“ประธานเฉิง!”
“ประธานเฉิง ท่านมาแล้ว!”
“…”
บรรดาผู้นำน้อยใหญ่ทุกคนที่เดิมรู้สึกไม่พอใจหลินชิงเสว่ ในตอนนี้พอเห็นประธานเฉิงผลักประตูเข้ามาก็รู้สึกเหมือนเจอเสาหลักทันที ทุก ๆ คนลุกขึ้นยืน ท่าทีหรือก็เคารพนบนอบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ฉากนี้ยิ่งทำให้ดวงตาของถังเฉาหรี่ลงมากขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าอำนาจของชิงเสว่ในบริษัทจะยังไม่มากพอนะ
ความมืดมิดในดวงตาของเฉิงเพ่ยวาบผ่าน สิ่งที่แย่งอำนาจของคนอื่นไปก็คือ รอยยิ้มที่เบาสบายเหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ไม่ว่าตำแหน่งของอีกฝ่ายจะสูงต่ำเท่าไหร่เธอก็ล้วนแต่พยักหน้าให้อย่างยินดีปรีดา ท่าทางอ่อนน้อมมีมารยาท
ผู้นำทุกคนก็ผ่อนลมหายใจ อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลินชิงเสว่ที่ยืนอยู่บนเวทีอย่างโดดเดี่ยว
พอประธานเฉิงมาก็จะต้องคุกคามหลินชิงเสว่อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นในตอนแรกเริ่มก่อตั้งบริษัท หลินชิงเสว่คงไม่ย้ายประธานเฉิงไปอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงแน่
ปัง…
ฟางหย่าตบโต๊ะ มองเฉิงเพ่ยด้วยสายตาไม่ดี ตวาดอย่างไม่พอใจว่า “ประธานเฉิงกรุณาระวังคำพูดด้วยค่ะ อะไรที่เรียกว่าประธานหลินลืมคุณไปแล้วคะ?”
“ฟางหย่า… ที่แท้ก็เธอนี่เอง? ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันไป… เธอเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานที่เพิ่งจะเรียนจบมานี่? นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะกลายเป็นรองประธานไปเสียแล้ว”
เฉิงเพ่ยกวาดตามองฟางหย่าแวบหนึ่งแล้วพูดอย่างคร่าว ๆ ยิ้มอย่างเย็นชา “แต่ว่า… ฉันแนะนำว่าตอนที่คุณพูดอะไรควรจะเกรงใจฉันสักหน่อยนะ บริษัทนี้นอกจากประธานหลินแล้วก็ไม่มีใครสามารถทำตัวเสมอกับฉันได้!”
“คุณ…”
บนใบหน้างดงามของฟางหย่าเต็มไปด้วยความโมโห กำลังจะเข้าไปถกเถียง หลินชิงเสว่กลับร้องห้ามเอาไว้ “ฟางหย่า!”
ฟางหย่าหันกลับมา จากที่เดือดดาลอยู่ก็สงบลง “ประธานหลินคะ เธอไม่มองเห็นคุณอยู่ในสายตาเลย…”
“กลับมา”
น้ำเสียงของหลินชิงเสว่เย็นชา แต่กลับมีความน่าเกรงขามที่ไม่ยินยอมให้ปฏิเสธ
ฟางหย่าเดือดดาลไปทั้งใบหน้า เธอยืนอยู่ข้างหลินชิงเสว่ ยังคงไม่ยอมจากไป
เห็นเพียงหลินชิงเสว่ลุกขึ้นจากตำแหน่งประธานมองเฉิงเพ่ยอย่างอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่า “คุณกลับมาโดยไม่บอกสักคำ ไม่มีใครรู้ ก็ต้องไม่ได้แจ้งคุณอยู่แล้ว”
เฉิงเพ่ยยิ้มอย่างยั่วเย้า “พูดแบบนี้… หรือว่าเป็นความผิดของฉันเหรอคะ?”
“หรือว่าไม่ใช่เหรอ?” สายตาของหลินชิงเสว่เยียบเย็น จ้องเฉิงเพ่ยเขม็ง น้ำเสียงหนาวยะเยือก
“งั้นก็ช่างเถอะ”
เฉิงเพ่ยยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ จ้องหลินชิงเสว่เขม็งพลางยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่าในเมื่อฉันมาแล้ว… ถ้าอย่างนั้นฉันก็มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรในการประชุมพนักงานระดับกลางถึงระดับสูงนี้ใช่ไหม?”
“แน่นอน”
ต่อให้หลินชิงเสว่เกลียดเฉิงเพ่ยมากกว่านี้ก็ไม่สามารถที่จะเพิกเฉยต่อตำแหน่งรองประธานของเธอได้
เฉิงเพ่ยเดินเข้าไปทางโต๊ะประชุมรูปวงรี ทันใดนั้นก็มีผู้นำคนหนึ่งที่ยกที่นั่งให้ “ประธานเฉิงท่านนั่งที่ของฉันเถอะ”
“ขอบใจ”
เฉิงเพ่ยไม่ปฏิเสธ แล้วยิ้มขอบคุณ
การพูดการจางดงามมีสง่า บุคลิกเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เทียบกับนิสัยเย็นชา ไร้เหตุผลของหลินชิงเสว่แล้ว เฉิงเพ่ยนั้นดูพูดคุยด้วยง่ายกว่าเยอะเลย
เฉิงเพ่ยนั่งลงในที่นั่งอย่างสง่างาม จากนั้นสายตาก็มองไปที่ร่างของถังเฉา ปรายสายตามองอย่างนิ่งเฉย น้ำเสียงราบเรียบ “คนคนนี้ ฉันเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย!”
“ฉันก็ไม่เห็นด้วย!”
“ประธานเฉิงพูดถูก เขาไม่มีความสามารถที่จะมาเป็นรองประธานเลยสักนิด!”
“ประธานหลิน พวกเรารู้ว่าเขาเป็นสามีของคุณ แต่คุณทำแบบนี้ก็ไม่เหมาะสมเกินไปนะคะ!”
“…”
พอถูกปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชน ถังเฉาไม่ได้โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย เดิมเขาเป็นคนที่ไม่เปิดเผยตัวตนต่อหน้าสาธารณชน แถมยังมีฐานะเป็นสามีของหลินชิงเสว่อีก เป็นคนที่หลินชิงเสว่ตั้งใจฝืนกฎเพื่อที่จะให้เรือขนทองของเธอล่มอยู่ในหนองน้ำนี้
สองมือของหลินชิงเสว่เท้าอยู่บนโต๊ะประชุม เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “ให้เหตุผลที่คัดค้านด้วย”
เฉิงเพ่ยถูกประโยคนี้หยอกเย้าให้ขำขัน “นี้ยังต้องการเหตุผลอีกเหรอ? ประธานหลินเอ๋ย… ดีร้ายอย่างไรคุณก็นั่งอยู่ตำแหน่งประธานมานานขนาดนี้แล้ว หรือว่าแม้แต่คำว่า ‘หลีกเลี่ยงให้ไม่เป็นที่ต้องสงสัย’ ก็ยังไม่เข้าใจความหมายอย่างนั้นหรือ?”
พูดประโยคนี้ออกมาจนสายตาของหลินชิงเสว่หนาวยะเยือกขึ้นมา ถังเฉาเองก็ฟังความหมายที่อยู่ในคำพูดของเฉิงเพ่ยออก ดวงตาเย็นเยียบขึ้นมา
“ประธานหลิน คุณชอบคนหนุ่มหน้าตาดีที่ไม่มีความสามารถนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ฉันไปยุ่งด้วยไม่ได้ แต่ว่าคุณพาผู้ยิ่งใหญ่ในครอบครัวของคุณมาบริษัท ทั้งยังให้เขามาเป็นรองประธานไม่เหมาะมั้ง?”
เฉิงเพ่ยวาดขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง มองผู้นำที่อยู่รอบ ๆ “ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญของลี่จิงกรุ๊ป ต่อให้ไม่มีความดีความชอบ แต่ก็ทำงานมาอย่างยากลำบาก ตำแหน่งของรองประธานไม่ว่าจะอย่างไรก็ไปไม่ถึงคนเกาะภรรยากินในบ้านของคุณ คุณทำแบบนี้ไม่กลัวว่าจะทำให้ทุกคนผิดหวังหรอกหรือ?”
คำพูดนี้เรียกได้ว่าประณามอย่างถึงที่สุด เฉิงเพ่ยฉลาดมาก แถมยังไม่ได้ใช้กำลังของตัวเองเข้าสู้กับหลินชิงเสว่อีกต่างหาก แต่กลับปลุกปั่นอารมณ์ไม่พอใจของพนักงานระดับกลางและระดับสูงทุกคนมาจัดการกับหลินชิงเสว่
ฉับพลันบนใบหน้าของพนักงานระดับกลางจนถึงระดับสูงล้วนฉาบไปด้วยความโกรธเคือง หันปลายหอกเข้าหาหลินชิงเสว่
“ประธานหลิน เรื่องนี้จะต้องหาคำอธิบายมาให้พวกเราด้วยนะ!”
“ใช่ พวกเราไม่ทำด้วยแล้ว!”
“เขาเป็นสามีของคุณ แต่ว่าจะให้เขามาเป็นรองประธานพวกเราไม่ยินยอม! อีกอย่าง ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงภายนอกจะเสื่อมเสียชื่อลี่จิงกรุ๊ปของพวกเรา!”
“…”
เสียงต่อต้านด้วยความไม่พอใจหนักข้อขึ้นทุกที หลินชิงเสว่กลับจมอยู่ในความเงียบ
ถังเฉาเองก็ไม่พูดไม่จา มองทุกอย่างด้วยสายตาสงบนิ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูด แต่เป็น… พูดไม่ได้
เช่นเดียวกับที่เฉิงเพ่ยพูดมา ตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นคนของลี่จิงกรุ๊ป คนที่ควบคุมเขาได้ในห้องประชุมนี้มีเพียงหลินชิงเสว่
เห็นหลินชิงเสว่ไม่กล้าพูดอะไร เฉิงเพ่ยจึงคิดว่าเธอกลัว อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากเป็นรอยยิ้มที่สังเกตเห็นได้ไม่ง่ายนัก
“ประธานหลิน ฉันขอแนะนำว่าให้คุณใช้เหตุผลหน่อยนะคะ ฉันเข้าใจดีว่าคุณร้อนใจอยากจะหางานให้สามีไร้ประโยชน์ของคุณ แต่คุณก็ไม่สามารถที่จะเอาตำแหน่งรองประธานมอบให้เขาโต้ง ๆ อย่างนี้ได้นะคะ”
เฉิงเพ่ยเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ชี้นิ้วไปทางถังเฉาที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ พูดเสียงสูงขึ้นมาแปดระดับอย่างกะทันหัน “คุณบอกฉันมาสิว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งรองประธานตรงไหน?”
หลินชิงเสว่ยังคงเงียบ ถังเฉาที่นั่งอยู่ข้างหลังก็มีสายตาเย็นเยียบยิ่งขึ้น
เงียบอยู่นาน ทันใดนั้นหลินชิงเสว่ก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตากวาดมองทุกคนอย่างเย็นเยียบ
สายตาดุดัน ลมปราณสยบคน บรรดาผู้นำที่เกิดอาการหงุดหงิดกระสับกระส่ายไม่เป็นสุขทั้งหมดไม่เหลือความหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว สายตาไม่สงบถึงขีดสุด
เฉิงเพ่ยที่เดิมมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมก็นั่งหลังตรง จ้องหลินชิงเสว่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ในใจก็บังเกิดความรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา
เห็นเพียงสายตาที่เยียบเย็นของหลินชิงเสว่นั่นมองผ่านไปบนร่างของผู้นำทุกคนที่เคยคัดค้าน หลังจากนั้นริมฝีปากสีแดงสดก็เปิดขึ้นน้อย ๆ “ไม่อธิบาย พวกคุณก็จะไม่ทำแล้วใช่ไหมคะ?”
ทุกคนตกตะลึงในใจ รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมา แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือพูดขึ้นมาว่า “ใช่ นี่มันไม่ยุติธรรมกับพวกเรา พวกเราจะสู้เพื่อสิทธิ์ที่พวกเราควรจะได้!”
“สิทธิ์ที่พวกคุณควรจะได้เหรอ?”
หลินชิงเสว่ยิ้มเยือกเย็น “คนที่ไม่มีคุณูปการต่อบริษัท ยังจะถามหาสิทธิ์ที่ควรจะได้อีกเหรอ?”
ทุก ๆ คนนิ่งไปในทันที เฉิงเพ่ยเองก็มีสีหน้าไม่คงที่ นึกไม่ถึงว่าหลินชิงเสว่จะกล้าพูดแบบนี้ในที่ประชุมของพนักงานระดับกลางถึงระดับสูง ไม่กลัวว่าจะสูญเสียความชอบหรือไง?
อย่างไรก็ตาม ประโยคต่อมาก็ทำให้ทุก ๆ คนขนหัวลุกกันหมด
“ในเมื่อพวกคุณไม่ยินดีจะทำ ถ้าอย่างนั้นก็ออกไป ก่อนเที่ยงทุกคนไปเขียนจดหมายลาออกแล้วส่งมาให้ถึงมือฉัน!”
กริบ…
พอคำพูดนี้ลั่นออกมา ราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวัน ทุกคนมีสีหน้าราวกับไร้จิตวิญญาณ รวมถึงฟางหย่ากับเฉิงเพ่ย รองประธานทั้งสองคนด้วย
พวกเธอสงสัยว่าหูของตัวเองฟังผิดไป นึกไม่ถึงว่าหลินชิงเสว่… จะไล่ออกหมดทุกคน!
ฟางหย่าสีหน้าร้อนใจ เธอรีบห้ามปราม “ประธานหลินคะ คุณกำลังพูดอะไรน่ะ ไล่คนออกมากมายขนาดนี้ ไม่เพียงแค่จิตใจของคนในบริษัทจะไม่มั่นคง แต่ว่าการหมุนเวียนของโครงการทั้งหมดก็จะต้องหยุดไปนะคะ!”
แต่ทว่า… ใบหน้าของหลินชิงเสว่ยังคงหนาวเหน็บ “ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่กลุ่มที่เป็นหัวใจสำคัญไม่ได้เปลี่ยน ไม่ว่าจะเปลี่ยนบุคลากรไปเยอะแค่ไหนฉันก็รับได้ทั้งนั้น!”
“ที่จริงแล้วต่อให้ไม่ลงมือในครั้งนี้ วันหลังฉันก็ยังต้องลงมือชำระสะสางพวกมอดที่ความสามารถกับเงินเดือนไม่สอดคล้องกันอยู่ดี”
พวกผู้นำทุกคนที่เคยต่อต้านหลินชิงเสว่ทั้งหมดล้วนมีสีหน้าไร้สีเลือดราวกับคนตาย สีหน้าไร้จิตวิญญาณ
พวกเธอเอาการลาออกมาบีบบังคับ ไม่ได้อยากจะลาออกจริง ๆ แต่คิดจะช่วงชิงสิทธิและประโยชน์ที่ควรจะได้มาจากในมือของหลินชิงเสว่ให้มากกว่าเดิมเท่านั้น
เฉิงเพ่ยเองก็พูดไม่ออกอย่างไร้ซึ่งความรู้สึก นิ้วมือสั่นไหวน้อย ๆ
เดิมทีจุดประสงค์ของเธอก็คือการแสดงอำนาจต่อหลินชิงเสว่ก็เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเธอจะหัวรุนแรงถึงเพียงนี้ เพื่อสามีไร้ประโยชน์ของเธอถึงกับจะไล่คนออกมากมายขนาดนั้น เป็นผลสำเร็จที่คาดไม่ถึงจริง ๆ!
ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็ตื่นเต้นขึ้นมา “หลินชิงเสว่ นี่เป็นสิ่งที่เธอพูดมาเอง อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ!”
หลินชิงเสว่ท่าทีเย็นชา “คุณว่าเขาเหมาะกับตำแหน่งรองประธานแล้วใช่ไหม?”
เฉิงเพ่ยหวาดกลัวสายตาของหลินชิงเสว่อยู่นิด ๆ แต่พอมองถังเฉาที่ยังคงมีสีหน้านิ่งสงบ ใจของเธอก็พาลขึ้นมา กัดฟันแล้วพูดว่า “หรือว่าฉันพูดผิดหรือไงคะ?”
“หนึ่ง เขาไม่ใช่คนของลี่จิงกรุ๊ป ไม่เข้าใจกิจการของบริษัทเลยสักนิด”
“สอง เขาเคยทำความดีความชอบอะไรให้กับลี่จิงกรุ๊ปไหม?”
“สาม คุณคิดใช่ไหมว่าคุณเป็นซีอีโอแล้วก็จะสามารถทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้น่ะ!”
ซักถามติดต่อกันสามประโยค เฉิงเพ่ยก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาปะทะกับหลินชิงเสว่อย่างดุเดือด
“ดี ฉันจะบอกพวกคุณให้นะ ว่าทำไมฉันถึงให้ถังเฉามาเป็นรองประธาน ฯ!”
“ไม่ใช่เพราะเขาเป็นสามีของฉันเลยสักนิด แต่เป็นเพราะว่าที่ลี่จิงกรุ๊ปมีวันนี้ได้ อาศัยเขาทั้งหมด!”
หลินชิงเสว่เสียงดังขึ้นหลายระดับ ชี้ไปที่ถังเฉาแล้วพูดว่า “ฉันจะไม่พูดถึงอย่างอื่น ลำพังแค่เงินสนับสนุนแปดร้อยแปดสิบล้านหยวนนั่นก็เป็นเงินที่เขาหามาได้”
“พวกคุณที่อยู่ที่นี่ ใครมีความสามารถนี้บ้าง?”
เธอถามอย่างรุนแรงจนทำให้ทุกคนรู้สึกทึ่มขึ้นมา