มองดูหลินชิงเสว่ที่ปิดตาอยู่ในอ้อมกอด ริมฝีปากแดงที่ยั่วยวน ถังเฉาแอบกลืนน้ำลาย
หลินชิงเสว่มอบตัวให้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งก่อนที่ทั้งสองแยกกันอยู่ครึ่งเดือน เวลายาวนานแต่กลับไม่มีความหมาย หลินชิงเสว่เคยเสนอคำขอที่จะนอนด้วยกัน แต่กลับถูกถังเฉาปฏิเสธ
เพราะเขารู้ดีว่า หลินชิงเสว่ในตอนนั้น ยังรักเขาน้อยมาก สิ่งที่มากกว่าคือขอบคุณและเกาะติด นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
แต่ว่าครั้งนี้ ความรักที่หลินชิงเสว่มีให้ตัวเขา แทบจะล้นออกมาแล้ว ยังจะปฏิเสธได้หรอ?
ถังเฉาหายใจเข้าลึกๆ ไม่ลังเลอีกต่อไป ขึ้นคร่อมเหมือนกับฉีดยาชูกำลัง
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หลินชิงเสว่นอนหอบอยู่ข้างกายถังเฉา ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดฝาด
ถังเฉารีบขอโทษ “ขอโทษนะ ฉันหนักเกินไปใช่มั้ย?”
เขาตื่นตระหนกจนหน้าแดง ตัดอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อน ด้านนี้สำหรับเขานั้นถือเป็นคนซื่อที่ยังเรียนไม่จบ
หลินชิงเสว่ถลึงตาใส่เขา “นายยังจะพูด?”
ถังเฉานิ่งไป จากนั้นก็ลูบจมูกตัวเองอย่างเขินอาย
หลังจากเสร็จ ความไม่สบายใจของถังเฉาก็หายไปจนหมด รู้สึกมีความสุขที่ตัวเองได้แต่งเมียที่ดีแบบนี้
หลิวชิงเสว่เองก็เหมือนกัน ตั้งแต่ที่ทั้งสองทำลายการป้องกันทางจิตใจเส้นสุดท้าย ในใจก็มีความรู้สึกแปลกๆอย่างหนึ่งอยู่ตลอด
เขาและหลินชิงเสว่ ไม่มีพื้นฐานทางความรู้สึกเลยสักนิด รวมทั้งเดินด้วยกันมาด้วยความเกลียดชัง และเพราะอย่างนี้ ทั้งสองจึงได้ยิ่งรักษากันและกัน
“นี่คงจะเป็นความรู้สึกของการมีความรักสินะ…”
ภายในความมืด ถังเฉายังไม่ยอมหลับ พูดในใจอย่างแผ่วเบา
ส่วนหลินชิงเสว่นั้นหลับลึกไปแล้ว แม้ว่าจะนอนหลับ ก็ยังกอดแขนของถังเฉาไว้ เหมือนกับว่ากลัวจะหล่นหาย
ถังเฉามองดูก็ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดตาลง
วันต่อมา หลินจ้าวหยูนตื่นแต่เช้าตรู่ เคาะประตูอย่างตื่นเต้น “พี่ พี่เขย รีบตื่นได้แล้ว ต้องรีบไปขึ้นเครื่องแล้ว”
ทั้งสองเพิ่งจะทำลายการป้องกันจิตใจขั้นสุดท้าย หลินชิงเสว่เหนื่อยมาก เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพิ่งจะตีห้าครึ่ง แล้วก็อารมณ์เสียในทันที “เพิ่งจะตีห้าครึ่งก็มาก่อกวนพวกเรา เธอคันตัวหรอ?”
“ก็คนเค้านอนไม่หลับนี่นา”
หลินจ้าวหยูนยิ้ม อยู่ๆก็จ้องมอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด “พี่ เมื่อคืนพี่กับพี่เขยทำอะไรกัน?”
“ห๊ะ….ไม่ได้ทำอะไรนี่!”
หลินชิงเสว่ละอายใจ แล้วก็ปิดแก้มของตัวเองไว้
“โกหก!”
หลินจ้าวหยูนกลับเดินวนหลินชิงเสว่หนึ่งรอบ ใบหน้าก็ยิ่งยิ้มร้ายขึ้น “พี่จะต้องไม่รู้แน่ว่าก่อนเกิดกับหลังเกิดเรื่องบรรยากาศที่รู้สึกได้มันไม่เหมือนกัน!”
หลินชิงเสว่ตื่นตูม คิดว่าใบหน้าตัวเองมีอะไรติด ก็รีบเอากระจกขึ้นมาดู
ก็ยังสวยเหมือนเดิม และยังมีเสน่ห์เหมือนเดิม…..เธออดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองถังเฉา กลับเห็นว่าถังเฉาเองก็มองเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หลินชิงเสว่จะต้องไม่รู้แน่ว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอนั้นแดงขึ้น ความเย็นชาที่เคยมีก็น้อยลง มีเสน่ห์ที่เป็นภรรยาเพิ่มมากขึ้น
เสน่ห์แบบนี้ไม่สามารถคัดลอกกันได้ มีเพียงแค่ผ่านมาด้วยตัวเอง ถึงจะรับรู้ได้ สายตาที่หลินจ้าวหยูนมองไปยังหลินชิงเสว่ เต็มไปด้วยความอิจฉา
“ต่อไป ผมก็ห้ามปล่อยมาบังหน้า ต้องมัดขึ้น” ถังเฉาพูดยิ้มๆ
หลินชิงเสว่รู้ว่าหมายความว่ายังไง พยักหน้าเบาๆ แล้วมัดผมยาวขึ้น
นี่ก็หมายความได้ว่า เธอเป็นภรรยาของถังเฉาอย่างแท้จริงแล้ว ทั้งสองไม่มีช่องว่างต่อกันอีก
เมื่อกินข้าวเช้าแล้ว ถังเฉา หลินชิงเสว่ทั้งสี่คนก็มุ่งหน้าไปยังสนามบินเยี่ยนจิง
เมื่อกำลังจะเข้าจุดตรวจความปลอดภัย อยู่ๆก็เห็นร่างหนึ่งที่คุ้นเคย ยืนอยู่ที่ประตูเหมือนดั่งรูปปั้น
ทันใดนั้น สีหน้าของถังเฉาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลินชิงเสว่เองก็หันหน้าไป มีเพียงหลินจ้าวหยูนคนเดียวที่วิ่งเข้าไปทักทายอย่างมีความสุข
“แด๊ดดี้!”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของลูกสาว หลินรั่วหวีเองก็มองไป ใบหน้าที่เข้มงวด ปรากฏความอบอุ่นและรอยยิ้มขึ้น
ถังเฉาก็ทำได้เพียงพาหลินชิงเสว่มาตรงหน้าของหลินรั่วหวี และทักทายด้วยรอยยิ้ม
“คุณลงหลิน”
“อืม”
หลินรั่วหวีพยักหน้าเบา ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“แด๊ดดี้ คงไม่ใช่ว่ารู้ว่าพี่สาวหนูจะกลับหมิงจู เลยจงใจตื่นแต่เช้า เพื่อมาเฝ้าที่หน้าประตูสนามบินใช่มั้ยคะ?”
เมื่อประโยคนี้ออกมา สีหน้าของถังเฉาและหลินชิงเสว่เองก็เปลี่ยนเล็กน้อย
ถ้าพูดอย่างนี้ เขารอมาสองชั่วโมงแล้ว เพียงเพื่อแค่ได้เจอหน้าลูกสาวคนโต
ถังเฉารีบทำความเคารพอย่างจริงจัง ไม่ว่าต่อไปทั้งสองจะเป็นศัตรูหรือพันธมิตร สำหรับพ่อตาแล้ว เขาก็ยังมีใจที่เคารพอยู่
หลินชิงเสว่เองก็สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่หน้าตาไร้อารมณ์ความรู้สึกอีกแล้ว
“อืม”
ถูกลูกสาวคนเล็กจงใจเปิดเผย หลินรั่วหวีเองก็ไม่อาย และยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
แต่ว่า เมื่อสายตามองไปที่หลินชิงเสว่ เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของเธอ สีหน้าของหลินรั่วหวีกลับแข็งทื่อ
เขาเป็นคนที่เคยผ่านมา ทำไมจะดูการเปลี่ยนแปลงในตัวของหลินชิงเสว่ไม่ออก?
แต่ว่า เขาก็ไม่ได้โกรธ เพียงแค่ทำเป็นไม่รู้ ยิ้มและมองไปทางหลินชิงเสว่ “จะกลับแล้วหรอ?”
“ค่ะ”
ถึงแม้ว่าหลินชิงเสว่จะไม่ได้มองข้ามอีก แต่ก็ยังพูดน้อยใส่
นี่เพียงพอที่จะให้หลินรั่วหวีดีใจแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเพิ่มขึ้น และพูดว่า “จะกลับมาอีกเมื่อไหร่?”
“ไม่รู้ค่ะ”
หลินชิงเสว่หันหน้าไป
“ครั้งหน้า ฉันจะมาเยี่ยมเธอ”
“……”
เมื่อประโยคนี้ออกมา สีหน้าของหลินชิงเสว่ก็เปลี่ยนไป “ไม่ได้…..”
“ถ้าเป็นไปได้ครับ”
ไม่รอให้หลินชิงเสว่พูดจบ ถังเฉาก็พูดขึ้นก่อน ตอบรับด้วยรอยยิ้ม
ดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าหลินรั่วหวีก็เยอะขึ้น หลินชิงเสว่กลับหันไปมองถังเฉาอย่างไม่น่าเชื่อ
ถังเฉายิ้มกับเธอ จากนั้นก็มองไปทางหลินรั่วหวี “คุณลุงหลินมาเป็นแขกที่หมิงจู ผมยินดีต้อนรับมากครับ”
“ดี”
ครั้งแรกที่หลินรั่วหวียิ้มกับถังเฉา
ถังเฉาดูเวลาแล้วพูดว่า “ต้องตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว คุณลุงหลินครับ พวกเราไปก่อนแล้วกันนะครับ”
พูดจบ ก็พาพวกหลินชิงเสว่ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในสนามบิน
“อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้แล้วนะ”
หลินรั่วหวีพูดตามหลัง
ถังเฉาตัวตรงโบกมือแล้วเดินเข้าสนามบิน
หลินรั่วหวีที่ยืนมาสองชั่วโมงโดยไม่ขยับสักนิด ปรากฏรอยยิ้มอย่างจริงใจออกมา และหันหลังจากไป
ตอนที่เครื่องบินขับขึ้น อยู่ๆหลินชิงเสว่ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “นายและเขาตกลงอะไรกันไว้?”
ถังเฉากลับยิ้มอย่างลึกลับ “ความลับ”
หลินชิงเสว่ไม่พอใจกับคำตอบนี้อย่างเห็นได้ชัด และพูดอย่างโมโหว่า “นายจะพูดไม่พูด?”
“ไม่มีอะไรจริงๆ”
ถังเฉาพูดอย่างหมดหนทาง “คุณลุงหลิน ไม่เหมือนกับคนอื่นในตระกูล”
หลินชิงเสว่กลับตกอยู่ในความเงียบ ไม่พูดตอบอะไร
เธอเองก็ไม่ใช่คนโง่ สำหรับความสัมพันธ์ของพ่อเธอและถังเฉา ที่จริงแล้วเธอก็ดูออกนิดหน่อย
เป็นศัตรูที่เคารพกัน หลินรั่วหวีชื่นชมถังเฉา ถังเฉาเองก็เข้าใจหลินรั่วหวี ถึงแม้จุดยืนจะไม่เหมือนกัน แต่ก็ต่างเคารพกัน
“เวลาอีกมากมาย”
อยู่ไปถังเฉาก็พูดประโยคลึกซึ้งหนึ่งขึ้นอย่างเบาๆ จากนั้นก็หันไปเล่นกับถังเสี่ยวลี้
หลินชิงเสว่นิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ดูท้องฟ้าที่ค่อยๆสูงขึ้น และยิ้มออกมา
“เวลาอีกมากมาย”