนะ ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ”
แต่ทว่าในแววตาของถังเฉาไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย ถึงซุ่นยู่เฟิงจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน เขาก็ทำได้เพียงตะโกนออกมาว่า “จัดการ!”
“อย่า ฉันไม่อยากตาย”
ซุนเสว่ถูกลากออกไป ไม่นานก็มีเสียงร้องโอดครวญดังออกมา จากนั้นก็ไม่มีเสียงอะไรอีกเลย
เมื่ออีกคนตายไปแล้ว คนที่มองจุดจบของซุนเสว่อย่างหลิ่วเซียนก็เข่าอ่อนทรุดลงไปบนพื้น เธอหันไปมองจ้าวเย็นหราน “จ้าวหราน ฉันเป็นผู้หญิงของพ่อเธอ เธอทนเห็นฉันตายแบบนี้ได้เหรอ”
“คิดว่าพูดชื่อของจ้าวเหล่าลิ่วออกมาแล้วฉันจะปล่อยเธอไปอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
จ้าวเย็นหรานยกมือขึ้นมาตบหน้าหลิ่วเซียน สีหน้าของจ้าวเย็นหรานเต็มไปด้วยความอาฆาต “ทำแบบนี้เธอจะได้ตายเร็วๆ ยังไงล่ะ แม่ของฉันมีคนเดียวและได้ตายไปแล้ว จ้าวเหล่าลิ่วและพวกกิ๊กอย่างเธอทำให้แม่ของฉันตาย!”
หลิ่วเซียนนั่งบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง แม้แต่ความหวังสุดท้ายก็มลายหายไปแล้ว
“แกด้วยจ้าวชุนเซิง!”
จ้าวเย็นหรานหันไปมองจ้าวชุนเซิง “ถึงวันนี้จ้าวเหล่าลิ่วจะมาที่นี่ ก็ช่วยแกไม่ได้!”
เมื่อพูดจบ เธอก็พุ่งเข้าไปยกขาถีบไปที่หน้าอกของจ้าวชุนเซิงอย่างแรง
พลั่ก
สิ่งที่ทำให้ถังเฉาตกใจก็คือ จ้าวเย็นหรานก็เป็นคนมีฝีมือ เธอใช้แรงทั้งหมดในการถีบ บวกกับรองเท้าส้นสูง ทำให้จ้าวชุนเซิงหงายหลังล้มลงไป เขากระอักเลือดออกมาแล้วสลบไป
เมื่อเธอจัดการเรียบร้อย เธอจึงหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เอามันออกไปโยนไว้บนถนน ชาตินี้ห้ามมันเข้ามาในตระกูลจ้าวอีก”
ลูกน้องมีสีหน้าลำบากใจ “คุณหนู ถ้าคุณท่านรู้…”
จ้าวเย็นหรานมองอย่างเย็นชา “ฉันให้โยนก็โยน”
“ครับ…”
คนของตระกูลจ้าวไม่กล้าขัดคำสั่ง และทำได้เพียงยกจ้าวซุนเชิงที่กำลังสลบออกไป
หลังจากนี้ เขาคงจะใช้ชีวิตอย่างขอทาน
เจิงเทียนเสียงก็พาฉางเซ่าเฟิงกับฉางเว่ยออกไป เหลือเพียงเจิ้งเทียนเฉิงกับเหวินเหรินวี่
เมื่อถังเฉามองมา เจิ้งเทียนเฉิงกับเหวินเหรินวี่ตัวสั่นขึ้นมาทันที พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังเหยียบเข้าไปในนรก
“นายท่านเจิ้ง ผมเคยให้โอกาสตระกูลเจิ้งแล้ว แต่คุณไม่รักษามันเอาไว้ การแก้แค้นมันทำให้คุณหน้ามืดตามัว ทำแบบนี้มันมีค่าไหม” ถังเฉาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เจิ้งเทียนเฉิงเงียบไป ใบหน้าของเขาเหมือนแก่ลงไปหลายปี
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงเงยหน้าขึ้นมา “มีค่าสิ คนอื่นในตระกูลเจิ้งถูกฉันย้ายออกไปจากเมืองหมิงจูแล้ว ฉันกลับมาที่เมืองหมิงจูคนเดียว เพราะต้องการมาแก้แค้นให้หลานชายทั้งสองคน แต่แค่ทำไม่สำเร็จเท่านั้น”
แววตาของถังเฉานิ่งไป “คุณควรจะเข้าใจไว้นะ เรื่องบางเรื่อง ถ้าล้มเหลวมันก็คือความตาย”
“ฉันเข้าใจ”
นายท่านเจิ้งมีใบหน้าแน่วแน่ เขาพูดอย่างไร้ความหวาดกลัวว่า “ก็แค่ตายเท่านั้น แต่ฉันมีเรื่องอยากจะขอ ให้ฉันตายดีๆ หน่อย”
ถังเฉาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้า “ได้ คุณจัดการตัวเองก็แล้วกัน”
นายท่านเจิ้งยิ้มบางๆ จากนั้นเขาจึงจัดแจงเสื้อผ้าบนตัวแล้วเดินไปที่หน้าต่างแล้วกระโดดลงไป ไม่มีเสียงใดๆ แต่บนพื้นมีศพอยู่หนึ่งศพ
“ชะ..ช่วยด้วย”
เห็นคนที่ร่วมมือกันตายไปทีละคน ใบหน้าของเหวินเหรินวี่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขากำลังจะหันหลังหนี
แต่ตอนที่เขาหันหลังก็มีเสียงปืนดังขึ้นมา
รูเลือดปรากฏอยู่บนหน้าผากของเหวินเหรินวี่ ร่างของเขาค่อยๆ ล้มลงกับพื้น
ถังเฉามองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ เขาหันไปมองหวางหมิ่นเหวิน “ถึงตานายแล้ว”