คำพูดของหงเทียนหยาทำให้เย่เซ่าเตี๋ยตะลึงในทันที
พอเรียกสติคืนมาได้ เธอเก็บกดความประหลาดใจและดีใจภายในใจอย่างสุดความสามารถ ยืนยันอย่างแน่ชัดครั้งแล้วครั้งเล่า “ประธานหง ที่คุณพูดมาเป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ?”
“แน่นอน ผมหงเทียนหยาเคยพูดปดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
หงเทียนหยายิ้มอย่างเบิกบานแล้วเอ่ยขึ้น
คำสั่งนี้เป็นเขาที่เป็นคนสั่งการเอง จะปลอมได้อย่างไร?
วางสายโทรศัพท์แล้วมุมปากของเย่เซ่าเตี๋ยก็ยิ้มเย็นขึ้นมาทันที “เย่หรูอี้ เมื่อกี้ฉันโทรศัพท์ไปยืนยันกับประธานหงแล้ว ถังเฉาไม่ใช่ผู้ถูกเลือกเข้าแข่งขันเป็นตัวแทนตระกูลเย่ขึ้นต่อสู้เลยสักนิด!”
“อะไรนะ? นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
ได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของเย่หรูอี้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของเย่เซ่าเตี๋ย กัดฟันพูดว่า “ฉันลงชื่อถังเฉาสมัครเข้าไปแล้วชัด ๆ เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”
ตอนแรกเธอไม่เสียดายเลยที่ไปล่วงเกินสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิง ก็ต้องรอถังเฉาตอบรับ
ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าถังเฉาจะตอบตกลง เธอก็เอาชื่อของถังเฉาไปลงชื่อสมัครแล้ว กลับได้รับผลลัพธ์เช่นนี้
ตบเธอเลยไม่ดีกว่าเหรอ!
อย่าว่าแต่เย่หรูอี้เลย แม้แต่พวกของหลินชิงเสว่กับลั่วเยนอวิ๋นก็มีความแปลกใจอยู่เต็มใบหน้า
แม้แต่ตัวของถังเฉาเองก็ประหลาดใจมาก
แต่ด้วยความรวดเร็ว เขาก็เข้าใจสาเหตุอย่างกระจ่างทันที
จะต้องเป็นเพราะหงเทียนหยาขัดขวางอยู่ระหว่างนั้นเป็นแน่!
มองดูสีหน้าของเย่หรูอี้ในตอนนี้ ในใจของเย่เซ่าเตี๋ยเบิกบานใจอย่างถึงที่สุด หัวเราะหึหึแล้วเอ่ยว่า “ที่จริงแล้วชื่อของถังเฉาได้ลงชื่อไปแล้ว แต่ว่าไม่ผ่านการตรวจสอบระเบียน ระเบียนฐานะของเขาแสดงผลเป็นเครื่องหมายคำถามติดต่อกันเป็นพวง!”
“ช่วงเวลาเว้นว่างไปห้าปี ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นประธานหงบอกเอาไว้แล้วว่าสงสัยว่าเขาจะปลอมตัวตนขึ้นมา เพื่อที่จะรับรองว่าประชุมแดนเหนือจะสามารถดำเนินการได้ตามกำหนด จำเป็นจะต้องกำจัดปัจจัยที่ไม่เรียบร้อยทั้งหมด ดังนั้นจึงปัดเขาตกไปแล้ว”
เย่หรูอี้เงียบไม่พูดไม่จา สีหน้าไม่น่ามองเป็นอย่างมาก
ช่วงเวลาที่เว้นว่างไปห้าปี นี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริง ๆ
ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว เธอก็เคยตรวจสอบข้อมูลตัวตนของถังเฉา ข้อมูลอะไรก็มีหมด ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือความว่างเปล่าห้าปีในนั้น
คิดไม่ถึงเลยว่านี่จะกลายเป็นข้ออ้างมาลอบโจมตีการเข้าร่วมการแข่งขันของถังเฉา
ครั้งนี้เย่หรูอี้เองก็จนปัญญาจะแทรกแซง
สายตาของถังเฉากลับไม่มีความแปลกใจใด ๆ
ตรวจสอบระเบียนของเขา?
ใครมีคุณสมบัตินี้กัน?
นึกไม่ถึงว่ายังถูกคิดว่าปลอมแปลงตัวตนอีก!
หลินชิงเสว่เอ่ยกับถังเฉาว่า “ถ้าหากว่าไปไม่ได้ อย่างนั้นก็ดีที่สุดแล้ว อยู่เป็นเพื่อนข้าง ๆ พวกเรา”
หลินชิงเสว่รู้ว่าห้าปีที่ว่างเปล่านั้นเป็นอย่างไร แต่ว่าเธอพูดออกมาไม่ได้
“ดังนั้นคนที่เป็นตัวแทนตระกูลเย่ขึ้นต่อสู้ก็ยังคงเป็นคุณหงจากสมาคมการต่อสู้!”
บนใบหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยมีความยินดีของการเป็นผู้ชนะ เอ่ยกับหงเทียนเฉิน
ตอนนี้สีหน้าของหงเทียนเฉินถึงได้ดูดีขึ้นมาบ้าง
เย่เซ่าเตี๋ยเอ่ยกับเย่หรูอี้อีกว่า “แต่ว่า คุณหงเป็นคนที่ฉันหามา ตัวแทนของตระกูลเย่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นฉันเป็นธรรมชาติ เธอไม่มีคุณสมบัตินี้!”
สีหน้าของเย่หรูอี้ไม่น่ามองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เย่เซ่าเตี๋ย เธอคิดว่าเธอใช้วิธีการต่ำ ๆ มาลบฉันแล้วฉันจะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างนั้นเหรอ?”
“ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของฉันคือสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดของตระกูลเย่ แม้จะร่อนเร่อยู่ข้างนอกมายี่สิบกว่าปี ก็ยังคงเป็นผู้สืบทอดที่มีประโยชน์ที่สุดของตระกูลเย่ ฉันไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาด!”
เย่หรูอี้เสียงต่ำ ยิ่งนำพาพลังชนิดหนึ่ง เย่เซ่าเตี๋ยถูกขู่จนตกใจกลัว
สีหน้าของเธอเองก็เปลี่ยนเป็นไม่น่ามองหาใดเปรียบ
เย่หรูอี้สามารถกลับมาตระกูลเย่ได้ก็เพราะสายเลือดของเธอเป็นสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดจากทุกคนในตระกูลเย่
ทุกคนล้วนริษยาเธอ ล้วนอยากจะไล่คนจากภายนอกคนนี้ออกไป
เธอเป็นเพียงตัวแทนของคนพวกนั้น
พวกของถังเฉาและหลินชิงเสว่ล้วนตกอยู่ในความเงียบ
ต่อให้เธอโหดเหี้ยมอำมหิตไร้ความปรานี จิตใจโหดร้าย แต่เธอก็เพียงแค่อยากมีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง
ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ดี ๆ ก็จำเป็นจะต้องปีนขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด
บนจุดนี้ หลินชิงเสว่เทียบเย่หรูอี้ไม่ได้
ทั้งสองคนแสวงหาในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน
เพียงชั่วพริบตาเดียว เย่เซ่าเตี๋ยก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโมโหร้าย “สายเลือดเป็นตัวแทนของอะไร ตอนนี้สิ่งที่ตระกูลเย่ให้ความสำคัญก็คือความสามารถ ความสามารถของฉันมีมากกว่าเธอ เธอก็ต้องเชื่อฟังฉัน”
“ตอนนี้ฉันขอสั่งให้เธอรินน้ำชามาหนึ่งถ้วย!”
เย่เซ่าเตี๋ยมองเย่หรูอี้จากมุมบน เอ่ยสั่งการเสียงเย็นชา
เย่หรูอี้นั่งอยู่บนที่นั่ง ไม่ขยับเลยสักกระผีก
“รนหาที่ตาย!”
ลึกลงไปในดวงตาของเย่เซ่าเตี๋ยมีรังสีสังหารที่น่าสะพรึงกลัววาบผ่าน เธอลุกขึ้นมาทันใด ตบเข้าไปบนใบหน้าของเย่หรูอี้อย่างโหดร้ายหนึ่งที
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือดังกังวานขึ้น มุมปากของเย่หรูอี้มีเลือดไหลออกมาทันที
แต่ว่าเธอไม่ได้ร้องว่าเจ็บ ยิ่งไม่ได้ลุกขึ้น ถึงขั้นที่แม้แต่คิ้วก็ยังไม่ขมวด
สีหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยก็ยิ่งไม่น่ามองยิ่งขึ้น ยกมือขึ้นมาอีกครั้ง จะตบต่อ
“หยุดนะ!”
เสียงตะคอกอย่างเยือกเย็นเสียงหนึ่ง ไม่รู้ว่าหลินชิงเสว่ลุกขึ้นยืนตั้งแต่เมื่อไหร่ คว้ามือของเธอเอาไว้
“คนของตระกูลหลินก็กล้าจะมาก้าวก่ายเรื่องของตระกูลเย่? ปล่อยฉัน!”
ใบหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยเต็มไปด้วยความโมโหร้าย เอ่ยตะคอกใส่หลินชิงเสว่ด้วยความเดือดดาล
“เธอทำได้ดีมาก อาศัยอะไรต้องมาโดนคุณตบ?”
สายตาทั้งคู่ของหลินชิงเสว่เย็นยะเยือก มองเธออย่างเยียบเย็น
เย่เซ่าเตี๋ยตะลึงในใจ แต่ก็ยังพูดออกมาอย่างโมโหร้าย “เธอรับสมัครยอดฝีมือมาไม่ได้แม้แต่คนเดียว คนเดียวที่มีอยู่ก็ยังเป็นคนที่ฉันรับสมัครมาได้ เธอมีคุณสมบัติที่ไหนมาบัญชาการตระกูลเย่เข้าร่วมประชุมแดนเหนือ? ตบเธอไม่กี่ทีจะเป็นอะไรไป?”
หลินชิงเสว่เอ่ยอย่างเยียบเย็น “ปัญหาเกิดจากสมาคมการต่อสู้นั่น ไม่เกี่ยวกับเธอ ถ้าคุณยังลงมืออีก ฉันจะไม่เกรงใจคุณอีก”
เย่เซ่าเตี๋ยเดือดดาลถึงขีดสุดแต่กลับหัวเราะออกมา “ก็แค่มีหลินรั่วหวีหนุนหลัง ฉันต้องกลัวเธอด้วยเหรอ?”
พูดจบยังจะตบไปที่หลินชิงเสว่อีกหนึ่งที
แต่ก่อนเธอเป็นคนที่ดีเลิศที่สุดในรุ่นเยาว์วัยของตระกูลเย่ ตำแหน่งเทียบเท่ากับหลินชิงเสว่โดยธรรมชาติ
แต่เนื่องจากพ่อแม่ของหลินชิงเสว่ถือหางฝั่งตัวเองเป็นอย่างยิ่ง คนวัยเยาว์ จากแปดตระกูลอื่น ๆ ก็ไม่กล้ายุแหย่หลินชิงเสว่มาโดยตลอด
อัก!
ทว่าเธอเพิ่งจะยกมือขึ้น ทั้งร่างก็ถูกถีบปลิวไปไกลสิบกว่าเมตรราวกับว่าวที่หลุดจากสายป่าน
ประตูของห้องทำงานแยกออกตอบรับ ด้านนอกก็คือบันได เย่เซ่าเตี๋ยกลิ้งลงบันไดไปตรง ๆ อย่างคาดไม่ถึง
ทุกคนล้วนแต่ใช้สายตาที่หวาดกลัวมองถังเฉา
“ใคร ใครมันกล้าถีบฉัน…”
ชั้นล่าง ร่างทั้งร่างของเย่เซ่าเตี๋ยแทบจะพังทลายอยู่แล้ว แม้แต่ลุกขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้
หงเทียนเฉินมองถังเฉาทีหนึ่งอย่างสยอง ผวาจนเหงื่อเย็นหลั่งออกมาทั้งร่างอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อกี้ถังเฉาลงมือ นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ความรู้สึกเขาก็ยังสัมผัสไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ถังเฉามาอยู่ตรงปากทางเดิน มองเย่เซ่าเตี๋ยจากมุมบนเหมือนมองมดอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นนาย?!
เย่เซ่าเตี๋ยทั้งหวาดกลัวทั้งเดือดดาล แทบอยากจะฆ่าถังเฉา
“ถ้าหากเป็นเรื่องอื่นผมไม่มีทางลงมือกับคุณ แต่เกี่ยวพันถึงภรรยาของผม มันก็ไม่ได้”
ถังเฉาเอ่ยอย่างเย็นชา “ถ้าหากเธออยากจะตบคุณ คุณไม่มีทางตอบโต้ได้ ก็ยืนให้เธอตบไป ไม่อย่างนั้นผมก็จะลงมือ พอถึงตอนนั้นก็ไม่ง่าย ๆ แค่สองทีแล้ว ฟังรู้เรื่องแล้วใช่ไหม?”
นาทีนี้ถังเฉาก็ปลดปล่อยรังสีสังหารเทียมฟ้า ทำให้เย่เซ่าเตี๋ยสั่นสะท้านไปทั้งร่างทันที
ถังหลินกับลั่วเยนอวิ๋นเองก็มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ภายใต้การประคองของหงเทียนเฉิน เย่เซ่าเตี๋ยลุกขึ้นมายืนขาเป๋
เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้แต่ครู่เดียว
“เย่หรูอี้ ดีนี่ แกเยี่ยมมาก กล้าเรียกผัวเก่ามาลงมือกับฉัน ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากฉัน ฉันจะดูซิว่าแกคนเดียวจะทำยังไง!”
ทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเย่เซ่าเตี๋ยก็รีบร้อนลงชั้นล่างไป ไม่กล้าแม้กระทั่งลงลิฟต์