เบอร์ลึกลับนี้ติดต่อโจวเหม่ยหยูนมาก่อน เมื่อเขาได้บอกความลับของตระกูลหลินที่ปกปิดมาหลายปี โจวเหม่ยหยูนก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีนั้นคิดว่าอีกฝ่ายมีเทคนิคขั้นเทพ ถึงได้ล่วงรู้ความลับที่เก็บซ่อนมาหลายปี
เมื่อเขาได้เปิดเผยผลประโยชน์และการสูญเสียหลังจากที่ความลับถูกเผยออกไป โจวเหม่ยหยูนจึงตอบรับอย่างไม่ลังเล
อย่างไรก็ตาม มีเนื้อหาหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากตอนแรก
ก่อนหน้านั้น ชายคนนี้บอกว่าให้ฆ่าหลินเจิ้นสงไม่ก็หลินชิงเสว่ แต่ตอนนี้ ทั้งสองคนกลับยังมีชีวิตอยู่ พวกเขายังกล่าวอีกว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือการเปิดเผยความลับของตระกูลหลิน
เพื่อให้ความลับนี้ถูกเปิดเผย จำเป็นต้องมีเงื่อนไขที่รุนแรงมาก
แต่สิ่งที่สอดคล้องในตอนนี้
ด้วยวิธีนี้ มันจะทำให้โจวเหม่ยหยูนกลายเป็นฆาตกรแต่เพียงผู้เดียว
หล่อนทุ่มเงินจ่ายไปล้านหนึ่ง จ้างนักฆ่ามา แต่ก็ฆ่าไม่สำเร็จ และเมื่อหล่อนโดนจับได้ หล่อนก็ต้องไปอยู่ในคุก
อาจจะเป็นโทษประหารชีวิตก็เป็นได้!
พรึ่บ!
โจวเหม่ยหยูนถือมือถือด้วยขาทั้งสองข้างที่อ่อนแรงเต็มที หล่อนนั่งฟุบลงที่พื้น ดวงตานั้นว่างเปล่า
หลังจากที่สติของหล่อนกลับมา น้ำเสียงก็ดูสั่นอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ พวกนายทำแบบนี้ไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าพวกนายหลอกให้ฉันไปทำ ตอนนี้สิ่งต่างๆก็ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว พวกนายยังจะให้ฉันเป็นคนรับผิดชอบคนเดียวอีกงั้นเหรอ—”
โจวเหม่ยหยูนโกรธและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ชายคนนั้นพูดอย่างช้าๆว่า “ถึงยังไงซะพวกนั้นก็ไม่มีวันหาเราเจอ คุณจะเป็นเพียงฆาตกรเพียงคนเดียวที่มีแรงจูงใจมากพอที่จะลงมือ ถ้าหากยังไม่อยากตาย ก็ฟังสิ่งที่ฉันจะพูด ไม่เช่นนั้น ฉันจะให้คนไปเปิดเผยข้อมูลของคุณ แค่ตรวจสอบกระแสเงินในบัญชี ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าคุณคือฆาตกร!”
“ไม่ ไม่นะ!ฉันฟัง!ฉันฟังแล้ว!”
“ได้โปรด อย่าพูดอะไรออกไป”
ในที่สุด โจวเหม่ยหยูนก็ทรุดตัวลง ร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อขอความเมตตา
ในเวลานี้ หล่อนรู้สึกเหมือนโลกกำลังพังทลาย โดนคนหลอกใช้ขนาดนี้ เงินก็ไม่ใช่ของตัวเอง
ประเด็นเลยก็คือ หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร
“ดีมาก”
ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างพอใจแล้วพูดว่า “ต่อไป ฉันจะบอกคุณเองว่าต้องทำอย่างไรต่อ”
“หลังจากรอให้ความลับถูกเปิดเผย คุณจะต้อง…”
ชายคนนั้นลดเสียงลงและพูดคำที่รุนแรงออกมา รูม่านตาของโจวเหม่ยหยูนนั้นหดตัวลงในทันที
“ฉันต้องเป็นคนทำงั้นเหรอ?”
เสียงของหล่อนสั่นเครือ
“แน่นอนสิ ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วจะเป็นใครกันล่ะ?”
ชายคนนั้นยิ้มและเตือนว่า “อย่าคิดขัดขืนหรือหนีไป และก็ห้ามไปบอกใคร ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นวันตายของคุณเอง”
ตู๊ดตู๊ดตู๊ด…
เมื่อพูดจบ เขาก็วางสายไป
ขณะที่ถือโทรศัพท์ ใบหน้าของโจวเหม่ยหยูนก็ดูเอื่อยเฉื่อยไปหมด ราวกับว่าหล่อนนั้นได้เสียสติไปแล้ว
แม้ว่าอีกฝ่ายจะบอกไม่อนุญาตให้โจวเหม่ยหยูนบอกกับคนอื่นก็ตาม แต่ด้วยโจวเหม่ยหยูนที่มีความกลัวสุดขีด จึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก หล่อนโทรออกไปหาพ่อของตน โจวฉวนกั๋ว
“พ่อ!”
โจวเหม่ยหยูนร้องไห้อย่างขมขื่น ตะโกนออกไปเสียงดัง จากนั้นก็พูดเรื่องทุกอย่างออกมา
ไม่คิดว่า น้ำเสียงของโจวฉวนกั๋วนั้นก็ดูตื่นตระหนกสุดขีด
“เหม่ยหยูน แกต้องทำตามที่เขาพูดทุกอย่างนะ เข้าใจไหม?”
สีหน้าของโจวเหม่ยหยูนเปลี่ยนไปทันที “พ่อ พ่อพูดอะไร ขืนทำแบบนี้ต่อไป ถ้าโดนจับได้ ฉันก็ต้องเข้าคุกน่ะสิ! ฉันไม่อยากเข้าคุกนะ!”
น้ำเสียงของโจวฉวนกั๋วดูโกรธเคืองทันที “ฉันให้แกทำ แกก็ทำไปเถอะ ถ้าโดนจับได้ขึ้นมา ก็ไม่ต้องไปบอกใครว่าฉันเป็นคนยุยงให้แกทำ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันกับแกได้ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกันแน่!”
ตูม!
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา โจวเหม่ยหยูนก็รู้สึกเหมือนโดนโจมตีอีกครั้ง คราวนี้รูม่านตาของหล่อนหดเหลือเพียงน้อยนิด
ไม่คิดว่าพ่อของตน จะพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมา
แต่ในไม่ช้า สีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนไป หล่อนได้ยินความกลัวและความตื่นตระหนกในน้ำเสียงของโจวฉวนกั๋ว ราวกับว่ากำลังโดนใครบางคนคุกคามอย่างไงอย่างงั้น
“พ่อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพ่อหรือเปล่า?”
“เงียบปากไปเลย!”
หลังจากตะโกนเสียงดัง โจวฉวนกั๋วก็ได้วางสายไป
โจวเหม่ยหยูนถือโทรศัพท์อย่างงุนงงเป็นเวลานาน กุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด จากนั้นรวบผมของตัวเองอย่างแรง
อีกด้านหนึ่ง ตระกูลโจว
คอของโจวฉวนกั๋วมีกริชที่เย็นเฉียบจ่ออยู่ที่ต้นคอ
ชายสวมหน้ากากยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเฉยเมย และพูดอย่างไม่แยแสว่า “ดูเหมือนว่าคุณชายจะเดาไม่ผิดจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องไปบอกบุคคลอื่นอย่างแน่นอน!”
โจวฉวนกั๋วตกใจจนเกือบจะร้องไห้ “ฉันบอกให้หล่อนไปทำแล้วไง ปล่อยฉันไปได้หรือยัง?”
ชายสวมหน้ากากส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา “รองหัวหน้าของฉันได้บอกแล้วว่า ของเพียงตระกูลโจวทำเรื่องนี้สำเร็จ เราจะรับประกันการพัฒนาของตระกูลโจวให้ไปจนถึงขั้นมหาเศรษฐีให้ได้”
“จริงๆเหรอ?”
ดวงตาของโจวฉวนกั๋วสว่างขึ้นในทันใด
“ดังนั้นทำมันให้ดี คุณชายจะไม่มีทางปฏิบัติต่อพวกนายอย่างไม่เป็นธรรม”
หลังจากที่ชายสวมหน้ากากพูดจบ เขาก็หายเข้าไปในบ้านของตระกูลโจว
เหลือเพียงแต่โจวฉวนกั๋วที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตามลำพัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
เขาเหม่ออยู่นาน จากนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนไปดูโหดร้าย เขาพูดกับตนเองว่า “หลินเจิ้นสง ถังเฉา เรื่องที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ อย่าโทษที่พวกเราตระกูลโจวที่จะฆ่าพวกนายเลย”
“ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษที่ไปสู่ขอผู้หญิงที่ไม่สมควรแต่งงานมาด้วย!”
เวลาต่อมา เขาก็ตะโกนออกมาเสียงดังว่า “เรียกคนมา เปิดประชุมในตระกูลกันเถอะ ทุกคนต้องมาช่วยเหม่ยหยูนกัน!”
…
ในทางกลับกัน ถังเฉานั้นก็ไม่รู้เลยว่ากำลังมีวิกฤตใหญ่กำลังคืบคลานมาหาเขาและหลินชิงเสว่อย่างช้าๆ
ในเวลานี้ เขาและผู้บ้าการแพทย์ได้มาถึงที่โรงพยาบาลชั้นยอดที่หนึ่ง
ด้านหน้า มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา
เขาย้อมผมให้กลายเป็นสีดำ โกนหัว สวมชุดสูทสีดำ ดูเหมือนนักธุรกิจชั้นยอด
นี่คือซ่งหมิงเวย
เขาเดินผ่านถังเฉาและผู้บ้าการแพทย์ไป จากนั้นก็หันกลับมาแล้วตะโกนออกมาเสียงดังว่า “คุณถัง!”
ถังเฉาหันกลับมาและยิ้มจางๆ “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”
“ผมมาเยี่ยมคุณปู่น่ะครับ”
ซ่งหมิงเวยเหลือบไปมองชั้นบน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน “หลังจากที่ลูกพี่ลูกน้องของผมปล่อยคุณปู่ในการประกันตัวแล้ว ก็ไม่ได้มีใครมาสนใจอะไร คุณปู่อายุก็มาก ไม่มีใครสนับสนุน มีแต่ผมนี่แหละที่แอบดูแลเขา”
ถังเฉาพยักหน้า “นายเป็นคนมีหัวใจ”
อดีตที่ผ่านมาของซ่งหมิงเวย เขาเป็นบรรพบุรุษรุ่นที่สอง ผู้ที่ชอบเรื่องสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้อยู่เสมอ
แต่ตอนนี้ เขาสุขุมขึ้นมาก อีกทั้งยังรู้จักวิธีหาเลี้ยงคนชรา ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากจริงๆ
การที่ซ่งหรูอี้มาเลี้ยงดูซ่งสวิน ในสายตาของบุคคลภายนอกมันคือความเมตตาที่จอมปลอม แต่การที่ซ่งหมิงเวยมาเลี้ยงดูนั้น แท้จริงมันเป็นสัจธรรมที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้–ซ่งหรูอี้ได้รับการประกันตัวและไม่ได้มาเลี้ยงดู มันจึงเป็นหน้าที่ของซ่งหมิงเวยที่ต้องมาเลี้ยงดูแทน
ซ่งหมิงเวยยิ้มอย่างขมขื่น “จะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ ตอนนี้คุณปู่อยู่กับลูกพี่ลูกน้องเทียนซานที่โคม่าอยู่ บางทีในอีกห้าปีข้างหน้า ตระกูลซ่งคงถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้แล้วละ่ครับ”
ถังเฉานิ่งเงียบเป็นเวลานาน ก่อนจะพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “ฉันมาที่นี่ก็เพราะสิ่งนี้นี่แหละ”
ซ่งหมิงเวยตกใจ “จริงเหรอครับ คุณถังมีวิธีรักษาลูกพี่ลูกน้องเทียนซานเหรอครับ?”
ถังเฉายิ้ม พร้อมกับชี้ไปที่ผู้บ้าการแพทย์ที่อยู่ด้านข้าง “ฉันน่ะไม่มีแล้ว แต่ผู้บ้าการแพทย์ข้างๆฉันน่ะ เขามีวิธี”
“คุณคือผู้บ้าการแพทย์ที่มีชื่อเสียงจากต้าเซี่ยเหรอครับ?!”
ซ่งหมิงเวยตะลึง
ผู้บ้าการแพทย์ยิ้มออกมาไม่ได้พูดอะไร ถามแต่เพียงว่า “คนไข้อยู่ที่ไหน?”
ซ่งหมิงเวยรีบนำทางไป “ตามผมมาเลยครับ!”
ลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นสิบ ซ่งหมิงเวยเปิดประตูออก “คุณปู่ครับ คุณถังและผู้บ้าการแพทย์มาแล้ว”
เพล้ง!
จากนั้น ร่างหนึ่งก็โผล่ออกมา แม้ว่าจะไม่ได้ผมยุ่งเป็นกระเซิงและหน้าตามอมแมมเหมือนแต่ก่อน แต่ใบหน้าที่ดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชนนั้น แน่ล่ะเขาคือซ่งสวิน
เขารีบจับมือของผู้บ้าการแพทย์ทันที “ผู้บ้าการแพทย์ ท่านมาจนได้นะครับ!”
ผู้บ้าการแพทย์ไม่ได้ขยับตัว เขามองไปที่ถังเฉา
ทุกคนรู้ดีว่า การที่จะช่วยหรือไม่ช่วยซ่งเทียนซานและซ่งชิงอวิ๋นนั้น เป็นแค่เรื่องถังเฉาตัดสินได้
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่มองไปที่เตียงสองเตียงในห้องของคนไข้
มีคนหนุ่มสาวสองคนนอนอยู่บนนั้น คนหนึ่งคือซ่งเทียนซาน และอีกคนคือซ่งชิงอวิ๋น
สักพัก เขาก็ได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ทำตามความตั้งใจทางการแพทย์ของคุณเถอะ รักษาซ่งเทียนซานและซ่งชิงอวิ๋นให้หาย แล้วฉันกับตระกูลซ่งก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”
ตุบ!
ซ่งหมิงเวยและซ่งสวินต่างพากันคุกเข่าลง พูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า “ขอบคุณคุณถังที่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับความบาดหมางของเมื่อก่อน ขอบคุณในการช่วยเหลือ!”
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้มแหยๆออกมา
ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับความบาดหมางของเมื่อก่อนงั้นเหรอ?
บางทีในสายตาของซ่งสวินและซ่งหมิงเวย เขาไม่ได้ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับความบาดหมางของเมื่อก่อนและยอมให้การช่วยเหลือ แต่ในความเห็นของเขา เขาต้องการที่จะเขียนประโยคสำหรับความคับข้องใจนี้ด้วยตัวเอง
เมื่อห้าปีที่แล้ว การแต่งงานระหว่างตระกูลซ่งและตระกูลหลินได้ทำร้ายผู้คนมากมายและก่อให้เกิดความเกลียดชังตามมา
จะไปจองเวรจองกรรมเวลาไหนกัน?
ไม่ใช่ว่าถังเฉาเป็นนักปราชญ์ แต่เขาเหนื่อยมากแล้วจริงๆ