“แม่……”
หลินจ้าวหยูนหดอยู่ด้านหลังถังเฉา เรียกออกมาคำหนึ่งแบบขี้ขลาด มองหญิงวัยกลางคนผู้สง่างามที่เดินออกมาคนนี้ด้วยสีหน้าหวาดกลัวอยู่บ้าง
หลินหมิงหู่ หลินจื่ออินคนอื่นกลับเหมือนมองเห็นผู้ช่วยชีวิต เรียกไปพร้อมกัน “เจ้าแม่ตระกูล!”
ถังเฉาหรี่ตาเล็กน้อย พินิจพิเคราะห์หญิงวัยกลางคนที่สวมชุดกี่เพ้า และท่วงท่างดงามคนนี้
ท่านนี้ น่าจะเป็นภรรยาใหม่ของหลินรั่วหวี เว่ยหมิงจวินสินะ
หล่อนดูแลตัวเองได้ดีมาก บนตัวยังมีความอ่อนโยนคล้อยตามแบบเฉพาะของผู้หญิงเจียงหนาน ทำให้ภายในใจคนรู้สึกสบายใจ
เมื่อคืนได้ยินลั่วเยนอวิ๋นบรรยาย ถังเฉายังนึกภาพไม่ออก ตอนนี้มาเจอตัวจริงเข้า ในที่สุดเขาเข้าใจที่หลินรั่วหวีเลือกหล่อนแล้ว
นี่คือผู้หญิงฉลาดที่รู้จักวางตัว และเข้าใจความเหมาะสมของจังหวะ รู้ว่าจะเอาใจผู้ชายอย่างไร หลินชิงเสว่กลับสายตาดูเย็นชาในชั่วขณะหนึ่ง
“ยังไม่ขอโทษพี่จื่ออินอีก?”
เว่ยหมิงจวินทำหน้าตึง พูดสั่ง
หลินจ้าวหยูนเหมือนหวาดกลัวมารดาของเธอมาก หน้าตาไม่ยินยอมเต็มที่ หลินจื่ออินโล่งอกไปทีหนึ่งแล้ว ราวกับได้ชำระแค้นใหญ่ รอหลินจ้าวหยูนขอโทษหล่อน
หลินจ้าวหยูนกำลังจะขอโทษ ทันใดนั้น หลินชิงเสว่ตะโกนเสียงเย็นชา “ไม่ต้องขอโทษหรอก!”
คำพูดนี้ออกมา สีหน้าหลินจื่ออินเปลี่ยนฉับพลัน สายตาเว่ยหมิงจวินก็เย็นเฉียบ
หลินชิงเสว่ถามกลับด้วยเสียงเย็นชา “เธอทำอะไรผิด ถึงต้องขอโทษหล่อนด้วย?”
เว่ยหมิงจวินมองหลินชิงเสว่อย่างลุ่มลึก เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็หัวเราะแบบอารมณ์เบิกบาน “ชิงเสว่กลับมาแล้วเหรอ? จ้าวหยูนยัยเด็กคนนี้นิสัยเอาแต่ใจ เลี้ยงมาจนเสียนิสัยบ้าง นี่ฉันกำลังตักเตือนหล่อนอยู่”
“ตักเตือน? ขอโทษนะ หล่อนทำถูกมาก ไม่ต้องขอโทษ”
หลินชิงเสว่ไม่เห็นคำพูดของหล่อนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย โต้กลับคำพูดของเว่ยหมิงจวินโดยตรง
หางตาเว่ยหมิงจวินกระตุกนิดหน่อยทันที ถลึงตาใส่หลินชิงเสว่ไม่ขยับ
คนในเหตุการณ์ล้วนรู้สึกความผิดปกติของบรรยากาศ ทั้งที่เว่ยหมิงจวินเป็นภรรยาของหลินรั่วหวี เดิมทีหลินชิงเสว่กลับไม่เห็นหล่อนอยู่ในสายตาเลย แม้กระทั่ง—-ไม่ยอมรับหล่อนแม่เลี้ยงคนนี้
ถังเฉาเข้าใจอย่างมาก หลินชิงเสว่สามารถปั้นหน้าต่อใครได้ดีหมด มีเพียงกับหล่อนคนเดียวที่ทำไม่ได้
เพราะหล่อนคือคู่แค้นของมารดาเธอ
“คุณน้าครับ เกิดเรื่องอะไรกัน?”
ตอนที่เว่ยหมิงจวินไม่รู้จะไปต่ออย่างไร ในบ้านกลับมีเสียงที่อ่อนโยนของชายหนุ่มลอยมา
ชายหนุ่มที่สวมสูทอามานี่คนหนึ่งเดินออกมาแล้ว บนข้อมือเป็นนาฬิกาทองประเทศรุ่ยที่เหลืองอร่าม การแต่งตัวแบบมาตรฐานของบุคคลผู้ประสบความสำเร็จ
เพียงแต่ว่าขาเป๋ไปข้างหนึ่ง
“ผู่หยาง”
“พี่ผู่หยาง!”
หลินจื่ออิน หลินหมิงหู่กลับไม่ถือสาว่าชายหนุ่มขาพิการสักนิด ต่างขึ้นไปต้อนรับ
เว่ยหมิงจวินหาจังหวะจบเรื่องลง หัวเราะแบบไม่ทิ้งร่องรอย “เด็กๆ ในตระกูลขัดแย้งกัน ยังทำผู่หยางตกใจแล้ว”
ฉินผู่หยางจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ที่ไหน พูดตามใจตนเอง “ในเมื่อเป็นเรื่องเล็ก งั้นก็ให้มันผ่านไปแบบนี้เถอะครับ”
เว่ยหมิงจวินพยักหน้าทันใด “ในเมื่อผู่หยางพูดมาแบบนี้ งั้นก็ช่างไปแล้วกัน จ้าวหยูน ต่อไปทำตัวดีๆ หน่อย!”
หลินจ้าวหยูนมองตาค้อน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เอามาใส่ใจ
เว่ยหมิงจวินมาที่ด้านหน้าหลินชิงเสว่ จับมือของเธอขึ้นแบบกระตือรือร้น ดึงเธอมาที่ด้านหน้าฉินผู่หยาง ยิ้มบอกว่า “ชิงเสว่ ฉันจะแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้เธอรู้จัก”
“เขาชื่อฉินผู่หยาง เป็นคุณชายของตระกูลฉินแห่งตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ไม่เพียงเคยเป็นทหาร หลังปลดประจำการยังสร้าง’เจิ้งหยางกรุ๊ป’ขึ้นด้วย ตอนนี้ทรัพย์สินเกินร้อยล้าน เชื่อว่าพวกเธอจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
“สวัสดีครับ”
ฉินผู่หยางยิ้มแบบสุภาพบุรุษ ยื่นมือออกไปทางหลินชิงเสว่
ตอนที่ยื่นมือ สายตาของเขากลับชำเลืองไปยังถังเฉาที่อยู่ด้านหลังหลินชิงเสว่แบบไม่รู้ตัว ยิ้มเยาะไม่หยุด
ดวงตาของถังเฉาหรี่ขึ้น ทว่ากลับไม่ได้พูดจา
ใบหน้าหลินชิงเสว่ยิ่งหนาวเหน็บ ดูไม่ออกได้อย่างไร เว่ยหมิงจวินมีความหมายจะจับคู่เธอกับฉินผู่หยาง?
เพียงแต่หล่อนพูดอ้อมค้อมมาก แค่บอกว่าจะแนะนำเพื่อนคนหนึ่ง และไม่ใช่เริ่มต้นมาเปิดเผยสถานะเลย จึงทำให้ผู้คนได้ช่องว่างคิดฝันแบบไร้ขีดจำกัด
สามารถเป็นผู้หญิงของหลินรั่วหวีได้ ย่อมไม่เหมือนคนทั่วไปจริงๆ
แต่ทว่าตอนที่เว่ยหมิงจวินยังอยากแนะนำฉินผู่หยาง หลินชิงเสว่กลับหัวเราะแบบมีเลศนัยกะทันหัน “ไม่ต้องบอกแล้ว บอกไปฉันก็จำไม่ได้”
“……”
ชั่วขณะนั้น สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนฉับพลัน บนหน้าเจ็บแบบแสบร้อน เหมือนโดนใครมาตบหน้าแรงๆ สองที
เมื่อสักครู่ หลินหมิงหู่ใช้คำพูดประโยคนี้เหยียบย่ำถังเฉา นึกไม่ถึงพริบตาเดียว หลินชิงเสว่จะใช้คำพูดเดียวกันมาเหยียดหยามฉินผู่หยางที่ทุกคนเคารพอย่างมากกลับคืน
นี่ทำให้พวกเขาโกรธแค้นมากว่าอับอายเสียอีก
สีหน้าฉินผู่หยางแข็งทื่อ เพียงฝืนกลั้นเก็บมือของตนเองกลับมา มองทางถังเฉาแบบโกรธเคืองยิ่งกว่าเดิม
ถังเฉากวาดตามองเขาแบบเย็นชาแวบหนึ่ง ความอึมครึมในสายตา ทำให้เขาหวาดผวา
ระหว่างที่บรรยากาศกระอักกระอ่วน เว่ยหมิงจวินได้สติกลับมาทันเวลา หัวเราะแล้ว “เอาล่ะ อย่ามั่วยืนอยู่แต่ข้างนอกกันเลย รั่วหวีใกล้กลับมาถึงแล้ว ไปนั่งข้างในกันดีกว่า”
พูดคำนี้ออกมา ทุกคนล้วนเดินเข้าไปในบ้าน
ถังเฉาพาถังเสี่ยวลี้เดินเข้าไปเช่นกัน แวบเดียวก็มองเห็นเว่ยหมิงจวินนั่งไขว่ห้างลงบนโซฟา ดึงมือหลินชิงเสว่ไปพูดคุยด้วย
ถึงแม้หลินชิงเสว่ไม่ได้สนใจ แต่ว่าเว่ยหมิงจวินไม่ถือสาแม้แต่น้อย ทำท่าทางสนิทสนมกับหลินชิงเสว่มาก
ถังเฉาเพิ่มความระวังตัวขึ้นมา หลินชิงเสว่เป็นลูกสาวของศัตรูหล่อน สามารถแสดงท่าทีแบบนี้ต่อลูกสาวของศัตรูได้ ยืนยันได้ว่าความสามารถเรื่องการหักห้ามใจของหล่อนแข็งแกร่งขั้นสุด
ในเวลานี้เอง เว่ยหมิงจวินอดมองไปยังถังเฉาไม่ได้
ช่วงเวลานี้ สายตาถังเฉาเย็นยะเยือกนิดหน่อย ความตื่นตัวในใจไปถึงขีดสุด
นี่คือสายตาอะไรกัน?
แรกเห็นไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่พอมองเข้าไปแวบที่สอง จะพบกับสายตาที่นิ่งเฉยเหลือเกิน นิ่งเฉยจนไม่เห็นกำลังมองคนเป็นอยู่
ไม่เพียงมองเขาแบบนี้เท่านั้น บางทียังมองทางหลินชิงเสว่ ซึ่งเป็นสายตาแบบนี้เช่นกัน
“มีอะไรเหรอ?”
หลินชิงเสว่ถามขึ้นอย่างสงสัย
ถังเฉากลับส่ายหน้าตอบ “ไม่มีอะไร”
ตอนที่มองเว่ยหมิงจวินอีกครั้ง ความเย็นชาที่ทำให้คนขนลุกแบบนั้นในสายตาของเขาก็หายไปแล้ว มีเพียงรอยยิ้มที่นิ่งๆ
“ชิงเสว่บอกฉันหมดแล้ว เธอคือสามีของหล่อน”
เว่ยหมิงจวินมองถังเฉา ยิ้มกริ่มบอกไป
“สวัสดีครับคุณป้า”
ถังเฉาพยักหน้า ทำหน้าที่ของผู้อาวุโสน้อยกว่าอย่างดี
“สวัสดี”
เว่ยหมิงจวินพยักหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ลุงหลินของเธอใกล้จะมาถึงแล้ว รออีกหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ถังเฉายิ้มตอบรับ
ถ้าไม่ได้รับรู้เรื่องราวมาก่อนหน้านี้ ถังเฉาคงคิดว่าเว่ยหมิงจวินคนนี้เป็นผู้หญิงสง่างามที่ต้อนรับคนอย่างเมตตา และยังไม่มีมาดคุณนายผู้ดีด้วย
ต่างฝ่ายต่างความเห็นไม่ตรงกันจึงเงียบกันเอาไว้ เขาคิดว่าบทสนทนากับเว่ยหมิงจวินจบสิ้นลงแล้ว นึกไม่ถึง หล่อนล้วงอั่งเปาซองหนาออกมาจากในอ้อมอกต่อหน้าผู้คน ยื่นให้ในมือถังเฉา
“เสี่ยวเฉา เธอมาที่บ้านของพวกเราครั้งแรก นี่คือน้ำใจเล็กๆ ของป้า เธอรับไว้สิ”
พูดคำนี้ออกมา ทุกคนในห้องล้วนหันหน้ามามองที่ถังเฉา ไม่ปกปิดความหยอกล้อในสายตาแม้แต่น้อย
ถังเฉามองอั่งเปาซองนี้อยู่จมสู่ความเงียบงัน อั่งเปาหนามาก ด้านในใส่ธนบัตรสีแดงใบใหญ่เอาไว้เต็ม นับรวมขึ้นมา เดาว่ามีเป็นแสน
ท่าทางของหลินชิงเสว่ และลั่วเยนอวิ๋น กลับดูอึมครึมและหนาวเหน็บในเสี้ยววินาที
“คุณให้เงินขอทานหรือไง?”
หลินชิงเสว่ถามด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร สายตาที่มองทางเว่ยหมิงจวินเต็มไปด้วยเจตนาอันเป็นศัตรู