หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถ Lincoln แบบยาวคันหนึ่งก็ถึงใต้ตึกของจวี้เฟิงกรุ๊ป
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน ตรงหน้ามีพนักงานหนุ่มสาวมากมายที่เลิกงาน แต่ว่า รปภ.ของจวี้เฟิงกรุ๊ป ก็เห็นหูอีซานในทันที
รอยยิ้มประชดประชันปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา “คนนั้นที่ถูกตระกูลหูไล่เป็นคนไร้บ้านกลับมาอีกแล้ว”
ถ้าเรื่องนี้ถูกลือออกไป จะต้องทำให้ผู้คนตกใจแน่นอน หูอีซานผู้รวยอันดับหนึ่งของหมิงจู ในสายตาของตระกูลแห่งเมืองเจียงเฉิง กลับไม่ถูกต้อนรับ แม้แต่รปภ.ยังดูถูกเขา
“รวยอันดับหนึ่งของหมิงจูแล้วยังไง? ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อเขายกสมบัติทั้งหมดก่อนจะตายให้กับเขา เขาจะเอาเงินทุนที่ไหนมาทำธุรกิจ?”
รปภ.อีกคนก็มองหูอีซานด้วยสายตาเยาะเย้ย
บทสนทนาของพวกเขา หูอีซานไม่ได้ยิน ตอนนี้ เขากำลังรีบวิ่งมาเปิดประตูให้กับอีกคน
ภาพนี้เองก็ทำเอารปภ.สองคนตกใจ
คนทั้งบ้านตระกูลหูต่างก็รู้ถึงเรื่องของบ้านหูอีซาน แต่ไม่ว่ายังไง หูอีซานก็เป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหนึ่ง จะมาถึงจุดที่ต้องเปิดประตูรถให้คนอื่นได้ยังไง?
ขณะนั้น พวกเขาก็มองดูอย่างสนใจ อยากดูว่าคนที่สามารถทำให้หูอีซานมาเปิดประตูให้ได้คือใคร
ประตูรถค่อยๆเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงท่าทางเย็นชาคนหนึ่งเดินลงมา ชุดลำลองของ Armani เต็มไปด้วยความสูงส่ง ทุกท่วงท่าที่ขยับมีความน่าเกรงขามแม้จะไม่ได้โมโหอยู่ ยิ่งทำให้รปภ.ทั้งสองเบิกตากว้าง แอบคิดว่าเป็นคุณชายจากเศรษฐีบ้านไหน
ส่วนหูอีซานและชายวัยกลางคนที่อ้วนนิดหน่อยคนหนึ่งเหมือนกับคนเฝ้าประตู จงใจเดินหลังหนึ่งก้าว ซ้ายขวาสองฝั่ง
ชายหนุ่มคนนี้ ก็คือถังเฉา ทั้งสามเดินไปยังจวี้เฟิงกรุ๊ป
“หยุด ทำอะไร!”
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร แต่รปภ.สองคนก็มาดักหน้าถังเฉาไว้ก่อน
ถังเฉาหยุดฝีเท้า แต่กลับไม่พูดอะไร เพียงแค่กวาดมองพวกเขาอย่างนิ่งเฉย
หูอีซานโมโหขึ้นมาทันที และต่อว่า “แม้แต่ฉันก็ไม่รู้จักแล้วหรอ ท่านนี้คือแขกคนสำคัญคนที่ฉันเชิญมา ยังไม่รีบหลบไปอีก!”
แต่รปภ.สองคนกลับกลอกตา ไม่วางหูอีซานไว้ในสายตา “ขอโทษด้วย จวี้เฟิงกรุ๊ปเป็นธุรกิจของตระกูลหู คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ห้ามเข้า!”
หูอีซานโมโห กำลังจะต่อว่า แต่ถังเฉากลับห้ามเขาไว้ และยิ้มอ่อนใส่พวกเขา “จวี้เฟิงกรุ๊ป กลายเป็นธุรกิจของบ้านตระกูลหูตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“จวี้เฟิงกรุ๊ปเป็นธุรกิจของตระกูลหูมาตลอดนี่ นายเป็นคนของเจียงเฉิงรึป่าวเนี่ย?”
รปภ.สองคนมองดูถังเฉาอย่างแปลกใจ ถ้าหากว่าเป็นคนของเจียงเฉิง ไม่มีทางที่จะไม่รู้ความจริงเรื่องนี้
“ฉันมาจากหมิงจู” ถังเฉายิ้มเล็กน้อย
รปภ.สองคนนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็ผ่อนคลายลง สายตาเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ “ฉันก็แปลกใจ ว่าคุณชายของเจียงเฉิงบ้านไหนไม่รู้ว่าจวี้เฟิงกรุ๊ปเป็นของตระกูลหู ที่แท้ก็คนบ้านนอกที่มาจากหมิงจูนี่เอง”
“ขอโทษด้วย จวี้เฟิงกรุ๊ปของเราใช้ระบบจดจำใบหน้าที่ทันสมัยที่สุด ถ้าไม่ใช่คนของจวี้เฟิงกรุ๊ป ห้ามเข้า….”
รปภ.อีกคนแนะนำอย่างได้ใจ แต่ถังเฉากลับเดินตรงไป มาที่ข้างเครื่องมือสุดล้ำ “ใช่เครื่องนี้มั้ย?”
เครื่องมือมีระบบสแกน ฉายแสงสีแดงออกมา
สีหน้าของรปภ.ทั้งสองเปลี่ยนไป “ไอ้บ้านนอก หยุดนะ….”
จากนั้น ยังไม่ทันพูดจบ ดวงตาพวกเขาก็เบิกโพลง
ถังเฉายืนอยู่ภายใต้การสแกน หลังจากที่แสงสีแดงสแกนหน้าเขาเสร็จ ที่หน้าจอก็ปรากฏรูปถ่ายหนึ่งนิ้วของถังเฉาขึ้นมา ด้านล่างเขียนตัวหนังสือสีแดงประโยคหนึ่งที่ทำเอาทุกคนตกใจ
“ฐานะประจำตัว : ท่านประธาน ผ่าน!”
“อะไรนะ?!”
มองดูการผ่านการยืนยันตัวตนของถังเฉา รปภ.ทั้งสองคนตกใจจนอ้าปากค้าง รู้สึกไม่ดีเหมือนกับว่ากินอึ่งน้อยเข้าไป
โดยเฉพาะสามคำใหญ่ๆว่า ‘ท่านประธาน’ ทำให้หัวใจของพวกเขาตกตะลึงอย่างที่สุด สายตาที่มองไปยังถังเฉาอีกครั้ง เต็มไปด้วยความกลัวและหมดหวัง
“นาย นายเป็น….”
“ท่านประธาน?!”
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองดูพวกเขาสองคนอย่างเย็นชา
“เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ยังไงกัน….”
รปภ.คนหนึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความน่าเหลือเชื่อ จ้องถังเฉาเขม็ง “ฉันไม่เชื่อ ท่านประธานของบริษัทต้องเป็นคุณหูเข่อเฟิงถึงจะถูก ผุดท่านประธานคนที่สองมาจากไหน?”
“เครื่องผิดแน่ จะต้องเป็นเครื่องผิดแน่ๆ!”
รปภ.อีกคนหนึ่งก็พูดขึ้น แต่ว่า เสียงที่สั่นก็ยังหักหลังเขา
ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มวัยกลางคนที่เดินออกมาจากบริษัท บัตรทำงานของเขาเขียนไว้ว่า ‘ผู้ดูแลการแบ่งแผนก’
“ประ….ประธานเจียงครับ?!”
มองดูผู้ที่มา รปภ.ทั้งสองคนใจสั่นอย่างถึงที่สุด รบกวนไปถึงขั้นผู้ดูแลการแบ่งแผนกเลย?!
ประธานเจียงมองดูพวกเขาสองคนอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่มีเวลาสนใจพวกเขา แต่รีบเดินมายังตรงหน้าของถังเฉา “คุณถังครับ ผมคือผู้จัดการใหญ่ของแผนกของจวี้เฟิงกรุ๊ป ผู้รับผิดชอบคือเจียงฮวาครับ ผมได้รู้เรื่องราวทั้งหมดมาจากคุณเสิ่นแล้วครับ”
พูดจบก็โค้งคำนับทีหนึ่ง
“อืม”
ถังเฉาตอบรับนิ่งๆ ไม่ได้มองรปภ.สองคนนั้นอีก เดินตรงเข้าไปด้านใน
หูอีซานและเจิงเทียนเสียงรีบเดินตามหลัง เจียงฮวาโค้งอยู่ตลอดจนถึงถังเฉาทั้งสามคนเดินเข้าลิฟต์ไป ถึงได้กล้ายืดตัว
หันหลังไปมองดูรปภ.สองคนด้วยสาวตาเย็นวาบ
พรึ่บ!
ทั้งสองล้มตัวตูดกระแทกพื้น ตกใจจนคุกเข่าขอร้อง “ประธานเจียงครับ พวกผมไม่ได้ตั้งใจ….”
“เขียนใบลาออกให้เสร็จแล้วไปรับเงินเดือนที่ฝ่ายบัญชีซะ!”
เจียงฮวาทิ้งท้ายอย่างหนักแน่น แล้วก็หันหลังเกินเข้าบริษัท
ลิฟต์ขึ้นไปทีละชั้น หูอีซานก็ใช้โอกาสนี้ในการบอกสถานการณ์กับถังเฉา
“จวี้เฟิงกรุ๊ปก่อตั้งโดยพ่อบ้านของตระกูลเสิ่นในตอนที่ยังหนุ่ม ครั้งหนึ่งเคยอยู่แถวหน้าของยุคอินเทอร์เน็ตในประเทศ หลังจากที่ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านขอเสิ่นป้านซาน ก็จับมือกันทำบริษัทย่อย บริษัทหลักถูกตระกูลหูเป็นคนช่วยดูแลมาโดยตลอด”
“หูเข่อเฟิงเป็นเพียงผู้จัดการใหญ่ในบริษัทหลักของจวี้เฟิงกรุ๊ป ไม่ใช่ท่านประธาน แต่เพราะท่านประธานใช้เวลาอยู่ที่หมิงจู ไม่กลับมาสักที จึงได้ยึดครองเป็นของตัวเองครับ”
“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง”
ถังเฉาเข้าใจในทันที ลุงหยางเดิมที่ก็แฝงตัวอยู่ในตระกูลเสิ่น เพื่อได้รับการไว้วางใจจากเสิ่นป้านซาน ถึงได้ยกจวี้เฟิงกรุ๊ปให้ เพียงเพราะเหตุผลทางที่อยู่ ดูแลไม่สะดวก จึงได้ให้กับตระกูลหู
ตอนนี้ ตระกูลเสิ่นให้ทั้งหมดกับถังเฉา ตำแหน่งท่านประธาน ก็กลายเป็นของถังเฉาโดยปริยาย ตระกูลหูอยากแย่งของของถังเฉา ไม่ประมาณตนชัดๆ
“หูเข่อเฟิงอยู่ไหน?” ถังเฉาถาม
“มาถึงแล้วครับ”
เสียงตึ้งดังขึ้น ลิฟต์หยุดลง ถังเฉาเดินไปที่ห้องทำงานหนึ่งภายใต้การนำทางของหูอี้ซาน
ยังไม่ได้เคาะประตู ประตูห้องทำงานก็เปิดเองแล้ว เลขาหุ่นดีคนหนึ่งยิ้มเล็กน้อย “ทั้งสามคะ ท่านประธานรออยู่นานแล้วค่ะ”
สายตาของพวกถังเฉาทั้งสามคนแปรเปลี่ยน ไม่ใช่เพราะว่าหูเข่อเฟิงรู้ล่วงหน้าว่าพวกเขาจะมา เมื่อกี้ข้อมูลของถังเฉายืนยันออกมาแล้ว และคงจะลือมาถึงหูของหูเข่อเฟิงแล้ว
ที่พวกถังเฉาเขาไม่พอใจคือ ท่านประธานของจวี้เฟิงกรุ๊ปมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือถังเฉา แต่หูเข่อเฟิงกลับเรียกตัวเองว่าท่านประธาน นั่นเป็นการไม่วางถังเฉาไว้ในสายตาชัดๆ
สายตาหูอีซานเย็นชา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกถังเฉาห้ามไว้ “รอดูว่าเขามีอะไรแล้วค่อยว่ากัน”
หูเข่อเฟิงกล้ายึดครองเป็นขอคนอื่น จะต้องมีความมั่นใจของเขาแน่
หูอีซานถึงได้อดทนไว้ แล้วเดิมตามถังเฉาเข้าไป
ไม่นาน ก็เห็นเข้ากับชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ปีนั่งหลังพิงเก้าอี้หมุน สองขาพาดเหยียดไว้บนโต๊ะ อวดเก่งอย่างที่สุด
นั่นก็คือตัวแทนท่านประธานของจวี้เฟิงกรุ๊ป หูเข่อเฟิง
เขามองหูอีซานอย่างล้อเลียน “หูอีซาน นายนี่เก่งจริงๆ กลับมาเจียงเฉิงครั้งนี้ ฉันคิดว่านายคิดได้แล้ว อยากจะกลับสู่ตระกูล ไม่คิดเลยว่าจะมาบีบบังคับแย่งอำนาจ ทำไม นี่ก็คือที่พึ่งที่นายเชิญมา?”
พูดจบ สายตาก็มองไปยังถังเฉา ความเยาะเย้ยในสายตา ไม่ปิดบังเลยสักนิด