“อ๊า……”
เย่หรูอี้ตะโกนอย่างตกใจในทันที แล้วล้มลงกับพื้น
เธอสาบานว่า ถึงแม้จะถูกถังเฉาบีบคอไว้ เกิดอันตรายกับชีวิต ก็ไม่เคยหวาดกลัวเท่ากับตอนนี้มาก่อน
ในตอนนี้ เย่หรูอี้รู้สึกว่าการเรียนที่ผ่านมาของตัวเธอเองนั้นไร้ค่ามาก
รวมทั้งรู้สึกว่า Newton’s first law นั้นผิด
คนมันจะยืนกลับหัวที่ชายคาระเบียงแล้วไม่ตกลงไปได้ยังไงกัน?
“นะ นายเป็นใคร…..”
เย่หรูอี้พยายามให้น้ำเสียงของตัวเองดูนิ่ง
แต่เธอพบว่าเธอนั้นทำไม่ได้
ไม่ว่าเธอจะฉลาดยังไง เธอก็ยังเป็นหญิงสาวอ่อนแอที่ไม่มีกำลังอยู่ดี
อยู่ต่อหน้าความหวาดกลัว แม้แต่การวิ่งหนีเธอก็ทำไม่ได้
ฟึ่บ!
หนุ่มผ้าคลุมพลิกตัว แล้วเข้ามาอยู่ในโรงแรม
เย่หรูอี้นั่งอยู่บนพื้น รีบกอดเสื้อคลุมอาบน้ำของตัวเองไว้
เธอไม่กลัวตาย แต่เธอกลัวการตายทั้งเป็น
แต่ยังดีที่ชายหนุ่มไม่ทำเรื่องอย่างนั้นกับเย่หรูอี้ รวมทั้งไม่มีความคิดทางด้านนั้นเลยด้วยซ้ำ
นี่ทำให้เย่หรูอี้แอบสบายใจลงหน่อย
ชายหนุ่มไปนั่งที่โซฟาเอง จากนั้นก็เทเหล้าให้ตัวเองแก้วหนึ่ง
เย่หรูอี้ก็ใช้โอกาสนี้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ปกปิด แล้วค่อยแกล้งทำเป็นนั่งตรงหน้าของผู้ชายคนนั้นอย่างนิ่งสงบ และพูดอย่างใจเย็นว่า “ฉันจะไม่แจ้งความ นายบอกฉันมาซะว่านายเป็นใคร บุกเข้าห้องฉันเพื่ออะไร?”
สองคำถามนี้คือสิ่งที่เย่หรูอี้อยากรู้ ถ้าหากว่าอีกฝ่ายอยากมาฆ่าเธอ เธอหนีไม่พ้นด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามของเย่หรูอี้ในทันที แต่กลับดื่มเหล้าที่เต็มขวดจนหมดเกลี้ยง ถึงได้จ้องสำรวจร่างกายของเย่หรูอี้
เย่หรูอี้ปล่อยให้จ้องไป
สายตาของชายหนุ่มหยุดที่ตรงไหน ที่ตรงนั้นของเธอก็รู้สึกเหมือนมีมดอยู่ตรงนั้น
ในที่สุด ชายหนุ่มก็ดึงสายตากลับ น้ำเสียงแหบแห้ง “เธอสามารถเรียกฉันว่า ‘ค้างคาว’”
“ค้างคาว?”
ทันใดนั้นดวงตาของเย่หรูอี้ก็หดตัวลง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
เพราะว่าเธอเคยได้ยินถังเฉาพูดถึงชื่อนี้
ห้าปีก่อน ถ่ายวิดีโอถังเฉาและหลินชิงเสว่ที่อยู่ในโกดังได้อย่างสมบูรณ์และยังมีตัวหมากมากมายซ่อนไว้
แม้แต่ตัวเธอซ่งหรูอี้ ก็ถูกหลอกใช้
“นายคือค้างคาว?”
เย่หรูอี้มองสำรวจชายชุดดำ
ภายใต้ผ้าคลุม เป็นหน้ากากเหล็กที่น่ากลัว มองไม่เห็นหน้าคนสักนิด
เมื่อไม่สามารถมั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายคือใคร เย่หรูอี้จึงทำได้เพียงยอมแพ้ที่จะหาตัวตนของอีกฝ่าย แล้วก็พูดอย่างตรงไปตรงมา
“ห้าปีก่อน นายเป็นคนสั่งให้ลูกน้องมาจับถังเฉา แล้วก็โยนความผิดมาที่ฉันใช่มั้ย?”
น้ำเสียงเย่หรูอี้เย็นชามาก
แม้จะรู้ว่าค้างคาวแข็งแกร่งมาก แต่เย่หรูอี้ก็ยังรู้สึกโกรธที่ตัวเองถูกหลอกใช้
ที่ผ่านมา มีเพียงแค่เธอที่หลอกใช้คนอื่น น้อยมากที่จะมีคนสามารถหลอกใช้เธอได้!
แต่ใครจะไปรู้ว่าค้างคาวกลับส่ายหัว
“ไม่ใช่ ที่เธอพูด น่าจะหมายถึง ‘ค้างคาว’ คนก่อน ‘ค้างคาว’ เป็นเพียงแค่ชื่อแทนตัวเท่านั้น”
ฟังจากน้ำเสียงของค้างคาว เหมือนกำลังหัวเราะ
เย่หรูอี้สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แล้วก็ถามอย่างกังวลว่า
“นายมาหาฉันทำไม?”
ค้างคาวพูดนิ่งๆว่า “มาหาเธอเพื่อร่วมมือกัน”
“ร่วมมืออะไร?”
เย่หรูอี้ระมัดระวังอย่างที่สุด
แต่ค้างคาวกลับลุกขึ้น “เดี๋ยวจะมีคนมาคุยกับเธอเอง เธอทำแค่เพียงตกลงกับฉันเรื่องหนึ่ง….”
ค้างคาวเข้าใกล้เย่หรูอี้ พูดประโยคหนึ่งที่ข้างหูเธอ
ฟังจบ เย่หรูอี้ตกใจหน้าซีด รีบก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว
“เป็นไปไม่ได้! ฉันตอบตกลงกับนายไม่ได้!”
เย่หรูอี้ท่าทางโมโห อารมณ์ขึ้น
เดาได้แต่แรกแล้วว่าเย่หรูอี้จะต้องปฏิเสธ ค้างคาวจึงไม่โกรธ เพียงแค่พูดช้าๆว่า
“ความต้องการของเธอกับความเป็นน้ำวางแผน น่าจะเดาได้ไม่ยาก ข้างกายเธอมีคนแก่คนหนึ่งคอยตามติด ดูแล้วเหมือนปกป้องความปลอดภัยของเธอ แต่ความเป็นจริงแล้วคือสายที่เย่เซ่าเตี๋ยส่งมาคอยจับตาดูเธอไว้”
“แล้วยังไง?”
เย่หรูอี้กัดฟันพูด
ค้างคาวพูดนิ่งว่า “ฉันสามารถช่วยเธอจัดการเขาได้”
“ไม่จำเป็น”
เย่หรูอี้พูดเสียงเย็นชา
“เธอจต้องตกลงแน่ ส่วนจะร่วมมืออะไรกัน รอเธอตกลงแล้วค่อยคุยกัน”
“ช่องทางการติดต่อฉัน ถ้าคิดได้แล้ว ก็มาหาฉัน”
ค้างคาวพูดจบ ก็เปิดหน้าต่าง แล้วก็กระโดดลงไป
เย่หรูอี้รีบวิ่งไปที่ขอบหน้าต่างเพื่อส่องดู
ด้านล่างรถยนต์มากมาย ขนาดเล็กเหมือนมด มีเงาคนสักนิดที่ไหนกัน?
เย่หรูอี้ล้มลงนั่งกับพื้น
เธอรู้สึกนิดหน่อยว่า เหมือนตัวเองจะถูกดึงเข้ามาอยู่ในเรื่องอันตรายที่น่ากลัวแล้ว
เริ่มตั้งแต่ห้าปีก่อน เธอก็ถูกดึงเข้ามาแล้ว
……..
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สมาคมการต่อสู้เจียงเฉิงหรือเรื่องทางฝั่งของเย่หรูอี้ ถังเฉาล้วนยังไม่รับรู้
ในตอนนี้ ตรงหน้าเขามีข้อมูลสองอย่างวางอยู่
นอกจากตระกูลเย่แล้ว ยังมีตระกูลหลิน ตระกูลถัง ตระกูลฉินต่างก็มาที่เมืองเจียงเฉิง
ตระกูลหลินมีหลินรั่วหวีนำพาด้วยตัวเอง
คนที่เป็นตัวแทนตระกูลถัง ก็ยังเป็นถังหลินเหมือนเดิม
ส่วนตระกูลฉินมีฉินกวนฉีนำ และที่มาด้วยก็มี ฉินผู่หยาง และฉินสวูตง
“ฉินกวนฉี…..”
“และยังมีท่านพ่อตา….”
ปากของถังเฉาพึมพำไม่หยุด มุมปากยกยิ้มบางๆขึ้น
เขาตั้งตารอการเจอกันกับหลินรั่วหวี
รวมทั้งรวมตัวอีกครั้งกับเพื่อนเก่าฉินผู่หยาง
ขณะเดียวกัน ฉินกวนฉีคนนี้ เขาก็จำไว้ในใจ
คนบ้าดนตรีมีความเกี่ยวข้องกับเขา
กริ๊ง!
ความคิดของถังเฉาถูกเสียงกริ่งโทรศัพท์แสบหูดึงกลับมา
ไม่นึกเลยว่าเจิงเทียนเสียงเป็นคนโทรมา
“ทางฝั่งหมิงจูมีเรื่องอะไรงั้นหรอ?”
ถังเฉาถาม
เจิงเทียนเสียงพูดว่า “ทุกอย่างมั่นคงดีครับ เพียงแต่เป็นอย่างที่คุณคิดทุกอย่าง ตระกูลลู่มาขอร่วมธุรกิจด้วยแล้วครับ”
“งั้นหรอ?”
ได้ยินอย่างนั้น มุมปากของถังเฉาก็ยกยิ้มบางๆขึ้นมา “แล้วผลสรุปละ?”
“ไม่ว่าจะเป็นตระกูลต่ง ตระกูลซุน หรือว่าตระกูลเย่และตระกูลจ้าว ต่างก็ยกระดับเกณฑ์การร่วมธุรกิจสูงขึ้นหนึ่งเท่าครับ”
“ทางฝั่งตระกูลหลิน ขอเงินร่วมธุรกิจจำนวนมหาศาลกับทางตระกูลลู่ ทำการจ่ายเงินแล้ว ถึงจะสามารถร่วมธุรกิจกันได้ และกำไรการร่วมธุรกิจ แบ่ง80/20”
“ลี่จิงกรุ๊ปสาขาหลัก80 ตระกูลลู่20ครับ”
เจิงเทียนเสียงพูดอย่างสะใจ “ครั้งนี้ตระกูลลู่โดนหนักเลยครับ แล้วยังคิดที่จะวางแผนใส่คุณ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีจริงๆ!”
ถังเฉาพูดยิ้มๆว่า “พวกเขาใจดีส่งเงินมาให้พวกเราอย่างนี้ พวกเราก็ต้องต้อนรับพวกเขาดีๆ ให้ความดีกับพวกเขาสักหน่อยหนึ่ง”
“ครับ!”
เจิงเทียนเสียงวางสาย แล้วก็ไปจัดการงาน
ส่วนถังเฉานั่งลงที่เก้าอี้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างที่ได้ควบคุมทุกอย่างไว้
เขารู้ความต้องการของตระกูลลู่แต่แรกแล้ว อยากใช้เขาขึ้นตำแหน่ง เพียงแต่ ถังเฉาจะปล่อยให้พวกเขาสำเร็จอย่างง่ายดายได้ยังไงกันละ?
อีกด้าน บนถนนทางด่วนที่เมืองหมิงจูเข้าสู่เจียงเฉิง รถสปอร์ตคันหนึ่งกำลังขับด้วยความเร็วสูง
ลู่โป๋หานขับรถไปด้วยแล้วโทรหาคุณปู่ลู่เจียงไห่ไปด้วย
“โป๋หาน การร่วมธุรกิจที่ทางฝั่งหมิงจูเป็นยังไงบ้าง?”
ในสาย ลู่เจียงไห่ร้อนรนมาก
ถ้าหากได้กินตลาดฝั่งหมิงจู อำนาจตระกูลลู่ของเขา ก็จะเพิ่มขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ
ลู่โป๋หานพูดยิ้มๆว่า “การร่วมมือสำเร็จดีมากครับ ผมบอกแล้วไงครับ เพียงแค่ตระกูลลู่ของพวกเรายอมให้กับถังเฉา ก็จะสามารถได้ทุกอย่างที่พวกเราต้องการ”
“เพียงแต่ว่าค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง”
ลู่โป๋หานบอกค่าสูญเสียต่อแต่ละตระกูลออกมา
ลู่เจียงไห่เงียบไปสักพัก จากนั้นก็ด่าว่า “หลินชิงเสว่คนนั้นช่างกล้าเอ่ยปากจริงๆ ถึงได้กล้าพูดเงื่อนไขที่มากเกินไปแบบนี้!”
แต่ลู่โป๋หานกลับไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไรครับ เพียงแค่สามารถร่วมธุรกิจด้วยได้ ตระกูลลู่ของพวกเราก็ถือว่ากำไร”
“เดี๋ยวก็จะมีงานประชุมแดนเหนือแล้ว รีบโทรเรียกยอดฝีมือของตระกูลลู่ที่อยู่เมืองอื่นกลับมาทีละคนเถอะครับ ตระกูลต้องการให้พวกเขาออกแรงแล้ว”
ลู่เจียงไห่พยักหน้า “ไม่เลว หลังจากงานประชุมแดนเหนือ ก็เป็นช่วงเวลาที่ตระกูลลู่ของฉันโผล่ขึ้นแล้ว ฮ่าๆๆ…