ห้ะ!
เว่ยหมิงจวินพูดประโยคนี้จบ หลินเจิ้นสงกับหลินฉ่ายเวยสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จ้องเขม็งเธอด้วยความโมโห
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเว่ยหมิงจวินยังจะกล้ามาให้ร้ายคนอื่นอีกในสถานที่แบบนี้
แต่ว่า นี่มันก็เป็นความแยบยลที่เว่ยหมิงจวินมีมากเกินกว่าใคร
ชีวิตก็คือการพนันครั้งใหญ่ ถ้าชนะ ก็สามารถเลื่อนขึ้นตำแหน่งสูงได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าแพ้ ก็จะไม่เหลืออะไรเลย
โชคดีก็คือ การพนันครั้งก่อน เว่ยหมิงจวินพนันชนะไป
ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นเจ้าแม่ของตระกูลหลิน
“หือ?”
ประโยคนี้ก็ดึงดูดความสนใจของสมาชิกสำรองกองทัพปราณมังกรทุกคน
แม้แต่ในแววตาของนายพลหวางชื่อก็อัดแน่นไปด้วยความเยือกเย็น
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”
นายพลหวางชื่อมาอยู่ตรงหน้าของเว่ยหมิงจวิน คิ้วยกขึ้น“ไหนคุณว่ามาซิ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
พอได้ฟังแบบนั้น เว่ยหมิงจวินก็สีหน้าดีอกดีใจ
เธอรู้ว่าตัวเองพนันถูกแล้ว!
เธอเล่าเรื่องที่ถังเฉา หลินชิงเสว่ แล้วก็ลั่วเย่นหัวไม่ออกมาต้อนรับ แถมยังใส่ไฟแต่งเสริมเพิ่มเติมให้เรื่องรุนแรงมากขึ้น
พยายามบิดเบือนความจริง พูดเกินจริง
จงใจให้พฤติกรรมของถังเฉาเหมือนกับไม่เคารพต่อสมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกร!
“คุณพูดไร้สาระอะไร!ถังเฉาเคยพูดเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน?”
หลินฉ่ายเวยพูดตัดบทพูดของเว่ยหมิงจวิน สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกกลัวมากเหมือนกัน
ถึงยังไงนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอะไร นี่มันสมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกรตั้งมากมายขนาดนี้เชียวนะ
“พวกคุณอย่าไปฟังเธอพูดพล่ามไร้สาระนะ ก็จริงที่พี่ชายของฉันไม่ได้มาด้วย แต่เขาไม่ได้มีความคิดแบบนี้แน่นอน……”
หลินฉ่ายเวยพยายามพูดอธิบาย แต่กลับถูกประโยคเดียวของเว่ยหมิงจวินตอกกลับมา
“แล้วฉันพูดผิดหรือไง? เขาไม่ใช่แค่ไม่มาเท่านั้นนะ แต่ยังพูดสบประมาทสมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกรอีกด้วย!”
เว่ยหมิงจวินพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย“เขาพูดว่า‘พวกทหารใหม่’ไม่ใช่หรือไง? แล้วไม่ดูสภาพตัวเองเลย กล้าดียังไง?”
หลินฉ่ายเวยกับหลินเจิ้นสงสีหน้าดูไม่ได้
พวกเขาพูดอะไรไม่ออก
เพราะว่าถังเฉาพูดแบบนั้นจริงๆ
สีหน้าของหวางชื่อกับเถี่ยนิ้วก็มืดมนลงทันที
บางทีพวกเขาอาจจะไม่สนใจคำพูดก่อนหน้าของเว่ยหมิงจวินก็ได้ ถึงยังไงจะมาหรือไม่มาต้อนรับ ก็เป็นเหตุผลของคนเขา
แต่ว่าจะมาสบประมาทแบบนี้ไม่ได้!
“คนคนนั้นอยู่ที่ไหน? ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง!”
หวางชื่อพูดด้วยความโกรธ
เว่ยหมิงจวินพูดยิ้มๆ“เขาอยู่ที่ห้องอาหารในห้องหรูหราของพวกเรา แต่เขาเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านภรรยาที่ไม่มีใครยอมรับของตระกูลพวกเรา พวกคุณอยากจะทำอะไรได้หมดเลย”
หวางชื่อยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ไม่ได้จะทำอะไรเกินเลยขนาดนั้นหรอก แค่อยากจะถามสักหน่อย ว่าเขากล้าดียังไงถึงพูดมาขนาดนี้”
เซี่ยสิงจู๋ ลู่เจียงไห่และหูอีซานที่อยู่ข้างหลังสุดก็ตกตะลึงไป
ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านภรรยาของตระกูลหลิน ก็คือคุณถังไม่ใช่หรือไง?
หรือว่ายังมีลูกเขยคนอื่นอีกเหรอ?
พวกเขาก็ตามไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเว่ยหมิงจวิน
“ถังเฉา ครั้งนี้ฉันจะดูว่านายจะอธิบายยังไง!”
เธอไม่กังวลเลยสักนิดว่าคำพูดของเธออาจจะถูกพลิกกลับมาก็ได้ เพราะว่าในห้องหรูหรามีกล้องวงจรปิดติดอยู่
คำพูดที่ถังเฉาพูด ถูกถ่ายเอาไว้หมดแล้ว
เขาหนีไม่รอดแล้ว!
หลินฉ่ายเวยและหลินเจิ้นสงก็ตามไปด้วยความเป็นห่วงถังเฉา
ก่อนหน้านี้เขาเตือนถังเฉาแล้ว ว่าอย่าพูดแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าจะกลายมาเป็นจุดอ่อนให้อีกฝ่ายเล่นงานซะได้
หลินรั่วหวีทำได้แค่ดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างนิ่งเงียบ ก็ไม่ได้ห้ามปามอะไร
สำหรับเขาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เว่ยหมิงจวินทำทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อเขาทั้งนั้น
ไม่นาน พวกเขาก็กลับมาถึงวาเลียนท์ วิลล่าอีกครั้ง
ตอนนี้หลินชิงเสว่กับถังเสี่ยวลี้กินอาหารเสร็จแล้ว กำลังดูวิวทิวทัศน์อยู่ข้างๆ
ถังเฉากับลั่วเย่นหัวก็ยังคงดื่มเหล้า มองดูเงาหลังของสองแม่ลูกอย่างยิ้มแย้ม
ปัง!
ในตอนนี้เอง ประตูก็เปิดออก
เว่ยหมิงจวินพากลุ่มคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามา ชี้ไปที่ถังเฉาพร้อมกับพูดขึ้น“คนนี้นี่แหละ!”
“ถ้าพวกคุณไม่เชื่อล่ะก็ จะไปตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดก็ได้นะ ดูว่าเขาพูดจริงไหม!”
เว่ยหมิงจวินพูดอย่างแน่วแน่มั่นใจ พวกหลินฉ่ายเวยก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
พอเห็นคนมากมายขนาดนี้เข้ามา หลินชิงเสว่ก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เอาถังเสี่ยวลี้ไปแอบไว้ข้างหลัง พูดถามขึ้นอย่างระแวง
“พวกคุณจะทำอะไร?”
“ไม่อะไรหรอก แค่จะถามนิดหน่อยเท่านั้น”
หวางชื่อเดินตรงไปยังถังเฉาพร้อมกับยิ้มอย่างเย้ยหยัน
เว่ยหมิงจวินถอนหายใจออกมาอีกครั้ง“ชิงเสว่ สามีของเธอพูดจาไม่รู้จักขอบเขต ไปยุแหย่ฮีโร่พวกนี้เข้าแล้วน่ะสิ!”
ตอนแรกหวางชื่อคิดที่จะเปิดประเด็นถามขึ้น แต่พอเห็นหน้าตาของถังเฉา เขาก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“คุณ คุณนั่นเอง?!”
ถังเฉาเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้กับหวางชื่อ“บังเอิญจริงๆ เจอกันอีกแล้ว”
หวางชื่อรีบหันหน้าไป มองเว่ยหมิงจวินอย่างเคร่งขรึม“คนที่คุณบอกว่าลามปามไม่สุภาพ คือเขาอย่างนั้นเหรอ?”
เว่ยหมิงจวินพยักหน้า“ใช่น่ะสิ คำพูดของเขา ขนาดฉันยังฟังต่อไปไม่ได้เลย!”
หวางชื่อลังเล“รอเดี๋ยว ผมขอตัวออกไปรายงานก่อน”
พูดจบ หวางชื่อก็เดินออกจากวิลล่า
พวกของเถี่ยนิ้วไม่ได้เข้ามาด้วย รออยู่ข้างนอก
ส่วนพวกเซี่ยสิงจู๋ พวกเขาก็ยิ่งไม่มีสิทธิ์เข้าไปเลยด้วยซ้ำ ยืดคอชะเง้อมองดูจากข้างนอก
“เกิดอะไรขึ้น? เขาล่ะ?”
พอเห็นหวางชื่อไม่ได้พาคนออกมา เถี่ยนิ้วก็ขมวดคิ้ว พูดถามขึ้น
หวางชื่อสีหน้าเคร่งขรึม“พี่เถี่ย อีกฝั่งอาจจะมีภูมิหลังที่ใหญ่โตครับ ผมยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะไปตัดสิน ผมว่า คุณเข้าไปดูสักหน่อยดีกว่าไหมครับ?”
คำพูดนี้ทำให้เถี่ยนิ้วคิ้วกระตุกขึ้น“ใคร มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่กัน?”
เถี่ยนิ้วเป็นคนมีประสบการณ์มาโชกโชน เขาไม่เชื่อเลยว่าจะมีคนที่สุดยอดไปกว่าพวกเขาอีก
เถี่ยนิ้วชี้คนที่อยู่ข้างหลัง“นาย ไปดูซิ ว่ามีภูมิหลังอะไร”
สมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกรพวกนี้ เป็นเพียงแค่ลูกศิษย์ที่เถี่ยนิ้วพามาเท่านั้น ส่วนเขาเป็นครูฝึก
แต่ไม่ถึงหนึ่งนาที เขาก็ออกมา
เถี่ยนิ้วถลึงตาโต“ทำไมนายออกมาเร็วขนาดนี้?”
ลูกศิษย์รู้สึกกดดัน“ครูฝึก คุณไปดูเองดีกว่าครับ เขาบอกว่าเทียบกับระดับของเขาแล้ว พวกเราก็เป็นแค่กลุ่มเด็กน้อยเท่านั้น!”
“ว่าไงนะ?”
พอคำพูดนี้ออกมา เถี่ยนิ้วก็สีหน้าโมโหทันที“ฉันจะไปดูซิ ว่าคนนี้มันเป็นใครกันแน่……”
พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปข้างในด้วยความเกรี้ยวกราด“คนอะไรโอหังได้ขนาดนี้……”
นาทีที่เถี่ยนิ้วเดินเข้าไป ถังเฉาก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี
ทั้งสองคนสบตากัน เถี่ยนิ้วที่ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหเกรี้ยวกราดก่อนหน้านี้ก็หยุดชะงักไปทันที
จากนั้น เขาก็มองถังเฉาด้วยความเหลือเชื่อ เหมือนกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
ปากพะงาบๆ ไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่ประโยคเดียว
เว่ยหมิงจวินไม่เห็นสีหน้าท่าทีของเถี่ยนิ้ว พูดยิ้มๆ“พูดจาไม่ถูกต้องแล้วก็ต้องชดใช้ ควรจะทำยังไง คงไม่ต้องให้ฉันบอกแล้วสินะ”
เว่ยหมิงจวินราวกับเห็นภาพที่ถังเฉาถูกจับตัวไปเรียบร้อยแล้ว ใบหน้ายิ้มแย้ม
ตู๊ม!
ต่อมา เถี่ยนิ้วก็กระทืบพื้นอย่างแรง พูดตะคอกขึ้น“ทุกคน เข้ามาให้หมด ทุกคนในห้อง ออกไปรอข้างนอกให้หมด!”
เสียงราวกับสายฟ้าฟาด ทุกคนต่างอึ้งตกใจ
แบบนี้ก็หมายความว่าให้พวกหลินรั่วหวีที่อยู่ในห้องออกไปให้หมดเหรอ?
ส่วนพวกลูกศิษย์ที่รออยู่ข้างนอก เข้ามาให้หมด?!
เว่ยหมิงจวินก็อึ้งมึนงงไป“ไม่ใช่สิ พวกเรายังต้องทานอาหารกันนะ ออกไปทำไมเหรอ?”
“บอกว่า ให้ออกไป!”
เถี่ยนิ้วหันหน้าไปอย่างแรง กวาดสายตามองเว่ยหมิงจวินอย่างเยือกเย็น
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปโดยสิ้นเชิง เหลือเพียงแค่ความเหี้ยมโหดที่ไม่รู้จบ ถึงขนาดที่แอบเห็นรอยเส้นเลือดอย่างชัดเจน
“ว้าย!”
พอถูกเถี่ยนิ้วมองมา เว่ยหมิงจวินสองขาก็อ่อนแรง ล้มฟุบลงไปนั่งบนพื้น
ตอนที่หันไปอีกรอบ ความโหดเหี้ยมอำมหิตที่ใบหน้าของเถี่ยนิ้วก็หายไปแล้ว เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แทน
“ครู……”
เถี่ยนิ้วกำลังจะเรียกครูฝึกถังเฉา ถังเฉากลับโบกมือ มองเขาอย่างนิ่งๆ
เถี่ยนิ้วก็เลยระงับคำพูดที่เขาจะพูดออกมา ท่าทางดูอึดอัด
หลินชิงเสว่ก็อยู่ข้างๆถังเฉา จึงเห็นสีหน้าอาการของเถี่ยนิ้ว
มันเป็นสีหน้าอาการตื่นเต้นที่ได้เจอกับครู!
เธออึ้งไปในทันที
เถี่ยนิ้วดึงสติกลับมา พบว่าในห้องยังคงมีคนอยู่ จึงตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง“บอกว่า ออกไป! ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง?”
ฟึ่บๆๆ!
ลูกศิษย์ข้างนอกประตูทยอยกันเข้ามา มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างในอย่างไม่เข้าใจ
“ไปกันเถอะ”
หลินรั่วหวีจูงเว่ยหมิงจวินออกไป
หลินชิงเสว่ก็ทำได้แค่อุ้มถังเสี่ยวลี้ออกไป
แล้วก็ลั่วเย่นหัว หลินเจิ้นสงและหลินฉ่ายเวย
เว่ยหมิงจวินหันไปมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ พบว่าถังเฉายังนั่งอยู่ข้างใน จึงส่งเสียงเรียกขึ้น“นายไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือไง ว่าให้เคลียร์คนออกจากที่นี่ทั้งหมด!”
ถังเฉาดื่มเหล้าไปหนึ่งแก้ว“ที่เขาพูดถึงคือพวกคุณ ไม่ได้บอกผมสักหน่อย”
เว่ยหมิงจวินโมโหถึงขั้นสุด“นายนี่มันแปลกจริงๆ ท่านผู้นั้นบอกชัดเจนว่าทุกคนในห้อง นายก็รวมอยู่ในนั้นด้วยเหมือนกัน”
ปัง!
เถี่ยนิ้วต่อยไปที่กำแพงตรงหน้าของเว่ยหมิงจวิน
เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
เถี่ยนิ้วกวาดสายตามองเธอ“ไสหัวออกไป!”
เว่ยหมิงจวินตกใจจนแทบจะล้มนั่งลงบนพื้น รีบคลานจากไปทันที
หลินรั่วหวีเห็นภาพที่เกิดขึ้น สายตาเยือกเย็น
ผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขาอับอายขายหน้าอีกแล้ว
ภายในห้องที่ปกติก็ใหญ่อยู่พอสมควร แต่พอมีคนเข้ามาจำนวนมากขนาดนี้ ก็ดูแออัดขึ้นมาไม่น้อย
เถี่ยนิ้วมองถังเฉาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ส่วนพวกลูกศิษย์ของเขาก็เฝ้ารอด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาอยากรู้ ว่าครูฝึกตื่นเต้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
หวางชื่อก็ตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
เขารู้ว่าถังเฉาภูมิหลังไม่ธรรมดา มีความเป็นไปได้สูงว่าเถี่ยนิ้วอาจะรู้ภูมิหลังของถังเฉา
ในที่สุด ก็มีลูกศิษย์คนหนึ่งทนไม่ไหว ชี้ไปที่ถังเฉาพร้อมกับถามขึ้น“ครูฝึก เขาก็คือคนที่เรียกพวกเราว่าเป็นทหารใหม่ใช่ไหม? เขาเป็นใครเหรอครับ? ”
“ครูฝึก!”
เถี่ยนิ้วแทบจะไม่ได้ยินคำพูดของลูกศิษย์คนนั้นเลย วิ่งไปอยู่ตรงหน้าของถังเฉา พร้อมกับเรียกตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ถังเฉาสีหน้าจึงเผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม“ไม่เจอกันนานขนาดนี้ นายกลายเป็นครูฝึกไปซะแล้ว”
เถี่ยนิ้วยิ้มอย่างซื่อๆ รู้สึกเกรงใจเล็กน้อย“เป็นครูฝึกมันก็ดีนะครับ หลายปีนี้ ไม่ได้ทำให้ครูฝึกต้องอับอายขายขี้หน้าเลย”
บูม!
พอได้ฟังบทสนทนาของพวกเขา พวกลูกศิษย์ชองเถี่ยนิ้วก็ตกใจทันที ในหัวอื้อไปหมด
ผ่านไปนานสองนาน พวกเขาจึงตอบสนองกลับมา มองถังเฉาราวกับเห็นผี
พวกเขาเรียกเถี่ยนิ้วว่าครูฝึก แล้วเถี่ยนิ้วก็เรียกเจ้าหนุ่มคนนี้ว่าครูฝึก หรือว่า เป็นครูฝึกของครูฝึกอย่างนั้นเหรอ?
เด็กขนาดนี้เลยเหรอ?
พวกเขาต่างพากันอึ้งตะลึงไป!
ท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้ คนที่ช็อคตกใจที่สุดก็คือหวางชื่อ
เขาถลึงตาโต มองถังเฉาด้วยความเหลือเชื่อ
เขาเคยสงสัยในตัวตนของถังเฉามาตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นครูฝึกของครูฝึก!
นี่มันข้ามระดับไปกี่ระดับกัน?
หวางชื่อรู้สึกแค่ว่าสมองของตัวเองไม่มีค่า
ในขณะเดียวกันก็สั่นกระส่ายไปทั้งตัว เหงื่อไหลอาบเต็มหน้าผาก
คนของเขา ก่อนหน้ายังไปกักตัวครูฝึกของเถี่ยนิ้วไว้อีกด้วย
ตรงหน้าของเขาก็มีภาพเหรียญตราเต็มตัวปรากฏขึ้นมา สักพักภาพของเขาก็เปลี่ยนเป็นดูทรงเกียรติน่าเคารพ
เขาเข้าใจกฎนี้ดี สมาชิกใหม่ของกองทัพปราณมังกร ล้วนแต่ต้องเรียกสมาชิกเก่าว่าครูฝึก
ตอนนี้เถี่ยนิ้วเป็นสมาชิกทางการของกองทัพปราณมังกร หรือจะบอกว่า เขาเป็นสมาชิกทางการอย่างนั้นเหรอ?