พอคำนี้ลั่นออกมา คิ้วของถังเฉาก็เลิกขึ้นทันที หันกลับไปมอง
ด้านหลังเห็นเพียงหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งกำลังยืนจ้องตนเองอย่างเยียบเย็น สายตาแบบนั้นแทบอยากจะฆ่าเขาตรงนั้นเลย
“ถังหลิน แกเองหรือ?”
ดวงตาของถังเฉาหรี่ลงอย่างอันตราย ส่วนลึกในดวงตาสาดประกายคมปลาบในทันที
บนชุดสูทของชายหนุ่มกลัดเหรียญเกียรติยศสีทองแวววับชิ้นหนึ่ง นั่นก็คือเครื่องอิสริยาภรณ์ของตระกูลถังที่เป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะ
ด้านข้างของเขามีผู้แข็งแกร่งที่มีกลิ่นอายแข็งแกร่งยืนอยู่ห้าคนเต็ม ๆ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเก็บพลังเอาไว้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่ทำให้คนอื่นสยบให้ด้วยการคุกคามตามธรรมชาติโดยไม่ต้องแสดงความโกรธ
นั่นก็คือการคุกคามของผู้แข็งแกร่ง แม้เพียงแค่ยืนยู่ตรงนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนตกใจกลัว
ถังเฉาคาดเดาว่าห้าคนนี้น่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่เป็นตัวแทนตระกูลถังขึ้นต่อสู้
“ฉันเอง”
สายตาของถังหลินจ้องถังเฉาอย่างเยียบเย็น “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่แกจะมาได้ ไสหัวออกไป!”
“บังอาจ!”
เย่เฟิงเซิงตวาดเสียงดังขึ้นมาทันที จ้องถังหลินด้วยสายตาไม่ดี “คุณถังเป็นแขกผู้มีเกียรติที่คุณหนูเชิญมา ตำแหน่งไม่ได้ต่ำไปกว่าคุณ คุณกล้าไม่เคารพคุณถัง?”
สายตาของถังหลินทอดอยู่บนร่างของเย่เฟิงเซิง ทันใดนั้นก็ยิ้มเยียบเย็นออกมา “คุณไม่รู้เหรอว่าผมเป็นใคร?”
เย่เฟิงเซิงขมวดคิ้ว กำลังจะตอบ ถังหลินก็ส่ายศีรษะเสียก่อน “ก็ถูกนะ ผู้อำนวยการของสาขาย่อยเล็ก ๆ แม้แต่ศูนย์กลางของตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวงก็นับเป็นไม่ได้ จะมาเคยได้ยินชื่อและสมญานามของฉันได้อย่างไร?”
ประโยคนี้มีความหยิ่งยโสอย่างเข้มข้น เย่เฟิงเซิงสัมผัสได้ถึงความอัปยศในทันที เก็บกดความโมโหแล้วเอ่ยถามว่า “คุณเป็นใคร?”
ถังหลินหัวเราะ “เห็นแก่ที่คุณช่วยหรูอี้จัดการบริษัทสาขาย่อย ฉันก็จะบอกแกแล้วกัน”
“ฉันชื่อถังหลิน มาจากตระกูลถังแห่งตระกูลหลวงในเยี่ยนตู แล้วก็เป็นคู่หมั้นของหรูอี้ด้วย”
ขวับ!
พอคำนี้ลั่นออกมา สีหน้าของเย่เฟิงเซิงก็เปลี่ยนไปอย่างที่คิดไว้ ไม่กล้าแม้กระทั่งโมโห
นึกไม่ถึงว่าคนคนนี้จะมาจากตระกูลถังในเยี่ยนตู และยังเป็นคู่หมั้นของคุณหนู นี่ไม่ใช่คนที่เขาจะยุแหย่ด้วยได้
ถังไม่พูดไม่จา เพียงแค่มองเขาอย่างเยียบเย็น
มาจากตระกูลหลวงในเยี่ยนตูเหมือนกัน หลินชิงเสว่กับถังหลินแตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน
คนหน้าไม่มีท่าทางหยิ่งยโสโอหังที่มาจากตระกูลขุนนาง ส่วนคนหลังชูคอจนจะถึงฟ้าไปแล้ว
“ไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจเขา”
ถังเฉากวาดตามองเขาแวบหนึ่ง ไม่เอาถังหลินมาใส่ใจโดยสิ้นเชิง
หลินชิงเสว่กับเย่เฟิงเซิงก็ไม่สนใจเขาแล้ว เดินไปทางอาคารหย่วนหยางทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ถังหลินตวาดเสียงดังหนึ่งครั้ง ดวงตาเต็มไปด้วยรังสีสังหาร
ถังเฉาไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด ยังคงก้าวยาว ๆ เดินไปข้างหน้า
หลินชิงเสว่กับเย่เฟิงเซิงเองก็เช่นกัน
ถังหลินโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่
ที่นี่คือหย่วนหยางกรุ๊ป แล้วเย่เฟิงเซิงก็เป็นผู้อำนวยการของหย่วนหยางกรุ๊ป แน่นอนว่าถังหลินจะต้องเอาเขามาเชือดไก่ให้ลิงดู
“เย่เฟิงเซิง ถ้าแกยังกล้าเดินไปข้างหน้าอีกก้าวเดียว เชื่อไหมว่าฉันจะทำให้แกเป็นผู้อำนวยการของบริษัทสาขาย่อยไม่ได้?”
ได้ยินอย่างนั้น ในที่สุดเย่เฟิงเซิงก็หยุดฝีเท้า หันกลับไปจ้องถังหลินเขม็ง
แต่เขาก็ยังไม่ได้โมโห แต่กลับสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยกับถังหลินว่า
“ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคู่หมั้นของคุณหนู แต่ก็ตัดสินใจแทนท่านไม่ได้ คุณถังเป็นแขกผู้มีเกียรติของคุณหนู คุณจัดการเองโดยพลการ ไม่กลัวว่าคุณหนูจะโกรธเหรอครับ?”
“แกกล้าเอาหรูอี้มากดดันฉันงั้นเหรอ ฉันว่าแกคงจะเบื่อโลกแล้วสินะ!”
ใบหน้าของถังหลินเต็มไปด้วยความโมโหร้ายยิ่งขึ้น เอ่ยกับเย่เฟิงเซิง
เขาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา ในตอนที่กำลังจะเอาความสัมพันธ์ที่อยู่ในมือมาปลดเย่เฟิงเซิงออกจากตำแหน่งนั้นเอง
ด้านหลังก็มีตำหนิด้วยความโกรธอย่างเยือกเย็นเสียงหนึ่งส่งมา
“หยุดนะ!”
ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นเพียงเย่หรูอี้ที่สวมชุดทำงานทั้งตัวเดินก้าวยาว ๆ เข้ามา ใบหน้ามืดครึ้มจนแทบจะบิดคั้นน้ำออกมาได้
“หรูอี้!”
เห็นเย่หรูอี้เดินออกมา ถังหลินกวาดตามองความมืดครึ้มบนใบหน้า บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมา
เขาเดินไปอยู่ข้างกายของเย่หรูอี้ มือก็โอบไปทางเย่หรูอี้อย่างเป็นธรรมชาติ
เย่หรูอี้กลับถอยหลังไปหนึ่งก้าว แม้แตะก็ยังไม่ให้ถังหลินแตะ
มองดูฉากนี้ ในใจของถังหลินก็เต็มไปด้วยความเดือดดาล แต่บนใบหน้ากลับไม่ได้แสดงออกมา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เย่หรูอี้ตวาดด้วยความเดือดดาลด้วยใบหน้ามืดครึ้ม
เย่เฟิงเซิงไม่กล้าขัดขืน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ทั้งหมดออกไป
เย่หรูอี้ฟังจบ บนใบหน้าก็ปรากฏความโมโหอย่างพบเห็นได้ยาก
“ถังหลิน ถังเฉาคือคนที่ฉันเชิญมา คุณอาศัยอะไรมาไล่เขาไปคะ?”
เย่หรูอี้ไม่ได้บอกไปในทันทีว่าถังเฉาก็คือคนที่เธอเลือกให้เป็นตัวแทนตระกูลเย่ของเธอออกไปต่อสู้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาประกาศ
พูดจบก็มองไปที่ถังเฉากับหลินชิงเสว่ เอ่ยด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจว่า “ทำให้พวกคุณเจอเรื่องน่าขันแล้ว ตามฉันมาเถอะค่ะ”
ถังเฉากับหลินชิงเสว่ล้วนแต่มองถังหลินอย่างเยือกเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็หันกลับไปเดินเข้าไปในอาคาร
มองดูเย่หรูอี้พูดเพื่อถังเฉาเช่นนี้ แต่กลับแม้แต่ตัวก็ยังไม่ให้เขาแตะ ความเดือดดาลที่ไม่สามารถจะอธิบายได้ในใจถังหลินมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ใกล้ถึงช่วงเวลาระเบิดออกมาแล้ว
ทั้งตัวของเขามีแต่รังสีสังหาร แต่กลับซ่อนไว้อย่างดีที่สุด ไม่ได้ระเบิดออกมา
เพราะเขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะระเบิด
“หรูอี้รวมพลตระกูลหลวงทั้งหมดเพื่อที่จะลอบจู่โจม ตรงนี้จะถือเอาความสามารถเป็นหลัก ฉันจะดูสิว่าอีกสักพักเขาจะทำอย่างไร!”
ถังหลินหันกลับไปมองผู้แข็งแกร่งห้าคนเต็ม ๆ ที่เป็นตัวแทนตระกูลถังไปขึ้นต่อสู้ครั้งหนึ่ง มั่นใจเป็นอย่างมาก
พาพวกของถังเฉาไปถึงห้องทำงานของเย่หรูอี้แล้ว เย่เฟิงเซิงก็จากไป
นี่คืองานชุมนุมของตระกูลหลวง ไม่ใช่งานที่คนที่ไม่ใช่ศูนย์กลางของตระกูลหลวงอย่างเขาจะเข้าร่วมได้
เขาหวังว่าจะจากไปเร็ว ๆ
ห้องทำงานของเย่หรูอี้ใหญ่มาก มุมด้านในสุดทั้งหมดเป็นกระจกโปร่งแสงสูงจากพื้นจรดเพดานขนาดยักษ์ สามารถมองเห็นเขตธุรกิจทั้งหมดได้
“ห้องทำงานไม่เลวเลย”
ถังเฉาพูดประเมิน
เย่หรูอี้แย้มยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ชงชาต่อไป
หลังจากนั้นทันทีถังหลินก็มาถึงแล้วก็นั่งอยู่ตรงข้ามกับถังเฉา
ในตอนนี้ลั่วเยนอวิ๋นยังไม่มา ดังนั้นการปรึกษาหารือกันยังไม่นับว่าเริ่มแล้วเสียทีเดียว
ถึงแม้ว่าเย่หรูอี้จะไม่ได้พูดคุยกับถังเฉา แต่ความสนใจก็อยู่บนร่างของถังเฉาทั้งหมด ไม่มองคู่หมั้นอย่างเขาคนนี้เลยสักนิด
สุดท้ายถังหลินก็ทนไม่ไหว เก็บความโมโหไว้ในใจแล้วเอ่ยกับเย่หรูอี้ว่า “หรูอี้ ตอนนี้คุณเป็นคู่หมั้นของผม อยู่ข้างนอกอย่างน้อยก็ต้องมีท่าทีเหมือนอย่างที่คู่หมั้นควรจะมีให้ดี”
ในดวงตาของเย่หรูอี้มีประกายเยียบเย็นวาบผ่านทันที
ถังเฉากับหลินชิงเสว่เองก็มองไปที่ถังหลินอย่างประหลาดใจ แม้แต่พวกเขาก็ยังมองออกว่าเย่หรูอี้โกรธขึ้นมาบ้างแล้ว
“คู่หมั้น?”
เย่หรูอี้เอ่ยอย่างเยียบเย็น “อย่างนั้นก็ดี ฉันจะเสนอเงื่อนไขที่คุณจะแต่งกับฉันหน่อย”
“ข้อที่หนึ่ง คุณจำเป็นจะต้องแต่งเข้า ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ”
บึ้ม!
พอคำนี้ลั่นออกมา สีหน้าของถังหลินก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากทันที
เพียงแค่ข้อที่หนึ่งเขาก็ทำไม่ได้แล้ว
นึกไม่ถึงว่าผู้สืบทอดตระกูลถังที่สง่าผ่าเผยอย่างเขาจะไปแต่งเข้า ถ้าหากเรื่องนี้รู้ถึงภายนอกจะน่าอับอายขนาดไหน?
ดวงตาของเย่หรูอี้เยียบเย็น เอ่ยต่อไปว่า
“ข้อที่สอง กิจการ บัตรธนาคารทั้งหมดของคุณ ต้องส่งมาให้ฉันเก็บรักษาทั้งหมด คุณเพียงจำเป็นจะต้องอยู่บ้านประพฤติตัวดี ๆ เท่านั้นก็พอ”
“ข้อที่สาม พวกเราไม่มีความจำเป็นจะต้องทำหน้าที่สามีภรรยา ต่อไปอยู่ด้วยกัน คุณห้ามขึ้นเตียง ปูฟูกนอนพื้น!”
“…”
พูดเงื่อนไขสามข้อจนถังหลินไม่มีความโกรธแม้แต่น้อย
ถังเฉากลับหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
เงื่อนไขสามข้อนี้เขาคุ้นหูอย่างยิ่งอย่างคาดไม่ถึง
ไม่ใช่เงื่อนไขที่เย่หรูอี้เสนอต่อเขาเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เขาแต่งเข้าตระกูลซ่งหรอกหรือ?
“ในเมื่อทำไม่ได้ก็หุบปากไป ต่อไปอยู่ข้างนอกห้ามพูดว่าฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ ฉันไม่ยอมรับ!”
เย่หรูอี้เอ่ยปากอย่างเย็นชา น้ำเสียงเย็นมาก
สีหน้าของถังหลินไม่น่ามองจนถึงที่สุด “เงื่อนไขที่คุณพูดมาสามข้อนี้ ผมคิดว่าขอเพียงเป็นผู้ชายก็ไม่มีทางตอบรับหรอกมั้ง?”
ตอบรับแล้วศักดิ์ศรีของผู้ชายก็ไม่มีแล้ว
“คุณผิดแล้วล่ะ มีคนเคยทำได้มาก่อน”
เย่หรูอี้เอ่ยอย่างเย็นชา “ทั้งยังทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วย”
“ใคร?”
“คนที่ตามหาอยู่ตรงหน้านี่เอง”
พอเย่หรูอี้พูดจบ ถังหลินสำนึกได้ก็มองไปที่ถังเฉา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“แกตอบรับเหรอ?”
ถังเฉาพยักหน้า “ตอบรับไปแล้ว”
พอจำเรื่องในอดีตได้สีหน้าของถังเฉาก็ปลงอนิจจัง
ตอนนั้นเขาแต่งเข้าตระกูลซ่ง เพียงเพื่อมุ่งมั่นที่จะตอบแทนบุญคุณ
กลับเดินเข้าไปในใจของซ่งหรูอี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ
เธอใช้วิธีการของตัวเองมาแสดงความในใจของตัวเองกับถังเฉามาโดยตลอด
แม้ว่าชาตินี้ทั้งชาติของพวกเขาจะเป็นไปไม่ได้ก็ตามที
เย่หรูอี้เองก็มีสีหน้าซับซ้อน หันไปมองที่หลินชิงเสว่ทันที “ดูแลเขาให้ดี”
หลินชิงเสว่เอ่ยอย่างจริงจัง “อยู่แล้ว”
ถังหลินก็ไม่กล้าพูดจาแล้ว
ในบางด้านเขาก็สู้ถังเฉาไม่ได้จริง ๆ
ด้วยความรวดเร็ว ลั่วเยนอวิ๋นมาถึงแล้ว
เป็นเช่นนี้ ตัวแทนของสี่ตระกูลหลวงที่ยิ่งใหญ่ล้วนครบแล้ว
สีหน้าของเย่หรูอี้จริงจังขึ้นมา “ในเมื่อทุกตระกูลมากันครบแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็เริ่มปรึกษาหารือกันเถอะ”
เย่หรูอี้กำลังจะประกาศ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดอีกครั้ง
จากนั้นเสียงหยอกเย้าผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นตามหลังทันที
“เย่หรูอี้ เธอมีคุณสมบัติที่จะตัดสินใจเริ่มงั้นเหรอ?”
ต๊อก ๆ ๆ!
เสียงรองเท้าส้นสูงตอกพื้นดังกังวานตามมา ผู้หญิงที่สวยงามแต่เทียบกับเย่หรูอี้ไม่ได้คนหนึ่งเดินอกผายไหล่ผึ่งเข้ามา
เครื่องหน้าของเธอประณีตงดงาม ทั้งยังเทียบกับเย่หรูอี้แล้วมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นมาหนึ่งส่วน
เพียงแต่ระหว่างทอดสายตามอง มีความปลิ้นปล้อนที่เลือนรางวาบผ่าน แสดงให้เห็นว่าความคิดของผู้หญิงคนนี้ล้ำลึกเป็นที่สุด
“เย่เซ่าเตี๋ย!”
มองดูแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ สีหน้าของเย่หรูอี้ก็มืดครึ้มลงมา
“เย่เซ่าเตี๋ย?”
ถังเฉาตกตะลึงไปพักหนึ่ง จำไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
สายตาของหลินชิงเสว่กับลั่วเยนอวิ๋นกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
หลินชิงเสว่เอ่ยกับถังเฉาเสียงเบาว่า “ตอนก่อนที่เย่หรูอี้จะกลับตระกูลเย่ไปนั้นเธอถึงจะเป็นคนรุ่นหนุ่มสาวที่ล้ำเลิศที่สุดของตระกูลเย่ ถูกเรียกว่าเป็น ‘เด็กทองสาวหยก’ กับเย่จงเวิ่นผู้ชายอีกคนหนึ่งของตระกูลเย่”
“เพียงแต่ว่าระยะใกล้ ๆ นี้ที่เย่หรูอี้กลับตระกูลเย่ แย่งความสนใจของเธอ ทุกสองคนไม่ลงรอยกันมาโดยตลอด ตอนแรกคนที่ต่อต้านการกลับตระกูลเย่ของเข่หรูอี้อย่างสุดความสามารถก็คือคนที่เธอพามา”
ลั่วเยนอวิ๋นพูดเสริมขึ้นอีกข้าง
“อย่างนั้นหรือ…”
ได้ยินอย่างนั้นถังเฉาก็มองเย่เซ่าเตี๋ยเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่เธอพูดจริง ๆ เช่นนั้นเย่เซ่าเตี๋ยคนนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่ไม่มีความสำคัญโดยสิ้นเชิง
“คิก ๆ เย่หรูอี้ เห็นฉันแล้วแปลกใจมากใช่ไหม?”
เย่เซ่าเตี๋ยมาหัวเราะอยู่ตรงหน้าของเย่หรูอี้ “สรุปแล้ว เธอเพิ่งจะกลับตระกูลมา ฉันเป็นห่วงเธอมากเลย ดังนั้นจึงขอคำสั่งคุณปู่มาดูแลเธอที่เมืองเจียงเฉิง”
“เธอไม่ต้องสนใจฉันหรอก เธอปรึกษาหารือของเธอไป ฉันจะนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ”
พูดจบเย่เซ่าเตี๋ยก็ลากเก้าอี้มาตัวหนึ่งจริง ๆ เธอยิ้มหึหึมองทุกคน
เย่หรูอี้อดกลั้นความเดือดดาลในใจไว้อย่างยากลำบาก สำหรับเย่เซ่าเตี๋ยแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะกล้ำกลืนฝืนทนไป
เย่หรูอี้ก็คิดขึ้นมากับเย่เซ่าเตี๋ยได้ ถือเสียว่าเย่เซ่าเตี๋ยเป็นอากาศ ตนก็พูดของตนไป
“เดี๋ยวก่อน! ก่อนที่พวกคุณจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ฉันยังมีคำถามหนึ่งจะถามเธอ”
ตอนที่พูดมาครึ่งหนึ่งแล้ว ทันใดนั้นย่เซ่าเตี๋ยก็ตัดเย่หรูอี้ฉับ มองเธอแล้วเอ่ยถามว่า “ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเธอรับสมัครผู้แข็งแกร่งที่เหมาะสมกับตระกูลเย่ได้แล้วเหรอ?”
“ถ้าหากว่าไม่ ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษด้วยนะ ที่เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะจัดตั้งการปรึกษาครั้งนี้แล้ว”