แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
สิ้นเสียงพูดของถังเฉา สายตาของเฟิ่งหวงก็เยียบเย็นตามมา อาศัยแค่วิธีการที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาปะทะอย่างแรงเพื่อสกัดกั้นพวกเขา ก็เพียงพอที่จะดูออกแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาดี
หงโฝยิ่งมีความโมโหร้ายเต็มใบหน้า เป็นเพราะผู้ชายคนนี้ โยเกิร์ตที่เธอเฝ้าปรารถนาถึงได้พลิกคว่ำไป
แถมผู้ชายผมสั้นเตียนที่ยืนอยู่นอกรถ เห็นได้ชัดว่านึกไม่ถึงเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะพูดจาอวดดีออกมาเช่นนี้ น้ำเสียงในตอนนี้จึงเปลี่ยนเป็นไม่ดีนัก
“กล้ามากนะ แกน่าจะรู้นะ ว่าคุณชายของตระกูลฉันเป็นใคร ยังจะกล้าให้เขามาเชิญแกอีกเหรอ?”
ในเวลาเดียวกันนี้เอง กลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ได้สั่นสะเทือนออกมาจากร่างของเขา
สีหน้าของเฟิ่งหวงและหงโฝเปลี่ยนไปในทันที จากเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าคนคนนี้เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง
ถังเฉากลับยังคงกวาดตามองเขาอย่างคร่าว ๆ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลยสักนิด “คุณชายของตระกูลคุณ… เป็นใครเหรอ?”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ สีหน้าของชายผมสั้นเตียนก็เปลี่ยนเป็นเคารพนบนอบทันที
“คุณชายแซ่เซี่ย นามหรูหลง!”
“เซี่ยหรูหลง?”
ถังเฉาคิดใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็นึกออกว่า ในงานแต่งงานของตระกูลเหวินเขาเคยได้เป็นตัวแทนของตระกูลเซี่ยออกงาน
ต่อมาตระกูลเหวินสูญสิ้น เขากับลู่โป๋หานที่เป็นตัวแทนตระกูลลู่ก็ฮุบดินแดนของตระกูลเหวินด้วยกัน
“ที่แท้ก็เขานั่นเอง”
สายตาของถังเฉามองตามรถบ้านที่หรูหราคันนั้นไป
กระจกรถเป็นสีดำ มองไม่เห็นใคร
ชายผมสั้นเตียนรูปร่างสูงใหญ่นึกว่าแจ้งชื่อของคุณชายตระกูลของตัวเองแล้วถังเฉาจะต้องฟังแล้วหน้าเปลี่ยนสี แต่นึกไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่หน้าไม่เปลี่ยนสี แต่เขากลับยังยิ้มออกมาอย่างเย็นชา เอ่ยกับเฟิ่งหวงว่า “ออกรถเถอะ ไม่ต้องไปสนใจ”
“แก…”
สีหน้าของชายผมสั้นเตียนเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ขวางอยู่ด้านหน้าเป็นครั้งที่สอง “แกกำลังรนหาที่ตาย!”
ถังเฉาเอ่ยอย่างช้า ๆ ว่า “ทั่วทั้งเมืองเจียงเฉิงยังไม่มีใครที่สามารถทำให้ผมไปพบได้ ถ้าไม่ให้เขามาเชิญผม คุณก็หลีกไปซะ”
“ถ้าคิดจะลงมือ คนของผมก็ไม่ถือสาที่จะทำให้คุณได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่ามารยาท”
เพิ่งจะสิ้นเสียง เฟิ่งหวงก็ลงจากรถแล้วมาอยู่ตรงหน้าของเขา มองเขาด้วยใบหน้าเย็นชา
สีหน้าของชายผมสั้นเตียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไม นึกไม่ถึงว่าต่อหน้าเฟิ่งหวง เขาจะไม่กล้าแม้แต่จะลงมือ
“แกรอดูเอาเถอะ!”
เขาจ้องมองถังเฉาอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็จากไป
ผ่านไปไม่ทันไร ก็พาชายวัยรุ่นรูปโฉมสง่างามคนหนึ่งเดินเข้ามา ก็คือเซี่ยหรูหลงที่เคยได้เจอกันหนึ่งครั้ง
“ถังเฉาใช่ไหม?”
ใบหน้าของเขาเรียบเฉย กดสายตาลงมองถังเฉา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณวางใหญ่วางโตไปหน่อยนะ ยังไม่มีใครที่สามารถทำให้ผมลงจากรถมาต้อนรับด้วยตัวเองได้”
ถังเฉายิ้มน้อย ๆ “ตอนนี้มีแล้ว”
ด้วยเหตุนี้เองสายตาของเซี่ยหรูหลงก็มืดครึ้มขึ้น แต่นึกถึงคำพูดของผู้นำแล้ว จึงยังไม่ได้ก่อกบฏ
“มาพบคุณก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร เพียงแค่อยากจะมอบของชิ้นหนึ่งให้คุณ”
เขาหยิบบัตรผ่านประตูที่มีหีบห่อประณีตงดงามออกมาจากอกหนึ่งฉบับ ส่งไปอยู่ตรงหน้าของถังเฉา “รับไว้”
“นี่คืออะไร?”
ถังเฉารับมาดู เห็นบนบัตรผ่านประตูไม่มีอะไรเลยสักนิด เพียงแค่ติดสร้อยข้อมือไว้เส้นหนึ่ง และชื่อของถังเฉา
เซี่ยหรูหลงยิ้มอย่างเย็นชา “นี่คืองานประมูลที่คุณภาพสูงที่สุดในเมืองเจียงเฉิง ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมการค้าหงยิงเพียงเจ้าเดียว มีเพียงตระกูลอันดับหนึ่งขึ้นไปของเมืองเจียงเฉิงเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมได้ ต่อให้คุณเป็นสมาชิกระดับต้นของสมาคมการค้าหงยิงก็ไม่มีคุณสมบัตินั้น มีเพียงระดับกลางขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะเข้าร่วมได้”
ประโยคหลังไม่มีความจำเป็นจะต้องพูดเลยสักนิด แต่เซี่ยหรูหลงจงใจจะพูดออกมาให้ได้ โดยไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด เขาเพียงแค่พูดให้ถังเฉาได้ฟัง
เห็นได้ชัดว่า เซี่ยหรูหลงคิดว่าสมาชิกของสมาคมการค้าหงยิงที่อยู่เบื้องหลังของถังเฉาคนนั้นเป็นเพียงแค่สมาชิกระดับต้นเท่านั้น
ถังเฉาขมวดคิ้ว หยิบเอาบัตรผ่านประตูมาโดยไม่ได้พูดอะไร
เซี่ยหรูหลงพูดขึ้นอีกว่า “คุณยังนับว่าโชคดี ผู้นำตระกูลของผมมองคุณดีมากเพราะการแสดงออกในตระกูลเหวินเมื่อคราวที่แล้ว ถึงได้มอบให้คุณหนึ่งใบ ไม่อย่างนั้นคนธรรมดา ๆ ไหนเลยจะเอามันมาได้”
เขาเอาคำพูดที่เซี่ยสิงจู๋พูดกับเขาเอาไว้โยนทิ้งไปโดยสิ้นเชิง ในสายตาของเขา บัตรผ่านประตูที่เซี่ยสิงจู๋ให้เขามาใบนี้เป็นการสอนจระเข้ว่ายน้ำโดยสิ้นเชิง
ถังเฉากลับขยำบัตรผ่านประตูที่ล้ำค่านี้จนกลายเป็นก้อน แล้วโยนไปอยู่แทบเท้าของเซี่ยหรูหลง
“คุณ… คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่!”
ทันใดนั้น เซี่ยหรูหลงก็จ้องตาโตทันที มองถังเฉาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นึกไม่ถึงว่าบัตรผ่านประตูที่ว่าที่ตระกูลแนวหน้าในเมืองเจียงเฉิงแย่งกันจนหัวเด็ดตีนขาดจะถูกลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลคนหนึ่งโยนทิ้งเหมือนเศษกระดาษ?
ถังเฉามีสีหน้าเย็นชา ชูนิ้วออกมาสามนิ้ว
“หนึ่ง ผมมาจากเมืองหมิงจู ไม่ได้มาจากเมืองเจียงเฉิง”
“สอง สำหรับพวกคุณแล้ว นี่เป็นบัตรผ่านประตูของงานประมูลที่ยืนยันฐานะ สำหรับผม มันก็คือเศษกระดาษแผ่นหนึ่ง”
“สาม เก็บความภาคภูมิใจที่คุณมาจากตระกูลเซี่ยที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลเอาไว้เถอะ ต่อหน้าผม ความภาคภูมิใจของคุณมันเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง”
พูดจบก็หมุนกระจกรถขึ้น จากไปอย่างวางมาด
เซี่ยหรูหลงตะลึงอยู่ที่เดิมอยู่นานจึงจะเรียกสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มในชั่วพริบตา
“พวกโง่ที่ไม่ยอมรับเกียรติ!”
ลังเลอยู่สักพักเขาก็เก็บบัตรผ่านประตูที่ถูกขยำจนกลายเป็นเศษกระดาษขึ้นมา สีหน้าเต็มไปด้วยความปวดใจ “นี่เป็นบัตรผ่านประตูที่มีเงินเท่าไหร่ก็หามาไม่ได้เชียวนะ ไม่รู้ว่าทำให้เรียบแล้วจะยังใช้ได้อยู่ไหม…”
อีกด้านหนึ่ง พวกของถังเฉาสามคนขับเข้าไปในทางเข้าทางด่วนหมิงเจียงอย่างมั่นคง ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็มีรถยนต์อีกคันหนึ่งขวางอยู่ด้านหน้า
“ถังเฉา พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ”
คุณชายอีกคนมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของถังเฉา โอบสาวสวยสองอยู่ทั้งซ้ายขวา เจ้าชู้ไก่โต้ง
“ลู่โป๋หาน ตระกูลลู่?”
คิ้วของถังเฉากระตุกน้อย ๆ เอ่ยถามกลับ
ลู่โป๋หานตกตะลึง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นชา “การจำผมได้ เป็นสิ่งที่คุณควรทำอยู่แล้ว”
“เรื่องก่อนหน้านี้ผมได้ยินมาหมดแล้ว คุณปฏิเสธบัตรผ่านประตูที่ตระกูลเซี่ยมอบให้ ไม่เลวที่ยังรู้สำนึก”
คำพูดที่รู้สึกว่าตัวเองดีเลิศนี้ ถังเฉาฟังแล้วคิ้วกระตุกเบา ๆ
ลู่โป๋หานยังไม่รู้สึกตัว ล้วงเอาบัตรผ่านประตูที่เหมือน ๆ กันหนึ่งใบออกมาจากอก “นี่เป็นของที่ตระกูลลู่ของผมมอบให้คุณ…”
“ไม่สนใจ!”
ลู่โป๋หานยังพูดไม่ทันจบ ถังเฉาก็พูดตัดบทเขาอย่างไร้เยื่อใย
เฟิ่งหวงเหยียบคันเร่ง รถยนต์ขับผ่านด้านข้างเขาด้วยความรวดเร็ว บัตรผ่านประตูที่เขามอบให้ปลิวหายวับไป
ลู่โป๋หานตะลึงค้างอยู่กับที่อยู่ครึ่งค่อนวัน ถึงจะรู้สึกตัวว่าตนเองโดนปฏิเสธแล้ว ทันใดนั้นเขาก็อับอายจนโมโห “ถังเฉา ปฏิเสธน้ำใจตระกูลลู่ของฉัน แกจะต้องเสียใจภายหลัง!”
ภายในรถยนต์ ใบหน้าของถังเฉาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เขาเหลืออดกับพวกคุณชายตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยพวกนี้แล้วจริง ๆ
โชคดีที่เขากลับมาแล้ว ไม่อย่างนั้น แค่คิดว่าต่อไปหลินชิงเสว่จะแต่งงานให้กับคนพวกนี้ เขาก็เดือดดาลไปพักหนึ่ง
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ดังขึ้น พอมองเห็นเบอร์โทรศัพท์ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นจ้าวเย็นหรานที่โทรเข้ามา
“คุณถังคะ ตอนนี้คุณอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงไหมคะ?”
ในสายโทรศัพท์ น้ำเสียงของจ้าวเย็นหรานร้อนรนกระวนกระวาย
คิดถึงตอนที่ตัวเองไปที่เยี่ยนจิงกับหลินชิงเสว่ จ้าวเย็นหรานกับหวางเยี่ยนล้วนแต่มีเรื่องด่วนให้มาหาตน ถังเฉาก็สงบสติอารมณ์ เอ่ยถามว่า “มีเรื่องอะไร?”
จ้าวเย็นหรานเอ่ยขึ้นทันที “คุณถังคะ ถ้าหากคุณอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงละก็จะเยี่ยมมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ฉันกับหวางเยี่ยนเองก็อยู่ระหว่างทางไปเมืองเจียงเฉิง”
ถังเฉาตกตะลึง “พวกคุณไปเมืองเจียงเฉิงทำไม?”
“ไปเข้าร่วมงานประมูลเจียงเฉิงค่ะ”
จ้าวเย็นหรานเอ่ย “ตาเฒ่านั่นจะแทบจะไม่ได้การแล้ว หมอบอกว่ามีเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ฉันคิดว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของฉัน ยื้อเวลาได้หนึ่งวันก็จะยื้อ พอดีเลย ในงานประมูลเจียงเฉิงมีโสมพันปีอยู่กิ่งหนึ่ง ฉันคิดจะซื้อมันมา”
พอถังเฉาได้ฟัง นี่มันไม่ใช่งานประมูลที่เซี่ยหรูหลงกับลู่โป๋หานพูดถึงเหรอ?
แต่ว่า… นี่มันเกี่ยวอะไรกับตนล่ะ?
จ้าวเย็นหรานราวกับรู้ถึงความไม่แน่ใจของถังเฉา จึงเอ่ยต่อว่า “ตาเฒ่าแทบจะไม่ไหวแล้ว รีบร้อนให้ฉันแต่งออกไป ดังนั้นคุณจะไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหมคะ?”
ถังเฉาฟังความหมายในคำพูดของจ้าวเย็นหรานออกในทันที สีหน้าก็เปลี่ยนไปฉับพลัน นี่ไม่ใช่ไปเป็นแฟนปลอม ๆ ของเธอหรอกเหรอ?