ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงรองเท้าหนังที่ชัดเจนรอยมาจากไกล เหมือนดั่งเสียงแห่งความตายค่อยๆไปกระทบใจของโจวข่าย
ตอนนี้สีหน้าเขาขาวซีด ใจของเขาเต้นแรกมาก เหมือนหัวใจกำลังจะหลุดออกมา
ถังเฉาค่อยๆ หรี่ตา
เสียงฝีเท้านี้ดูเร่งรีบแต่จับจังหวะได้ เป็นเสียงฝีเท้าของเซี่ยหรูหลงแน่นอน
หลินจ้าวหยูนและซูเซี่ยก็ได้มองไปทางโต๊ะอาหารอย่างแปลกใจ
เธอมาอยู่ที่เจียงหนานนี้ก็ระยะหนึ่งแล้ว ชื่อเซี่ยหรูหลงก็เคยได้ยินมาบ้าง
หนึ่งในสามคุณชายแห่งเจียงหนาน
แถมยังเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลเซี่ย
พวกเธอยังไม่เคยเจอหน้าเขาเลย
แกร๊ก!
เสียงฝีเท้าได้มาถึงหน้าประตู และประตูถูกเปิดออกอย่างแรก และมีผู้ชายที่หล่อที่ใส่เสื้อหางม้าเดินเข้ามา
ผู้หญิงที่อยู่ในโต๊ะอาหารพยายามกระซิบคุยกันด้วยเสียงที่เบา
“เซี่ยหรูหลง เซี่ยหรูหลงจริงๆ ด้วย!”
“วันนี้ได้เจอตัวจริงของเขาสักที!”
“หล่อมาก!”
หวังอิ่งก็อ้าปากค้างมองไปที่เซี่ยหรูหลง เธอก็แค่ให้ผู้จัดการเรียกเซี่ยหรูหลงมา แต่ไม่คิดว่าเขาจะมาจริงๆ
โจวข่ายมีสีหน้าที่ขาวซีดและกดดันจนหายใจไม่ออก
“ใครบอกว่ารู้จักฉัน แถมยังเป็นแขกที่ฉันเชิญมา?”
เซี่ยหรูหลงไม่ได้เหลือบตามอง และถามด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย
ได้ยินประโยคนี้แล้ว โจวข่ายไม่กล้าที่จะออกเสียงเลย
หวังอิ่งและเปาฉวนเมื่อได้สติกลับมา ก็ได้ไปต้อนรับเซี่ยหรูหลงด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายเซี่ย ผมเป็นประธานบริษัทอินเตอร์เนตเปาฉวนเปาฉวน ผมเคยได้ยินชื่อของคุณมานานแล้ว”
“คนนี้คือสามีฉัน และนี่คือเพื่อนๆของฉัน”
เปาฉวนและหวังอิ่งพูดตามๆกัน
ทันใดนั้นเซี่ยหรูหลงขมวดคิ้วและเขาจำสองคนนี้ไม่ได้เลย
เหมือนรู้สึกได้ถึงแววตาที่ไม่พอใจของเซี่ยหรูหลง หวังอิ่งรีบพูดออกมาว่า: “แน่นอนว่าคุณชายเซี่ย คุณพึ่งเคยเจอพวกเราเป็นครั้งแรก แต่เพื่อนเก่าของพวกเราคนหนึ่ง ได้กลายเป็นบุคคนสำคัญในวางการเพื่อนของคุณไปแล้ว ไม่นานที่ผ่านมาคุณก็ได้เลี้ยงอาหารอร่อยและไวน์…..!”
หวังอิ่งก็ได้ผลักโจวข่ายออกมา
ตอนนี้สายตาของเซี่ยหรูหลงก็ตกไปอยู่ที่ตัวโจวข่าย: “นายเองหรือ ที่บอกว่าเป็นแขกที่ได้รับเชิญในวงเพื่อนของฉัน ฉันยังเลี้ยงอาหารอร่อยๆ และไวน์ราคาแพงนายหรือ?”
โจวข่ายตกใจจนไม่กล้าออกเสียงแม้แต่น้อย ในใจของเขาได้ด่าหวังอิ่งไปถึงบรรพบุรุษแล้ว
เขาฝืนยิ้มออกมา: “ คุณชายเซี่ย คุณจำผมไม่ได้หรือ เราเคยเจอกันอยู่ครั้งหนึ่งนะ ที่อาคารกงซานเจียงหนาน”
อาคารกงซานก็คือที่ที่เขาทำงาน
เซี่ยหรูหลงนึกไปนึกมา ก็ได้นึกขึ้นมาได้: “ฉันนึกขึ้นได้แล้ว นายชื่อ……โจวข่ายใช่มั้ย?”
“ใช่ครับ ผมเอง!”
โจวข่ายดีใจมาก และใจของเขาผ่อนคลายลงไม่น้อย
หวังอิ่งและเพื่อนก็ได้ตื่นเต้นขึ้นมา
แต่คำพูดต่อไปของเซี่ยหรูหลงกลับทำให้พวกเธอแข็งทื่อไปหมด
“ระหว่างเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น? นานกล้าเอาชื่อฉันไปหลอกคนอื่นหรือ?”
เซี่ยหรูหลงใช้สายตาที่เย็นชาหรี่ตามองไปที่โจวข่าย
ทันใดนั้นโจวข่ายเอ๋อไปเลย: “เป็นการเข้าใจผิด นี่เป็นการเข้าใจผิด…..”
“เข้าใจผิดหรือ?”
เซี่ยหรูหลงค่อยๆเดินเข้ามา
“คนระดับพวกคุณ มาเป็นแขกที่ฉันเชิญได้ตอนไหน? นายเหมาะสมแล้วหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว หวังอิ่งก็อึ้งไปเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่งลี่ สวีเจีย
ตอนแรกคิดว่าถ้าเชิญเซี่ยหรูหลงมา ถ้าพวกเธอได้ไปเป็นแฟนของเขาได้ ชาตินี้คงไม่ต้องกลัวอดตาย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยหรูหลงกับโจวข่ายกลับไม่ได้สนิทกัน
หวังอิ่งก็ได้เอ๋อไปเลย เธอรู้สึกผิดที่ตัดสินใจให้ผู้จัดการเรียกเซี่ยหรูหลงมา
เซี่ยหรูหลงมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น ริมฝีปากที่บาง ก็ได้พูดประโยคที่เย็นชาออกมา
“เชิญทุกคนนี้ออกไป และต่อไปถงเชว่ถายห้ามคนเหล่านี้เข้ามาอีกใช้บริการ!”
ตุ้ม!
เมื่อประโยคนี้ออกมา หวังอิ่งและโจวข่ายและพวกสีหน้าซีดไปทันที
ไม่นานก็มีคนชุดดำออกมาจากข้างหลังของเซี่ยหรูหลง และมีลักษณะท่าทางดุดันดุร้ายเตรียมที่จะลากพวกเขาออกไป
สองคนในนั้นได้มุ่งไปหาหลินจ้าวหยูนซูเซี่ย
ขณะนี้ได้มีเสียงพูดที่จืดชืดดังขึ้นมา
“ฉันก็ต้องถูกเชิญออกไปด้วยหรือ?”
“อืม?”
เซี่ยหรูหลงขมวคิ้วกะทันหัน และมองตามเสียงไป สายตาไปอยู่ที่มุมของห้อง เห็นถังเฉาที่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ด้วยความที่นั่งอยู่จุดที่ไม่เป็นที่สนใจและนั่งเงียบไม่ได้พูดอะไร เซี่ยหรูหลงเข้ามานานแล้วถึงไม่ได้สังเกตเห็นถังเฉา
ทันใดนั้นสีหน้าของเปลี่ยนไป แววตามืดมน: “ถังเฉาหรือ?”
ทุกคนอึ้งไปเลย แฟนของหลินจ้าวหยูนรู้จักกับเซี่ยหรูหลงหรือ?
หวังอิ่งอึ้งไปและคิดถึงว่าที่เซี่ยหรูหลงจะไล่พวกเธอออกไปเป็นเพราะถังเฉา และรีบพูดออกมาว่า: “คุณชายเซี่ย พวกเราไม่รู้จักเขามีอะไรก็มุ่งไปที่เขาและหลินจ้าวหยูนเลย พงกเราไม่เกี่ยวนะ!”
เซี่ยหรูหลงมีแววตาที่เยือกเย็น: “ตบปาก!”
ทันใดนั้นก็มีชายชุดดำสองคน ตบไปที่ใบหน้าของหวังอิ่ง
เพียะเพียะ…..
ไม่นานแก้มสองข้างของหวังอิ่งก็ได้บวมขึ้นมา เปาฉวนที่เป็นสามีเธอก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรเลย
เซี่ยหรูหลงมองไปที่ถังเฉาและค่อยๆเดินไปหาเขา: “นายมาที่เมืองเจียงเฉิงก็พอแล้ว ยังกล้ามาเหยียบที่นี่หรือ ไม่กลัวตายหรือ?”
น้ำเสียงของเซี่ยหรูหลงแฝงไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย
ถังเฉากลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจอะไร: “ฉันไม่ได้อยากสร้างปัญหา แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันกลัวนายนะ แต่นายสิที่ต้องกลัวฉัน”
ตอนที่คำพูดของถูกพูดออกมาจากปากถังเฉา คำพูดที่อยู่ในหัวของทุกคนตอนนี้คือ
บ้าไปแล้ว
แฟนของหลินจ้าวหยูนบ้าไปแล้ว
กล้าที่จะพูดแบบนี้กับคุณชายเซี่ย
เซี่ยหรูหลงก็เหมือนอย่างที่ทุกคนคิดไว้ แววตาของเขายิ่งเยือกเย็นกว่าเดิม
ระหว่างที่เขาจะพูด ถังเฉาได้หยิบบัตรสีทองและตราที่ทำด้วยทองคำออกมา
“สองสิ่งนี้ทำให้นายสั่นสะท้านได้แล้วหรือยัง?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา สายตาของทุกคนไปอยู่ที่สิ่งของสองสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ
พวกเขาไม่รู้เลยว่าเหรียญ ตราทองคำนั้นเอามาทำอะไรได้ แต่บัตรสีทองนี้ดูคุ้นตามาก!
บัตรสมาชิกระดับสูงสุดของถงเชว่ถาย!
ทันใดนั้นพวกเขาอ้าปากค้าง ไม่กล้าที่จะพูดอะไรเลย
ถังเฉามีบัตรแบบนี้ด้วยหรือ นั้นก็หมายความว่าพวกอาหารเมื่อกี้ที่ถูกเสริฟ์และไวน์…..ก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของถังเฉาถึงนำมาเสริฟ์หรือ
ตอนนี้สายตาของหลินจ้าวหยูนอยู่ที่ตรานั้น
“เหรียญตราตระกูลถัง!”
เซี่ยหรูหลงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันทันที!
ก่อนหน้านี้ที่งานประมูลที่เจียงเฉิงเขาและถังเฉาแย่งชิงกันประมูล“เหรียญตราตระกูลถัง แต่กลับพ่ายแพ้
ถ้าถังเฉามีเหรียญตราอันนี้ก็หมายความว่าเขาเป็นคนของตระกูลถังในเยี่ยนตู!
เห็นเซี่ยหรูหลงเงียบไป หวังอิ่ง ต่งลี่ สวีเจียก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปใหญ่
ถังเฉาเก็บบัตรสมาชิกและเหรียญตราตระกูลถังแล้วหัวเราะเฮ้อๆ : “ดังนั้นปล่อยพวกเขาไปเถอะ ถือว่าเห็นแก่หน้าฉัน พวกเขาเป็นเพื่อนฉัน”
เขาชี้ไปที่โจวข่าย
สายตาของเซี่ยหรูหลงก็ไปอยู่ที่โจวข่ายอีกครั้ง และสีหน้าตกใจ
โจวข่ายก็นิ่งตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
นอกจากตกใจแล้วในใจของเขายังรู้สึกถึงความซาบซึ้งใจสุด
ถังเฉาช่วยเขาไว้!
เซี่ยหรูหลงเงียบไปสักพัก: “ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
เขามองไปที่โจวข่ายและพูดว่า: “ถ้าเป็นเพื่อนของนาย เรื่องนี้ก็แล้วกัน”
พูดจบก็ได้รีบเดินออกไป