เจ้ามังกรพรีเมี่ยม – ตอนที่ 439

ตอนที่ 439

“ประธานถัง ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ได้คะ?”

พอคำพูดนี้ของถังเฉาลั่นออกมา คิ้วโก่งของฟางหย่าก็ตั้งขึ้น พูดขึ้นด้วยความเดือดดาลเต็มใบหน้า

ตั้งแต่หลังจากได้รู้ว่าภรรยาของถังเฉาก็คือหลินชิงเสว่ ฟางหย่าก็ตัดใจอย่างถึงที่สุด

เพียงแค่คิดว่าต่อไปสามารถอยู่บริษัทเดียวกับถังเฉา ได้เจอหน้ากันทุกวันก็พอใจแล้ว

แต่ว่าถังเฉากลับเสนอความเห็นให้หลินชิงเสว่เห็นด้วยที่จะยกบริษัทให้กับสำนักงานการก่อสร้าง นี่ทำให้ฟางหย่ารับไม่ได้แล้ว

พวกของหลี่ถาวก็มองกันด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

ถังเฉากลับไม่ได้อธิบาย เพียงแค่มองหลินชิงเสว่

หลินชิงเสว่ก็ตกอยู่ในความเงียบ

ซือเหวินปินก็นั่งกลับลงไปอีกครั้ง ไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อย

“ประธานหลิน สามีของคุณก็พูดอย่างนี้แล้ว คุณก็เชื่อฟังผมเถอะ เซ็นชื่อเถอะ? ไม่อย่างนั้นทุกคนก็จะไม่มีความสุข นี่ไม่ดีหรอกหรือ”

“บริษัทให้คุณได้ แต่ว่าถ้าหากจะเอาคืนกลับมาอีกก็ยากแล้วล่ะ”

ถังเฉาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา มองซือเหวินปินแล้วยิ้มอย่างเย็นชาหนึ่งครั้ง

ทันใดนั้นซือเหวินปินก็ประหลาดใจไปทั้งใบหน้า

เหมือนไร้วิญญาณอยู่นาน ทันใดนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเดือดดาล “ล้อเล่นหรือ ผมยังไม่ได้รับบริษัทของพวกคุณ แล้วจะมาคืนให้พวกคุณได้อย่างไร?”

“นั่นมันก็ไม่แน่นะ”

ถังเฉาหัวเราะหึหึแล้วเอ่ยว่า “อีกอย่าง คืนหรือไม่… ไม่ใช่คุณที่ตัดสินใจ?”

ซือเหวินปินไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของถังเฉาหมายความอย่างไร แต่เขาฟังความคุกคามในคำพูดของถังเฉาออก ตอนนี้จึงหัวเราะเสียงเย็นออกมา “คุณคุกคามผม?”

“แต่ก่อนเห็นแก่ที่คุณรู้จักกับประธานเจิง เจิงเทียนเสียง ถึงได้รักษาหน้าคุณอยู่สามส่วน อย่ามาไม่รู้จักดีชั่ว!”

ถังเฉายิ้ม ไม่ได้โกรธ และก็ไม่ได้อธิบายอีก เพียงแค่มองไปยังหลินชิงเสว่ ในดวงตามีแววให้กำลังใจ

หลินชิงเสว่ลังเลอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็ตัดสินใจได้

“ตกลงค่ะ ฉันจะมอบลี่จิงให้กับคุณ!”

“ประธานหลิน!”

“ประธานหลิน คุณทำอะไร?”

สีหน้าของฟางหย่าและหลี่ถาวล้วนเปลี่ยนไปมาก พากันยับยั้ง

หลินชิงเสว่เองก็มีสีหน้าจริงจัง “ฉันรู้ความหมายของพวกคุณ แต่ว่า… ฉันไม่ยอมให้ลี่จิงตกอยู่ในมือของคนอื่นแน่!”

ซือเหวินปินหัวเราะอย่างหยิ่งยโส “ยังจะมาพูดอะไรไม่ยอมให้บริษัทตกอยู่ในมือของคนอื่นแน่ เธอถูกเตะออกจากเกมแล้ว!”

หลินชิงเสว่มีสีหน้าเย็นชา เซ็นชื่อของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ส่งไปให้ซือเหวินปิน “หวังว่าคุณจะไม่เสียใจในภายหลังนะคะ”

เธอเองก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ที่คนบ้าดนตรีเคยพูดเอาไว้ พฤติกรรมครั้งนี้ของซือเหวินปินเป็นการหาเรื่องเดือดร้อนเข้าตัวอย่างแน่นอน

ซือเหวินปินรับบริษัทเอาไว้ พักหนึ่งก็มีความมั่นใจขึ้นมา เอ่ยสั่งกับพวกเธอว่า “ให้เวลากับพวกเธอครึ่งวัน เก็บของแล้วไสหัวออกไปซะ!”

มองดูฉากนี้ ฟางหย่ากับหลี่ถาวก็โมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมา

มองส่งซือเหวินปินมาโดยตลอดแล้วพวกเธอถึงเดินขึ้นมาข้างหน้า เตรียมจะเอ่ยถามกับประธานหลินว่าทำไมจะต้องมอบบริษัทให้ด้วย

ถังเฉากลับส่ายศีรษะ ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ทุกท่าน พวกคุณกลับบ้านไปพักผ่อนกันก่อนสองวัน ผมขอรับรองกับทุกคนว่า เมื่อพวกคุณกลับมาลี่จิงจะยังคงเป็นลี่จิงดังเดิม”

พวกของฟางหย่ากับหลี่ถาวล้วนแต่มองกันไปมาไม่พูดไม่จา ช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

“ตกลงค่ะ พวกเราเชื่อคุณ!”

ฟางหย่ากัดฟันเอ่ยกับถังเฉาว่า

“ถ้าหากว่าไม่มีลี่จิงแล้ว ฉันจะไม่ให้อภัยคุณแน่!”

ฟางหย่านำผู้คนจากไป

หลินชิงเสว่มองถังเฉาแวบหนึ่ง “การกระทำนี้ของคุณก่อให้เกิดความแค้นของคนมากมายแล้วนะคะ”

ถังเฉาแบมืออย่างช่วยไม่ได้ “ช่วยไม่ได้นี่ครับ ทุกอย่างคิดเพื่อภาพรวม”

บริษัทยกให้เป็นของสำนักงานการก่อสร้างชั่วคราว ถังเฉากับหลินชิงเสว่ทำได้เพียงกลับบ้านล่วงหน้า

ตอนนี้ถังเสี่ยวลี้ยังอยู่ที่โรงเรียนอนุบาล ในบ้านมีเพียงพวกเขาสองคน

ถังเฉามองบ้านที่เงียบสงัด ฉับพลันก็ร้องเรียกขึ้นมา “ที่รัก”

“อะไรหรือคะ?”

หลินชิงเสว่เพิ่งจะวางกระเป๋า

“คุณยังอยากมีน้องชายให้ถังเสี่ยวลี้หนึ่งคนไม่ใช่หรือครับ? ยังรักษาคำพูดอยู่ไหมครับ?”

ถังเฉาเอ่ยถาม

หลินชิงเสว่ตะลึงอยู่นานแล้วถึงจะเรียกสติกลับมาได้ ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความขัดเขิน

“ทำไมคุณ…ยังจำได้?”

ถังเฉายิ้ม “คนรุ่นก่อนของผมเคยเตือนผมไว้ว่าตลอดชีวิตนี้ผมต้องทำเรื่องสามเรื่อง”

“กินเนื้อที่แพงที่สุด ดื่มเหล้าที่แรงที่สุด แต่งงานกับผู้หญิงต้าเซี่ยที่งดงามที่สุด”

“ตอนนี้ผมทำได้ทั้งหมดแล้ว”

หลินชิงเสว่เองในใจก็มีความรู้สึกบางอย่าวเกิดขึ้นเลยไปปิดประตูเบา ๆ

……

อีกด้านหนึ่ง

ซือเหวินปินถือเอกสาร ขับรถไปถึงเขตคนมีฐานะระดับสูงแห่งหนึ่ง กดกริ่งประตูบ้านของตัวเอง

ด้วยความรวดเร็ว ประตูเปิดออกแล้ว คนที่เปิดประตูให้เขาคือคนชราผมขาวอายุหกสิบกว่าปีคนหนึ่ง

“พ่อ”

ซือเหวินปินยิ้มทักทาย จากนั้นก็ชูซองเอกสารที่ใส่สัญญาเอาไว้ที่อยู่ในมือ “ผมจะบอกข่าวดีกับท่านหนึ่งเรื่อง ผมเพิ่งจะรับซื้อบริษัทแห่งหนึ่งมา”

ซือฉี่เหิงกลับโบกไม้โบกมือ “เรื่องเล็ก ๆ แบบนี้เดี๋ยวค่อยว่ากัน ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยอีก ไปออกงานกับฉันหน่อย!”

ซือฉี่เหิงเป็นสมาชิกของสำนักงานการก่อสร้าง อาศัยคอนเนกชั่นของพ่อของเขา ซือเหวินปินถึงได้เข้าสู่สำนักงานการก่อสร้าง

ตอนนี้เห็นสีหน้าของซือฉี่เหิงเคร่งขรึมจริงจัง ซือเหวินปินก็ตื่นตระหนกอยู่ในใจ “พ่อครับ งานอะไร ท่านถึงได้ให้ความสำคัญขนาดนั้น”

ยกหัวข้อนี้มา สีหน้าของซือฉี่เหิงก็ยิ่งเคร่งขรึมยิ่งขึ้น

“คนบ้าดนตรีมาจัดคอนเสิร์ตที่เมืองหมิงจูแล้ว พอได้ยินชื่อแล้วคนใหญ่คนโตมากมายจากทุกที่ทั่วประเทศก็มา นอกจากบุคคลชั้นสูงในท้องถิ่นของพวกเราแล้ว ยังมีประธานหลัว ผู้อำนวยการของสมาคมการค้าหงยิงอีก รวมถึงเมืองเจียงเฉิง เมืองหนิวเฉิน เมืองจินเหอ ฯ ตระกูลในเมืองชั้นหนึ่งของเขตเจียงเจ้อ แถมทางฝั่งเยี่ยนจิงนั่นก็มีคนมา แกว่าฉันจะไม่ให้ความสำคัญได้เหรอ?”

“คนบ้าดนตรี? คนบ้าดนตรีที่มีเสียงดนตรีดังกังวานไปสามวันคนนั้น?”

ซือเหวินปินตะลึงหนัก

“ใช่สิ ก่อนที่ฉันจะปลดเกษียณ จะเลื่อนตำแหน่งได้ไหมก็ต้องดูกันครั้งนี้ล่ะ!”

ในดวงตาของซือฉี่เหิงเปี่ยมไปด้วยความหวัง ราวกับได้เปล่งแสงแห่งการเกิดใหม่ “ถ้าหากได้เลื่อนตำแหน่ง ตำแหน่งของฉันก็จะส่งต่อให้แกขึ้นมานั่ง!”

ได้ยินอย่างนั้น ซือเหวินปินกับซือฉี่เหิงก็ตื่นเต้น

ได้ยินมาว่าคนบ้าดนตรีงดงามราวกับนางอัปสรสวรรค์ ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถดึงเอาผ้าคลุมหน้าของเธอออกมาได้ เขาอยากจะเห็นความงดงามนั่นมาตั้งนานแล้ว!

“พ่อครับ ผมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้!”

แสงราตรีค่อย ๆ มืดมิดลง ครอบครัวของซือฉี่เหิงสามคนเร่งโดยสารรถยนต์ไปยังสถานที่จัดงานแสดงดนตรีของคนบ้าดนตรี

ระหว่างทางเขามองเห็นรถยนต์หรูหรามากมายที่มาจากต่างถิ่น หมายเลขทะเบียนของรถทุกคันล้วนแต่อุปสงค์มากกว่าอุปทาน

“สมกับที่เป็นคนบ้าดนตรี งานแสดงดนตรีครั้งหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะสามารถดึงดูดบุคคลสำคัญจากทุกที่ทั่วประเทศมาร่วมชมได้!”

ซือเหวินปินอดไม่ได้ที่จะอุทานอย่างตกตะลึง

แต่ว่าเขาค่อย ๆ พบว่าการเดินทางผิดปกติแล้ว

นี่ไม่ใช่ทางไปอาคารกั๋วจี้หรือ?

เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “พ่อครับ พวกเราไม่ได้ไปงานแสดงดนตรีหรือครับ? ทำไมถึงเข้ามาย่านการค้าแล้วล่ะครับ?”

“นี่ก็คือทางที่จะไปสถานที่ที่จัดงานแสดงดนตรีนี่”

ซือฉี่เหิงตอบตามเหตุผลที่มันควรจะเป็น

ซือเหวินปินคิดว่าพ่อของตนไม่ถึงขั้นที่จำเส้นทางผิด ดังนั้นจึงไม่ได้ถามมาก

ทว่า รถยนต์ขับไปด้านหน้าแล้วก็หยุดอยู่ที่ใต้อาคารกั๋วจี้

ตอนนี้สีหน้าของซือเหวินปินเปลี่ยนไปอย่างถึงที่สุด “พ่อครับ พวกเรามาอาคารกั๋วจี้ทำไมครับ?”

ซือฉี่เหิงยังคงมีท่าทางมีชีวิตชีวา “สถานที่ที่คนบ้าดนตรีจะแสดงดนตรีในคืนนี้ก็คือที่อาคารกั๋วจี้!”

บึ้ม!

พอคำนี้ลั่นออกมา สมองของซือเหวินปินก็โล่งไปในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ด้วยความรวดเร็ว เขามองเห็นรถยนต์หรูหราหลายคันล้วนหยุดอยู่ที่ใต้อาคารกั๋วจี้

บุคคลสำคัญเดินออกมาขบวนใหญ่

หลัวปู้ ผู้อำนวยการสมาคมการค้าหงยิง

หูอีซาน อดีตเศรษฐีท้องถิ่นอันดับหนึ่งแห่งเมืองหมิงจู

เจิงเทียนเสียง เศรษฐีท้องถิ่นอันดับหนึ่งแห่งเมืองหมิงจู

และยังมีผู้นำของตระกูลใหญ่ทุกตระกูล…

บนหน้าผากของซือเหวินปินมีเหงื่อเย็นผุดออกมาในชั่วพริบตา มักจะรู้สึกว่าตนเองประสบปัญหาใหญ่เข้าแล้ว!

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน ถูกว่าที่ภรรยาใส่ร้าย ในเวลาที่เกือบจะตาย มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยเขาอย่างสุดชีวิตห้าปีต่อมา อำนาจและทรัพย์สมบัติของโลกล้วนตกอยู่ในมือของเขา การกลับมาของม้าศึก แค่เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณในคืนนั้น แต่กลับพบว่า เธอได้คลอดลูกสาวคนหนึ่งสิ่งที่เป็นหนี้คุณไม่สามารถลบล้างให้หมดไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ปกป้องพวกคุณสองแม่ลูก……ทั้งชีวิตเลยแล้วกัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท