“อ๊ากกกก…”
ในห้องทำงานสะท้อนเสียงกรีดร้องแหลม ๆ อย่างน่าเวทนาของชายร่างใหญ่
เขาถอยหลังตึง ๆ ๆ สามก้าว แขนทั้งแขนของข้อมือข้างที่หักกำลังชักเกร็ง
“อะไรเนี่ย?”
ถังหลินมองฉากนี้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาที่สะดุ้งตกใจลุกขึ้นยืนในทันที
“เจ้าห้า!”
ใบหน้าของผู้แข็งแกร่งสี่คนที่อยู่ด้านหลังของถังเฉาเต็มไปด้วยความช็อก พอตั้งสติได้พวกเขาก็ก้าวเข้ามาพร้อมกัน แล้วพยุงตัวเขาขึ้นมา
ดวงตางดงามของเย่เซ่าเตี๋ยเบิกกว้าง สีหน้าแบบนั้นเหมือนกับเห็นผีไม่มีผิด
ถึงขั้นแปลกใจจนเกินเหตุ แม้แต่ปากเล็ก ๆ ก็ยังเผยอน้อย ๆ
ดวงตาทั้งคู่ของหงเทียนเฉินที่อยู่ด้านหลังหรี่ลงน้อย ๆ มองฉากนี้ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เขาเคยได้ยินชื่อถังเฉาคนนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่เพียงแต่สังหารหลัวจวิน สมาชิกของสมาคมการต่อสู้ แม้แต่หลัวเฉิงที่อยู่อันดับที่เก้าของสมาคมก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้
วันนี้ได้พบแล้ว ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ถังเฉาประคองถ้วยชา ค่อย ๆ ดื่มหนึ่งอึก “โชคดีที่เขาไม่ได้ออกแรงในทันที ไม่อย่างนั้นตอนนี้แขนทั้งแขนของเขาก็หักไปแล้ว”
“อวดดี!”
ผู้แข็งแกร่งสี่คนที่เหลือเต็มไปด้วยความโกรธ ในดวงตาซ่อนรังสีสังหารที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้ เดินเข้าไปหาถังเฉา
ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่คิดว่าถังเฉาจะเป็นยอดฝีมือ ยังไงก็ไม่ถึงทีที่พวกเขาจะต้องลงมือโดยสิ้นเชิง ดังนั้นถึงได้ให้เจ้าห้าที่บำเพ็ญตนยังไม่ถึงขั้นสูงสุดที่สุดเป็นคนลงมือ นึกไม่ถึงว่าเพียงชั่วพริบตาเดียว ข้อมือของเจ้าห้าก็หักเสียแล้ว
“ถังเฉา อย่าใจร้อน…”
หลินชิงเสว่ที่อยู่ข้าง ๆ สีหน้าเคร่งขรึม
ห้าคนนี้มีศักยภาพพอ ๆ กับองครักษ์อ้านอิ่ง
เย่หรูอี้เองก็ตวาดเสียงดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง “หยุดนะ ที่นี่คือห้องทำงานของฉัน!”
กลับถูกพี่ใหญ่หัวหน้าของห้าคนนั้นตะคอกมาตัดบทอย่างเดือดดาล “หุบปาก!”
“เจ้าหมอนี่หักมือข้างหนึ่งของเจ้าห้าไป จะต้องเอาเลือดชดใช้เลือด!”
ใบหน้าของถังหลินเต็มไปด้วยความโกรธ นี่เป็นถึงยอดฝีมือตัวแทนขึ้นต่อสู้ของตระกูลถัง ตอนนี้กลับถูกหักมือไปหนึ่งข้าง นี่กำลังลดกำลังการแข่งขันของตระกูลถังอยู่นะ!
“โยนเขาลงไปจากชั้นบนสุด!”
ถังหลินตะคอกเสียงดัง มีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถสงบความเดือดดาลของเขาได้
ถังเฉากลับวางถ้วยชาลง เอ่ยอย่างเย็นชา “พวกคุณไม่ได้พูดหรอกเหรอว่าผู้แข็งแกร่งอยู่สูงสุด ผมก็จะให้พวกคุณได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง”
ตอนที่พูดถังเฉาก็ค่อย ๆ ยืนขึ้น รอสี่คนที่เหลือรุมโจมตีเข้ามา
พลัก!
ถังเฉาลงมืออย่างโหดเหี้ยม หมัดหนึ่งอัดเข้าไปที่ท้องของคนที่อาวุโสเป็นเจ้ารองในบรรดาสี่คนอย่างโหดเหี้ยม
“อัก!”
ร่างกายของเจ้ารองโค้งงอเหมือนกุ้งราวกับถูกโจมตีอย่างหนักทันที แม้แต่น้ำลายก็ยังกระเด็นออกมา
“เจ้ารอง!”
พี่ใหญ่คำรามเสียงดังหนึ่งครั้ง จากนั้นสายตาที่มองไปยังถังเฉาก็ยิ่งเดือดดาลยิ่งขึ้น “แกมันรนหาที่ตาย!”
“แทนที่จะเป็นห่วงคนอื่น ไม่สู้หาเวลามาห่วงตัวเองเสียหน่อย”
เสียงเย็นชาของถังเฉาดังขึ้น แต่กลับไม่พบเงาร่างของถังเฉา
พี่ใหญ่หันกลับมาตามสัญชาตญาณกลับถูกถังเฉาถีบออกไปทีหนึ่งอย่างโหดเหี้ยม
พลัก!
ร่างกายของพี่ใหญ่ถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็ไปกระแทกกับหน้าต่างจากพื้นจรดเพดานขนาดยักษ์
เพล้ง!
บนกระจกจากพื้นจรดเพดานมีรอยร้าวกระจายโดยแน่นอยู่ทั่ว
ร่างกายของพี่ใหญ่ฝังอยู่ในกระจกจากพื้นจรดเพดาน ตกใจกลัวจนสีหน้าขาวซีด สั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ถ้าหากถังเฉาใช้แรงมากกว่านี้อีกสักหน่อย เขาก็จะตกลงไปแล้ว
เขาลงมาอย่างระมัดระวัง หันกลับไปมอง กลับเห็นเพียงฉากที่ทำให้เขาโกรธจนลูกตาแทบถลนออกมา…
ถังเฉาใช้เท้าเหยียบขยี้อยู่บนหัวเขาของเจ้าสามกับเจ้าสี่
กำลังที่แข็งแกร่ง ถีบลงไปจนเจ้าสามกับเจ้าสี่ล้มลงไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของถังเฉา
“ถังหลิน นี่คือบุคคลที่เลือกมาเป็นตัวแทนตระกูลถังออกไปต่อสู้เหรอ? อ่อนแอไปหน่อยนะ!”
ไม่รู้ว่าถังเฉากลับไปนั่งที่ตำแหน่งเดิมตั้งแต่ตอนไหน สองมือยกถ้วยชา มองถังหลินด้วยใบหน้าหยอกเย้า
ถังหลินโมโหจนหน้าหน้าเขียวคล้ำ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือความหวาดกลัวชนิดหนึ่งที่ออกมาจากในใจ
ห้าคนนี้เป็นคนที่ผ่านการคัดเลือกจากเขามาอย่างหนัก ถึงจะเลือกมาเป็นยอดฝีมือ
นึกไม่ถึงเลยว่าจะทนไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวของถังเฉา!
“ถังเฉา แกกล้าทำคนของฉัน เบื่อโลกแล้วใช่ไหม?”
ถังหลินโมโหอยู่เต็มใบหน้า ตะคอกใส่ถังเฉาด้วยความเดือดดาล
เย่หรูอี้ก็พูดกับถังเฉาด้วยสีหน้าที่ไม่น่ามองว่า “สั่งสอนแค่นิดหน่อยทำไมต้องทำให้พวกเขาบาดเจ็บด้วย?”
ตอนนี้พวกเขาเป็นพันธมิตรกัน ทำร้ายผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนใดคนหนึ่งล้วนเป็นความสูญเสีย
ถังเฉากลับมีสีหน้าไม่ใส่ใจ “พวกเขาจะสู้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร ผมสู้ก็พอแล้ว”
“บังอาจ!”
เย่เซ่าเตี๋ยตะคอกเสียงดังหนึ่งครั้ง
การดำเนินไปของเรื่องไม่เหมือนกับที่คิดไว้โดยสิ้นเชิง
เธออยากจะโยนถังเฉาออกไป แต่คิดไม่ถึงว่าถังเฉาจะเผยให้เห็นพลังที่แข็งแกร่งออกมา
“ใครบังอาจ?”
ทันใดนั้นสายตาเย็นเยียบของถังเฉาก็มองมา
ชั่วพริบตานี้เย่เซ่าเตี๋ยก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงไปทั้งตัวราวกับตกอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง
สายตาแบบนั้นหนาวเหน็บเกินไป ไม่มีอุณหภูมิเลยแม้แต่น้อย
เย่เซ่าเตี๋ยก็มองไปยังหงเทียนเฉินที่อยู่ด้านข้าง “คุณหงคะ คุณรีบลงมือ สั่งสอนเขาสักหน่อย”
เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าศักยภาพของถังเฉาจะแข็งแกร่งทรงพลังขนาดนี้ เกินความคาดหมายของเธอโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม หงเทียนเฉินยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ เธอนิ่ง ๆ เอ่ยอย่างเย็นชา “ขอโทษด้วยครับคุณเย่ ภารกิจของผมเพียงแค่ออกไปต่อสู้แทนตระกูลเย่ของพวกคุณ เรื่องอื่น ๆ ผมไม่ยุ่งเกี่ยวทั้งสิ้น”
“คุณ…”
เย่เซ่าเตี๋ยชะงัก พูดไม่ออกเลยในทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเสียหน้าหลังจากแสดงฐานะตระกูลหลวงในเยี่ยนตู
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ผู้แข็งแกร่งมีความหยิ่งยโสของผู้แข็งแกร่ง เพียงแค่ขึ้นต่อสู้แทนตระกูลเย่ ไม่ไปทำเรื่องอื่น
ได้ยินอย่างนั้นถังเฉากลับมองหงเทียนเฉินอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “คุณเองก็กลับไปได้แล้ว ผมเป็นตัวแทนตระกูลเย่ขึ้นต่อสู้แล้ว ยังไม่ถึงทีคุณต่อสู้”
บึ้ม!
พอคำนี้ลั่นออกมา ใบหน้าของหงเทียนเฉินก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที
เขายังไม่ได้ก่อกบฏต่อถังเฉาเลย นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยั่วโมโหเขาอย่างไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว!
“เย่หรูอี้ คุณหงเป็นยอดฝีมือที่ฉันเชิญมา มาช่วยเหลือเธอด้วยเจตนาดี นึกไม่ถึงว่าคนของเธอจะกล้าไม่เคารพคุณหง?”
หงเทียนเฉินไม่ได้พูดอะไร เย่เซ่าเตี๋ยก็ด่าทอเย่หรูอี้ไปก่อนแล้ว
เย่หรูอี้ไม่เก็บมาใส่ใจโดยสิ้นเชิง ถึงขั้นที่บนใบหน้ายังมีความเยาะเย้ย “ดูเหมือนฉันจะพูดไปตั้งแต่แรกแล้วนะว่าถังเฉาเป็นยอดฝีมือที่ฉันเชิญมา ทั้งหมดเป็นเธอเองที่จัดการเองโดยพลการ”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยก็นิ่งค้างไป
ที่จริงแล้วหลินชิงเสว่กับเย่หรูอี้พูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่าถังเฉาคือผู้เข้าร่วมแข่งขันตัวแทนของตระกูลเย่ เพียงแต่เย่เซ่าเตี๋ยไม่เชื่อก็เท่านั้น
สีหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยไม่น่ามองอย่างไม่มีเหตุผล เธอคิดไม่ถึงเลยว่าถังเฉาจะเป็นยอดฝีมือที่เป็นตัวแทนออกไปต่อสู้ของตระกูลเย่จริง ๆ
เธอยังคิดว่าเย่หรูอี้สมรู้ร่วมคิดกับพวกเขาไว้ดีแล้ว!
สายตาของหงเทียนเฉินมองเย่เซ่าเตี๋ยอย่างไม่ดี “คุณเย่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ที่เย่เซ่าเตี๋ยพูดกับเขาเอาไว้ก็คือเป็นตัวแทนตระกูลเย่ขึ้นต่อสู้ ในขณะเดียวกันก็แลกมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนมาก
แต่เรื่องจริงกลับเป็นเขาที่ไม่มีแม้กระทั่งคุณสมบัติที่จะไปต่อสู้แทนตระกูลเย่ด้วยซ้ำ
นี่สำหรับเขาแล้วถือเป็นการดูถูกจริง ๆ!
ภายใต้พลังที่แข็งแกร่งของหงเทียนเฉิน สีหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยไม่น่ามอง ร่างกายสั่นระริกเบา ๆ
นึกไม่ถึงว่าเธอจะจนปัญญาที่จะอธิบาย
เพราะเธอไม่คิดเลยสักนิดว่าเย่หรูอี้จะสามารถรับสมัครยอดฝีมือมาได้จริง ๆ
นอกจากนี้สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างถังเฉากับย่หรูอี้นั้น เย่เซ่าเตี๋ยก็พอรู้มาบ้าง
พวกเขามีความสัมพันธ์เป็นแฟนเก่ากัน
มีความรู้สึกเช่นนี้อยู่ นึกไม่ถึงว่าถังเฉาจะยังสามารถช่วยเย่หรูอี้ได้ นี่คือสิ่งที่เย่เซ่าเตี๋ยคิดไม่ถึง
และก็จนปัญญาจะอธิบาย ภายใต้ความวิตกกังวล เย่เซ่าเตี๋ยโทรศัพท์ไปหาหงเทียนหยา ประธานสมาคมการต่อสู้
เรื่องที่เย่หรูอี้รับสมัครยอดฝีมือมาไม่ได้เป็นเรื่องที่หงเทียนหยาบอกกับเธอ ดังนั้นเธอถึงได้มั่นใจเช่นนี้
ในใจของเย่เซ่าเตี๋ยสุมไฟเอาไว้อยู่เต็ม
ด้วยความรวดเร็ว มีคนรับสายแล้ว
เย่เซ่าเตี๋ยเก็บกดความเดือดดาลแล้วเอ่ยซักถาม “ประธานหง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่คะ ช่วยฉันตรวจหน่อยค่ะว่าคนที่เป็นตัวแทนต่อสู้ของตระกูลเย่เป็นใคร?”
เสียงของหงเทียนหยาส่งมา “คนที่กำหนดแต่เดิมก็คือถังเฉาไม่ใช่เหรอ แต่ว่าทะเบียนฐานะของถังเฉาตรวจสอบไม่พบ พวกเราสงสัยว่าเขาจะปลอมแปลงตัวตน ก็เลยยกเลิกเขาไป เขาไม่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วมประชุมแดนเหนือ”