เสียงของชายค้างคาวเบามาก เบามากๆ แต่กลับทำให้เฟิ่งหวงรูม่านตาหดทันที
“คุณ……คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?”
เฟิ่งหวงมองชายค้างคาวด้วยสายตาระแวดระวัง ใจเต้นรัว
ชายค้างคาวมองเธอด้วยสายตานิ่งๆ“ที่นี่เก็บเสียงดีมาก ดังนั้น บทสนทนาของพวกเรา จะไม่มีบุคคลที่สามรู้อย่างแน่นอน รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ฆ่าเธอเมื่อตอนนั้น?”
“เพราะว่า พวกเรามันหัวอกเดียวกันยังไงล่ะ”
ชายค้างคาวยกมือขึ้น ชี้ไปที่หัวของตัวเอง
เฟิ่งหวงสีหน้ายิ่งซีดขาวมากขึ้น“คุณ……ก็ถูกองค์กรบีบบังคับเหมือนกันเหรอ?”
ชายค้างคาวยิ้มอย่างนิ่งๆ“ในบรรดาคนรับใช้ของ‘หว่างเหลี่ยง’ มีคนไหนที่ไม่ถูกบีบบังคับบ้างล่ะ? พวกเขาควักเหตุผลออกมาร้อยแปดพันอย่าง เข้าร่วมองค์กรไปแล้ว ไม่มีทางพลิกกลับขึ้นมาได้อีกแล้ว”
“มีหลายคน หลายคนมากที่นึกว่าเขาตายแล้ว มีหลายคน ที่รอพวกเขากลับมาอย่างโง่เขลามาโดยตลอด แม้ว่าในใจจะรู้ดี ว่าพวกเขาไม่มีทางกลับมาแล้วก็ตาม……ฉันอิจฉาคนแบบนี้”
ชายค้างคาวสีหน้าโศกเศร้าและเสียใจ
“ดังนั้น คุณก็คือ……”
เฟิ่งหวงรูม่านตาขยายออก ใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เธอรู้สึกว่า ตัวเองใกล้เข้าใกล้ความจริงแล้ว
ชายค้างคาวค่อยๆถอดเสื้อคลุมออกช้าๆ เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่ดูผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน
เป็นใบหน้าที่น่ากลัว รอยแผลเต็มใบหน้าไปหมด แต่ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้ว เฟิ่งหวงก็พอจะมองออกว่าเขาคือใคร
“เป็นคุณอย่างนั้นเหรอ?!”
เฟิ่งหวงสีหน้าตกใจ “คุณคือค้างคาวอย่างนั้นเหรอ?”
ชายคนนั้นยิ้มนิ่งๆ“คุณรู้สึกว่าใช่ มันก็ใช่”
เฟิ่งหวงอารมณ์ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เหมือนจะมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม กลับถูกชายคนนั้นกดเอาไว้ก่อน
“ฉันรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร แต่เธอต้องเข้าใจเรื่องเรื่องหนึ่งก่อน ว่าตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ความสัมพันธ์เมื่อในสมัยก่อนพวกนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาที่เดินผ่านไป”
“ตอนนี้ ฉันเป็น‘ค้างคาว’ทำงานให้กับ‘หว่างเหลี่ยง’”
ชายคนนั้นสีหน้านิ่งเฉย น้ำเสียงเย็นชาอย่างหาที่เปรียบมิได้
เฟิ่งหวงสายตาซึมเศร้าทันที
ผลลัพธ์นี้ เธอรับมันไม่ได้จริงๆ
แถมทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำให้กับรองหัวหน้า ก็ไร้ความหมาย
ชายคนนั้นยิ้มๆ“พูดให้ถูกก็คือ พวกเราถือว่าเป็นพวกเดียวกัน ไม่ว่ายังไงก็เคยทำงานให้กับ‘หว่างเหลี่ยง’เหมือนกัน ตอนนี้ก็นับว่าได้มาร่วมมือกันอีกครั้ง”
“ตอนนี้เธอคงอยากจะถอดสิ่งที่อยู่ที่คอของเธอออกแล้วสินะ?”
ชายคนนั้นมองเฟิ่งหวง พร้อมกับถามยิ้มๆ
นิ่งเงียบไปนาน เฟิ่งหวงก็พยักหน้า
“เธอแค่แสดงความจงรักภักดีต่อพวกเราก็พอ”
ชายคนนั้นพูดยิ้มๆ“เธอรับปากฉันว่าจะจัดการธุระให้หนึ่งเรื่อง ฉันก็จะช่วยเธอเอาปลอกคอไฟฟ้านี้ออก แล้วก็จะบอกวิธีการเอาระเบิดที่ฝังอยู่ในหัวของเธอออกให้ด้วย”
เฟิ่งหวงสีหน้าตื่นตระหนกทันที“ในหัวของฉันไม่มีระเบิด”
“จริงเหรอ? ”
ชายคนนั้นมุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างขี้เล่น“เธอนึกว่าฉายานักฆ่าอันดับหนึ่งของเธอในสมัยก่อน มันได้มาเปล่าๆฟรีๆอย่างนั้นหรือไง? จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีการเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่าสินะ”
เฟิ่งหวงสีหน้าดูไม่ได้ กลับจ้องมองไม่พูดอะไรสักคำ
เธอไม่รู้จริงๆ
“หยุดโง่ได้แล้ว”
ชายคนนั้นน้ำเสียงอ่อนลง“ถ้าเธอไม่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมาถึงอันดับหนึ่งของโลกได้ขนาดนี้หรอก”
เฟิ่งหวงก็ยังไม่เชื่อ“แสดงว่าคุณจะบอกว่า ฉันทรยศต่อองค์กรแล้ว แต่ทำไมระเบิดในหัวถึงยังไม่ระเบิดอย่างนั้นสินะ?”
“นั่นก็เพราะว่าเธอเป็นสินค้าชิ้นแรก มันยังคงไม่สมบูรณ์ยังไงล่ะ”
ชายคนนั้นพูดนิ่งๆ“ระเบิดชิปรุ่นแรก มีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่แน่ไม่นอน”
หยุดไปสักพัก ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาต่อ“โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเธอปฏิเสธ แล้วพลาดไป ก็ไม่มีอีกแล้ว”
คำพูดของชายคนนั้น ทำให้เฟิ่งหวงตกอยู่ในความเงียบ
หลังจากผ่านไปนานสองนาน เธอก็มองชายคนนั้นด้วยสีหน้าซับซ้อน“จะให้ทำอะไร?”
ชายคนนั้นยิ้ม พูดออกมาหนึ่งประโยค
“ฆ่าถังเฉา”
“……”
หลังจากที่ออกมาจากวาเลียนท์ วิลล่า หลินชิงเสว่ก็ไม่ได้กลับบ้าน แต่กลับไปที่บริษัท
ดูเหมือนว่าที่บริษัทจะเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย
“เป็นอะไรเหรอ?”
ถังเฉาที่อยู่ข้างๆพูดถามขึ้น
หลินชิงเสว่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“สมาคมการค้าเจียงผิงลงมือจัดการกับพวกเราแล้ว!”
ในตาของถังเฉาแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
ประธานของสมาคมการค้าเจียงผิงเริ่นจวินตงเคยยื่นคำขาดให้กับลี่จิงกรุ๊ปและจวี้เฟิงกรุ๊ป
ว่าถ้าเกิดไม่เข้าร่วมและกลายเป็นสมาชิกของสมาคมการค้าเจียงผิง ก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับสมาคมการค้าเจียงผิง
โดยเฉพาะจวี้เฟิงกรุ๊ปก็ยิ่งเป็นหนามยอกอกของสมาคมการค้าเจียงผิงไปอีก
แต่เดิมก็เห็นด้วยเห็นชอบที่จะเข้าร่วมสมาคมการค้าเจียงผิง แต่กลับถูกถังเฉามาสกัดกั้นเอาไว้ก่อน
เริ่นจวินตงก็เลยแค้นมาโดยตลอด
ถังเฉายิ้มๆ ไม่สนเลยสักนิด“ถ้าสมาคมการค้าเจียงผิงเข้ากับคุณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนประธานก็ได้แล้วนี่”
หลินชิงเสว่คิดซะว่าถังเฉากำลังปลอบเธออยู่“คุณหยุดล้อเล่นได้แล้ว ประธานของสมาคมการค้าเจียงผิงจะเปลี่ยนง่ายขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะ?”
ไม่แปลกที่หลินชิงเสว่ไม่เชื่อ ถึงยังไงนี่มันก็ดูเหมือนเกมเด็กเล่น
ถังเฉาก็ไม่พูดอธิบาย แต่พูดถามขึ้น“แล้ว พวกคุณจะทำยังไง?”
หลินชิงเสว่พูดอย่างเคร่งขรึมจริงจัง“ในส่วนของจวี้เฟิงกรุ๊ปฉันไม่ค่อยรู้มากนัก แต่ทุกช่องทางสาขาของลี่จิงกรุ๊ปในเมืองเจียงเฉิงของฉันซบเซาลงไปมาก ตอนนี้ในตลาดถูกแบรนด์ที่ชื่อว่า‘เหม่ยหมอ’ผูกขาดไปแล้ว”
“‘เหม่ยหมอ’เครื่องสำอาง?”
ถังเฉาขำกับชื่อของสินค้าแบรนด์แทบไม่ไหว
สินค้าที่เปิดตัวใหม่ล่าสุดแล้วก็ขายดีที่สุดของลี่จิงกรุ๊ปชื่อว่า‘แองเจิ้ล’ แล้วตอนนี้ก็มีแบรนด์ที่ชื่อ‘เหม่ยหมอ’ออกมา
นี่คิดจะมาเป็นปฏิปักษ์กันชัดๆ
ถังเฉาโทรศัพท์ไปหาหูอีซาน ผลลัพธ์ที่ได้รับกลับเป็นจวี้เฟิงกรุ๊ปไม่ได้รับผลกระทบเลย
มีแค่ลี่จิงกรุ๊ปเท่านั้นที่ถูกตลาดแบน
“ใช่แล้ว ฟางหย่าส่งข้อมูลมาแล้วนี่”
หลินชิงเสว่พูดขึ้นอย่างเข้มงวดจริงจัง“เครื่องสำอาง‘เหม่ยหมอ’นี้ผลิตจากบริษัทต่างประเทศที่ชื่อว่าบริษัทหยีเซียง เครื่องสำอางเหม่ยหมอราคาต่ำกว่า‘แองเจิ้ล’ ของพวกเรานิดหน่อย แถมประสิทธิภาพก็ดีกว่า อีกทั้งมีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับสินค้าของบริษัทพวกเราในอินเทอร์เน็ตอีกด้วย”
หลินชิงเสว่เปิดมือถือ ยื่นให้กับถังเฉา
พอถังเฉามอง สายตาก็เพ่งเล็ง
บนอินเทอร์เน็ตมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชุดผลิตภัณฑ์‘แองเจิ้ล’อยู่ไม่น้อย
ส่วนใหญ่แล้ว จะบอกประมาณว่า ใช้เครื่องสำอางของแองเจิ้ลแล้วทำร้ายผิวหน้า หน้าเป็นสิว
“ฉ่ายเวยตรวจสอบมาแล้ว ข่าวเหล่านี้ผ่านการคัดกรองผู้บริโภคมาแล้ว คนพวกนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ เคยซื้อผลิตภัณฑ์ของ‘แองเจิ้ล’กับ‘เหม่ยหมอ’มาใช้ทั้งสองแบรนด์ ต่างก็พากันอวยเหม่ยหมอ แล้วก็รุมด่าวิจารณ์แองเจิ้ลกันทั้งนั้น”
หลินชิงเสว่พูดอย่างเข้มงวดจริงจัง
“นี่มันเป็นสงครามความคิดเห็นของผู้คน”
สีหน้าของถังเฉาก็เคร่งขรึมลงไปไม่น้อย
สินค้าอัพเดตล่าสุดเร็วมาก แม้จะบอกว่าตลาดจะมีคนควบคุมอยู่ แต่ถ้าสืบสาวไปจนถึงแก่นแล้ว ก็ไม่พ้นคำว่า แสวงหาเงิน อยู่ดี
สินค้าไหนดังได้รับความนิยมมาก ก็เอาสินค้านั้นมาวางขาย พวกสินค้าที่เทียบไม่ได้ ก็ไม่มีใครสนใจใยดี
ตลาดมันก็โหดร้ายแบบนี้แหละ
แต่สินค้ามันได้รับความนิยมได้ยังไง?
ก็แค่มาจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกผู้คนไม่ใช่หรือไง?
ถังเฉามองออกว่าสมาคมการค้าเจียงผิงให้ความเคารพผลิตภัณฑ์‘เหม่ยหมอ’อย่างมาก ลี่จิงกรุ๊ปสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดแล้ว
“อย่าเพิ่งใจร้อน พวกเราไปซื้อ‘เหม่ยหมอ’อะไรนั่นมาลองดูก่อนสักขวด”
ห้างสรรพสินค้าก็เหมือนสนามรบ ถังเฉากับหลินชิงเสว่ไม่ได้ตื่นตระหนกมาก
นี่เป็นแผนการที่เห็นได้บ่อยในห้างสรรพสินค้า
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงย่านห้างสรรพสินค้าที่มีคนผู้คนหนาแน่น
ที่นี่มีแต่โฆษณาของผลิตภัณฑ์สินค้าเหม่ยหมออยู่ทั่วทุกที่ ล้วนแต่เอาฉายขึ้นจอใหญ่ๆทั้งนั้น
ในทางกลับกัน แทบจะไม่มีโฆษณาของผลิตภัณฑ์สินค้า‘แองเจิ้ล’ของลี่จิงกรุ๊ปเลย
“ที่แท้ตำแหน่งในโฆษณาที่เป็นของพวกเราในตอนแรก ตอนนี้ก็ให้กับสินค้าของ‘เหม่ยหมอ’ไปจนหมด”หลินชิงเสว่พูดขึ้น
ถังเฉานิ่งเงียบไปสักพัก ก็พูดขึ้นมาต่อ“ต้นแบบของผลิตภัณฑ์แองเจิ้ลก็คือลูกสาวของพวกเราเอง ผมไม่ยอมให้ถูกกดข่มเหงแบบนี้หรอก”
หลินชิงเสว่ซื้อชุดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมาหนึ่งชุด
แกะออกแล้วทาลงบนแขน รู้สึกเย็นๆ
หลินชิงเสว่กลับสีหน้าเปลี่ยนไป“นี่มันคือผลิตภัณฑ์บำรุงผิว‘แองเจิ้ล’ของพวกเราไม่ใช่เหรอ?”
พอหันไปอ่านดูสูตร ในที่สุดหลินชิงเสว่สีหน้าก็เผยให้เห็นถึงความโมโหทันที
“ขนาดสูตรยังเหมือนเลย!”
ถังเฉาหรี่ตาลง“ลอกเลียนสินค้าทางธุรกิจอย่างนั้นเหรอ?”
ถ้าคิดจะกลั่นสกัดสูตรออกมาจริงๆ นี่มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
หลินชิงเสว่โกรธสุดๆ อีกฝ่ายลอกเลียนผลิตภัณฑ์ของบริษัทเธอ แถมยังกดผลิตภัณฑ์ของเธอซะจนย่อยยับแบบนี้อีก
หลินชิงเสว่เดินเข้าไปในบูธที่ขายสินค้าโดยเฉพาะ“ฉันอยากพบกับผู้จัดการร้านของพวกคุณ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของพวกคุณ ล้วนแต่ลอกเลียนมาจากผลิตภัณฑ์ของ‘แองเจิ้ล’จากลี่จิงกรุ๊ปมาทั้งนั้น นี่มันถือเป็นการก่ออาชญากรรมแล้ว”
พนักงานขายของบูธขมวดคิ้ว“คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาหาว่าผลิตภัณฑ์ของร้านพวกเราไปลอกเลียนมาจากลี่จิงกรุ๊ป?”
“เพราะว่าผลิตภัณฑ์ของพวกคุณเหมือนกับของลี่จิงกรุ๊ปเด๊ะๆ เปลี่ยนแค่แพ็คเกจจิ้งเท่านั้น”
หลินชิงเสว่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
“คุณพูดไร้สาระอะไร!ผลิตภัณฑ์ของร้านพวกเรา พวกเราผลิตเอง ฉันว่าพวกคุณอยากดังจนบ้าไปแล้วแน่ๆ อยากเด่นอยากมีประเด็นใช่ไหม? หา?”
พนักงานขายไม่สนใจหลินชิงเสว่เลยแม้แต่น้อย ทำตัวก้าวร้าวกดขี่ข่มเหง
การวิวาทมีปากเสียงดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมายภายในร้าน
ถึงขนาดที่คนที่เดินไปมามากมายต่างก็พากันหันมามองด้วยความประหลาดใจ
พอเห็นอีกฝั่งเริ่มไม่มีเหตุผลแล้ว หลินชิงเสว่ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา“เรียกผู้จัดการร้านของพวกคุณมา ฉันต้องการถามเหตุผลให้รู้เรื่อง”
พนักงานขายคนนั้นด่าทอออกมายกใหญ่“คุณเป็นใคร ผู้จัดการร้านของพวกเรายุ่งมาก มีเวลามาพบคุณที่ไหนกัน? คุณจะซื้อหรือไม่ซื้อ? ไม่ซื้อก็ไสหัวออกไปซะ!”
ในขณะเดียวกัน พนักงานขายก็เรียกรปภ.มาเรียบร้อยแล้ว
ไม่นาน รปภ.เจ็ดแปดคนก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของหลินชิงเสว่
“คุณนี่เองเหรอที่เป็นคนก่อเรื่อง?”
หลินชิงเสว่ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย“ฉันเป็นประธานของลี่จิงกรุ๊ป หลินชิงเสว่ ผลิตภัณฑ์ที่พวกคุณจำหน่าย ลอกเลียนมาจากของบริษัทพวกเราเด๊ะๆไม่มีเปลี่ยนเลยสักนิด ถ้ายังไม่หยุด ฉันฟ้องพวกคุณได้นะ!”
ไม่มีใครรู้จักกฎหมายดีไปกว่าหลินชิงเสว่
เป็นอย่างที่คิดไว้ พอหลินชิงเสว่พูดประโยคนี้จบ พวกรปภ.เหล่านั้นก็ไม่กล้าเข้ามา
แม้แต่พนักงานขายคนนั้นก็คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะเป็นประธานของลี่จิงกรุ๊ป สีหน้าสำนึกผิดขึ้นมาทันที
แล้วก็เข้าใจแล้วว่าคนคนนี้ไม่ใช่อยู่ในระดับที่ตนเองจะต่อกรได้
“คุณรอก่อน เดี๋ยวฉันจะไปเรียกผู้จัดการมาเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
พูดเสร็จ ก็วิ่งเข้าไปในห้องทำงานของผู้จัดการทันที
“ผู้จัดการคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ ข้างนอกมีคนมาหาเรื่องค่ะ บอกว่าเป็นประธานของลี่จิงกรุ๊ป”
ในห้องทำงานมีผู้หญิงอายุประมาณสามสิบกำลังนั่งตัดเล็บอยู่หนึ่งคน
พอได้ยินว่าประธานของลี่จิงกรุ๊ปมา เธอก็แทบจะตัดโดนเนื้อของตัวเอง
“ว่าไงนะ? ประธานของลี่จิงกรุ๊ปมาอย่างนั้นเหรอ?”
ผู้หญิงสีหน้าตกใจ แต่เหมือนว่าจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นเธอก็สงบสติอารมณ์ลง
“บริษัทหยีเซียงเป็นคนผลิตสินค้า เกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ เธอไปเรียกใครก็ไม่มีใครช่วยเหลือหรอก ไป ออกไปเจอหน้าประธานของลี่จิงกรุ๊ปอะไรนั่นสักหน่อย ”