ทั้งสนามเงียบกริบ ตอนนี้ดูมันมีพลังงานบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนทั้งค่าย ทั้งหมดตะลึงงัน
ถังเฉาตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม แถมทำหน้ายิ้มกริ่มมองสถานการณ์ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตรงหน้า
แต่ว่า กลับรู้สึกทำให้ตระกูลฉินกับตระกูลถังก็รู้สึกเกรงกลัว นอกจากนี้ยังมีผู้รักษาแดนตะวันตกที่ยืนจังก้าอยู่บนสังเวียนการต่อสู้!
ความพร้อมในครั้งนี้ ใครจะกล้าต้านทานได้?
เกรงว่าแม้แต่จะยืน ก็คงยืนได้ไม่นิ่งเท่าไหร่หรอกมั้ง?
แต่ถังเฉากลับไม่ทำอะไรเลย ก็ทำให้พวกเขาตกใจได้ขนาดนี้
เพียงแค่ความหาญกล้านี้ สายตาทอดมองไปทั่วทั้งต้าเซี่ยใครล่ะจะกล้าเทียบเทียม?
แปะแปะๆ!
ทั่วทั้งสนามตบมือเบาๆ
ลั่วเย่นหัวตกมือเบาๆ สีหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังถังเฉาด้วยแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม
” ในใจของฉันพร่ำคิดหลายต่อหลายครั้งว่าเธอจะแก้สถานการณ์นี้อย่างไร แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจะใช้วิธีนี้ ”
” โชคดี ที่เธอเป็นลูกเขยของฉัน หลินรั่วหวีก็สู้เธอไม่ได้! ”
ตู้ม!
ลั่วเย่นหัวหลุดพูดออกมา ผู้คนทั่วบริเวณก็ตกใจ สายตาที่มองไปยังถังเฉานั้น ดูคาดไม่ถึง
แม้แต่หลินชิงเสว่ ก็ตกใจและมองไปที่ลั่วเย่นหัว
คำวิจารณ์ที่หล่อนมีต่อถังเฉา มันดีขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลินชิงเสว่เธอรู้นิสัยของแม่ตัวเองดี หล่อนมีอุดมคติของตัวเอง ชายใดในโลกนี้ก็ไม่พึงมอง
แม้แต่หลินรั่วหวี ที่พยายามทำคุณงามความดีเท่าไหร่ก็ไม่อยู่ในสายตาเสียที
คนที่สูงส่งราวดั่งหงส์ ที่แท้ก็ให้คำวิจารณ์ต่อถังเฉาสูงเล่นนี้นี่เอง!
คนของตระกูลถังกับตระกูลฉินไม่รู้ทำไม ถึงได้รู้สึกเกรงกลัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
แต่ลั่วเยนอวิ๋น ตระกูลต่งและตระกูลเซี่ยกลับคอยตามไปกับถังเฉา หรือว่าจะเป็นคนที่สนิทกับเขา ถึงได้มีทีท่าตื่นเต้นเช่นนั้น
พวกเขาดูคนไม่ผิดจริงๆ การที่ตามถังเฉา ก็เหมือนน้ำขึ้นเรือย่อมสูง ตนก็พลอยได้ดีไปด้วย!
ถังเฉา แต่ไม่ได้พูดอะไร
การวิจารณ์ในครั้งนี้ เพียงพอที่จะทำให้ทั้งเยี่ยนจิงสั่นสะเทือน
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
ความเป็นจริงแค่สถานะของเขา ก็เอาเยี่ยนจิงอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เขาหันไปหัวเราะเยาะมู่ตงเฟิง ” จากงานแข่งขันแดนเหนือ ยังเหลือเวลาอีกสองนาที คุณแน่ใจเหรอว่าจะสู้กับผม? ”
เพียงแค่คำพูดนั้นหลุดออกไป สีหน้าของมู่ตงเฟิงก็บึ้งตึงราวกับผ้าที่ถูกบิดน้ำออกมาทันที
เขาไม่ยินดีเท่าไหร่นัก!
เมื่อหันไปมองทั่วต้าเซี่ยไอ้เด็กหนุ่มคนนี้ไม่เจียมตัวเลยสักนิด?
แต่ตรงหน้าก็มีแค่อย่างเดียว
อย่าพูดถึงงานแข่งขันแดนเหนือที่กำลังจะเริ่มเลย ถึงจะไม่มีงานแข่งขันแดนเหนือ เขาก็ไม่แน่ไม่นอนว่าจะทำอะไรถังเฉาได้
ขนาดนี้ด้านหลังของถังเฉา มีตระกูลต่ง ตระกูลซ่งและตระกูลเซี่ยตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ของสองเมืองเมืองหมิงจูกับเมืองเจียงเฉิงยืนอยู่
และยังมีเมืองหมิงจูสมาคมต่อสู้ ตระกูลลั่ว พร้อมด้วยเจียงไป๋เสว่ หงโฝ เถี่ยเมี่ยนผู้แข็งแกร่ง
แน่นอนว่า ผู้ที่เป็นตัวหลักในสนามทั้งนี้ก็ยังคงเป็นบ้าบู๊!
ทั่วทุกสารทิศการต่อสู้ในโลกของต้าเซี่ยไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว!
การสรรค์สร้างสืบทอดเจตนารมณ์ของสงครามเทพเจ้า ทั้งยังส่งเสริมสงครามอันทรงพลานุภาพ!
แมจะเป็นมู่ตงเฟิง ก็อดไม่ได้ที่จะกดดันเป็นอย่างมาก
” เหลือเวลาอีกหนึ่งนาที ”
ถังเฉาใช้นิ้วเคาะเบาๆ บนนาฬิกาข้อมือ พร้อมพูดออกมาเนิบๆ
มู่ตงเฟิงไม่ลังเลอีกต่อไป เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ดังตึกก้อง ” พวกเราไปกันเถอะ! ”
พูดจบก็หันตัวจากไป
” คุณมู่! ”
ฉินกวนฉีที่ยืนอยู่ข้างหลังตะโกนออกมา สีหน้าแสดงถึงความไม่พึงใจ
” กวนฉี! ”
ฉินโช่ววงมันตะโกนออกมาเสียงดัง
ใบหน้าอันพิศวงของเขาแสดงออกถึงความเคร่งขรึม ก่อนจะมองไปที่ฉินกวนฉีแล้วพูดขึ้นมาว่า ” รีบไปก็เท่านั้น! คุณจะหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว! ”
ฉินกวนฉีสีหน้าชะงัก และสุดท้ายก็พยักหน้าตาม ” ใช่ครับ คุณปู่ ”
” กวนฉี ฉันเคยบอกแกไปแล้ว ต้าเซี่ยมันใหญ่นัก คนมีความสามารถที่ยังจำศีลอยู่ในต้าเซี่ยยังมีอีกมาก! ”
” เยี่ยนจิง ก็แค่มุมใดมุมหนึ่งของต้าเซี่ยเท่านั้น! ถึงแม้จะมีบางครั้ง ด้วยยศศักดิ์ของราชนิกุลเยี่ยนตู อาจจะทำร้ายแกได้! ทำให้สายตาแกไร้ซึ่งผู้อื่น เห็นตนสูงส่ง! ”
ฉินโช่ววงพูดเตือนใจอย่างสุขุม ” เขาก็เป็นหินลับมีดก้อนหนึ่งที่ใช้งานได้ดีเช่นกัน เป็นหินที่ทำให้ดาบหัก หรือจะเป็นดาบที่แทงทะลุหิน ก็อยู่ที่ใจจะรังสรรค์แล้วล่ะ! ”
” ผู่หยาง นายก็เหมือนกัน ”
ฉินโช่ววงหันไปยังฉินผู่หยางที่ตั้งแต่ต้นจนปลายยังไม่พูดเอามาสักแอะ ก็พูดตอบ
” ครับ คุณปู่ ”
ฉินผู่หยางรีบตอบรับทันที
ในขณะที่คำเสียงตอบรับ สายตาของเขาก็ยังคงปรากฏถึงความเคารพและยำเกรง
เขาไม่นึกเลยว่า คืนวันนั้นบ้าบู๊จะรับแขกบางคน แค่ที่ว่านั่นดันเป็นถังเฉาและหลินชิงเสว่
เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเป็นหลินชิงเสว่ เพราะสถานะของเธอก็คือเจ้าหญิงของตระกูลหลิน
ในสายตาคนใหญ่คนโตอย่างบ้าบู๊กับมู่ตงเฟิงนั้น ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง
ถ้างั้นก็ต้องมาดูตัวของถังเฉาแล้วล่ะ!
เวลานี้ ฉินผู่หยางสัมผัสได้ถึงสายตาของฉินกวนฉีที่ส่งมาจากข้างหลัง
สายตาแบบนั้น เหมือนมีจิตสังหารแฝงอยู่ภายใน
ฉินผู่หยางรู้ดีว่าเพราะเหตุใดถึงเกิดสายตาแบบนั้น
เป็นเพราะผู้นำตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ยังไงล่ะ!
คุณปู่ยังไม่ได้ละทิ้งเขา ละทิ้งหลานชายที่มีสองขาด้วนๆ นี้!
นี่คือสิ่งที่ฉินกวนฉีทนไม่ได้
แต่ว่า ฉินผู่หยางก็ไม่ได้หันกลับมามอง เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ
ถังเฉาคือหินลับมีดของพวกเขาทั้งสอง
หัวหน้าตระกูลรุ่นต่อไป อาจจะเป็นไปได้ที่จะมีใครพ่ายแพ้ถังเฉา และคนคนนั้น ก็ทำให้เกิดเป็นแม่แบบขึ้นมา
แต่ว่า ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ยังคงชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจรก็เท่านั้น
เมื่อเทียบกับการจะตัดหินลับมีดให้ขาด ฉินผู่หยางก็คงจะใช้ประโยชน์จากหินลับมีด ไปตัดมีดอีกเล่มนึง
ห้าปีก่อน ถังเฉาตัดค่าของเขาออก แล้วยังทำลายกองกำลังที่กำลังรุ่งโรจน์ของเขา
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้อะไรจากมันเลย
สิ่งนี้มันทำให้เขาระมัดระวังมากขึ้น และก็มีใจที่อาฆาตพยาบาทที่จะแก้แค้นมากขึ้นเช่นกัน
เขาเรียนรู้ที่จะยืมแรงมากขึ้น
แต่ยืมแรงของใครล่ะ?
ใครก็ได้ ที่มีกำลังมากพอจะค้ำจุนเขา!
การแก้แค้น มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?
หลังจากที่ตระกูลฉินออกไป ก็เหลือเพียงแค่ถังฮันเจี๋ยกับถังหลิน และคนของตระกูลถัง
ถังเฉาเหวี่ยงพวกเขาที่หัวเราะ ” พวกคุณยังไม่ไปอีกเหรอ? ”
ถังฮันเจี๋ยเลือดขึ้นหน้าไปชั่วขณะ แต่ก็สงบลงมา
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามตระกูลฉินมีฉินกวนฉีกับฉินโช่ววงที่ลงมือสั่งการด้วยตัวเอง แต่ว่าตระกูลถังมีเพียงเขาคนเดียว ตระกูลถังนับว่ามีกำลังที่ตกต่ำกระจอกงอกง่อยก็ว่าได้
ตระกูลฉินและมู่ตงเฟิงได้ออกไปหมดแล้ว แล้วเขาที่เป็นตระกูลถังยังจะอายุทำอะไรอีกล่ะ?
” นายจำเอาไว้เลยนะ! ”
ถังฮันเจี๋ยทิ้งถ้อยคำเคียดแค้นเอาไว้ จากนั้นก็เดินออกไปด้วยความโมโหโกรธา
เพียงไม่นาน ที่ตรงนี้ก็เหลือแค่ถังเฉาเพียงคนเดียว
ทุกคนมองถังเฉาราวกับเห็นผี
ในตอนที่มู่ตงเฟิงได้ปรากฏตัวนั้น เหมือนกับว่าทุกคนในนี้ต่างหมดหวังกันไปแล้ว
แต่นึกไม่ถึงเลยว่า คนที่ต้องเดินออกไปกลับเป็นพวกเขา
ที่คาดไม่ถึงเลยก็คือ ในที่สุดถังเฉาก็สามารถเชิญบ้าบู๊มาได้!
ถังเฉาหัวเราะ ” เอาล่ะ งานแข่งขันแดนเหนือกำลังจะเริ่มแล้ว ทุกคนกลับไปนั่งที่เถอะ ”
ถึงแม้ทุกคนจะมีคำถามมากมายที่อยากจะพูดออกมา แต่ติดตรงที่งานแข่งขันแดนเหนือกำลังจะเริ่มในไม่ช้า ตระกูลต่งและตระกูลเซี่ยทั้งสองตระกูลต่างกลับไปนั่งที่ประจำของตัวเอง
” ถ้างั้นผมไปล่ะ! ”
บ้าบู๊ก็ไปแล้วเช่นกัน ไปยังอีกมุมหนึ่งของงานแข่งขันแดนเหนือ และประจันหน้ากับมู่ตงเฟิงที่ยืนอยู่ไกลๆ
ถึงแม้เขาจะมาเพื่อคลองสนามนี้เอาไว้ ยังไงก็ต้องทำจนถึงที่สุด
เขาอยากจะดูว่า ภายใต้สายตาของเขานั้น มู่ตงเฟิงกล้าที่จะลงมือหรือไม่
พิธีกรพูดเป็นเชิงสัญลักษณ์ออกมาไม่กี่ประโยค จากนั้นก็เชิญแขกผู้ทรงเกียรติของงานแข่งขันแดนเหนือออกมา
งานแข่งขันแดนเหนือคืองานแข่งขันการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของทั่วประเทศ ดังนั้นแขกที่มางานจึงเยอะเป็นพิเศษ
ดูเหมือนจะเป็นถึงระดับคนดังที่มาจากแต่ละเมือง
เช่นฝั่งตะวันออกหัวหน้าสมาคมจากเมืองเจียงเฉิงสมาคมต่อสู้หงเทียนหยา
สุดท้ายก็เป็นผู้รักษาแดนตะวันตกมู่ตงเฟิงกับบ้าบู๊
” ให้พวกเราปรบมือต้อนรับ ผู้รักษาแดนตะวันตกคุณมู่และบ้าบู๊ ท่านบ้าบู๊! ”
แปะๆๆๆๆ!
ผู้คนทั่วสนามต่างส่งเสียงอึกทึกครึกโครม
พิธีกรรู้ดีว่ามู่ตงเฟิงหลังจากที่ลงเครื่องบินก็ไม่มีใครมารับจึงเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกขายหน้า ช่วงที่แนะนำตัวก็เลยจงใจที่จะแนะนำชื่อของมู่ตงเฟิงไปก่อนบ้าบู๊
มู่ตงเฟิงกับบ้าบู๊ต่างนั่งลงตำแหน่งของตัวเอง
” ต่อไป เราจะประกาศรายชื่อตระกูลผู้ที่จะออกรบกันครับ! ”
พิธีกรเริ่มที่จะประกาศสมาชิกผู้เข้าร่วมการแข่งขัน
” ราชนิกุลของตระกูลฉิน ผู้ร่วมเข้าการแข่งขัน…. ”
” ราชนิกุลของตระกูลถังผู้ร่วมเข้าการแข่งขัน…. ”
” ตระกูลหลิน ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน หลินรั่วหวี ”
หือ!
ในขณะที่อ่านชื่อตัวแทนลงสนามของตระกูลหลิน ทั้งสนามเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง
แม้แต่ถังเฉาได้ยินก็ถึงกับต้องหรี่ตา
ไม่มีใครคาดถึงเลยว่า หลินรั่วหวีจะลงสนามแข่งด้วยตัวเอง
และถังเฉาก็เพิ่งจะรู้ว่า พ่อตาของเขาก็เป็นมือฉกาจเช่นกัน
” เหอะ! ”
หลินชิงเสว่ที่อยู่ข้างๆส่งเสียงออกมาเป็นเชิงไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่ สีหน้าแทบจะดูไม่ได้
ถังเฉาก็พอจะรู้อยู่ว่าหลินชิงเสว่กำลังโมโหอะไร
หลินรั่วหวีเคยพูดเอาไว้ว่า ในงานแข่งขันแดนเหนือ จะประลองฝีมือกับถังเฉา
จะเป็นหรือตายก็ให้ฟ้าเป็นผู้กำหนด
หลินชิงเสว่ไม่อยากให้ถังเฉาต้องมาเจ็บ แต่ก็ไม่อยากให้ เกิดอะไรขึ้นกับหลินรั่วหวีเช่นกัน
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ได้รับการสั่งสอนที่ทำให้เธอรู้สึกยากที่จะเข้าใจ กับการที่ต้องยอมรับผลชนะหรือพ่ายแพ้ของการต่อสู้เป็นตัวกำหนดเช่นนี้
นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
” วางใจเถอะ อาจจะไม่ได้เจอกัน ”
ถังเฉาพูดออกมาให้อีกฝ่ายคลายกังวล
แต่มีแค่เขาที่รู้ ว่าประโยคนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้
งานแข่งขันแดนเหนือใช้วิธีการจัดแบบคัดออก หากใครที่แพ้จะต้องถูกคัดออกไป
พูดง่ายๆ ก็คือ เพียงแค่ต้องชนะไปเรื่อยๆ จึงจะสามารถเข้ารอบตัดสินได้
สำหรับตัวถังเฉาแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร
แต่หากว่าหลินรั่วหวีก็เป็นคนที่มีฝีมือเหมือนกันล่ะ?
แสดงว่าทั้งสองคนจะต้องเจอกันอย่างแน่นอน!
แต่ก็คงจะประเมินค่ามือฉกาจฟ้าประทานต่ำเกินไปไม่ได้สินะ
ลั่วเย่นหัวก็พูดขึ้นมาว่า ” จะไม่ทำให้เรื่องที่เธอกังวลเกิดขึ้นหรอกน่า ”
” ที่รัก พวกเราต้องเอากำลังที่มีทั้งหมดใส่ลงไป! ”
ผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่ด้านหลังลั่วเย่นหัวกับลั่วเยนอวิ๋น ต่างแสดงความซื่อตรงมา
ลั่วเย่นหัวพยักหน้าน้อยๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ส่วนทางตระกูลหลิน สีหน้าของเว่ยหมิงจวินแสดงถึงความกังวล
” ฉันบอกคุณไปกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าเข้าร่วม ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะว่ายังไง? ”
หลินรั่วหวีกลับดูนิ่งสงบ ” ผมไม่เป็นไรหรอกหน่า ”
” ยิ่งไปกว่านั้นผมหวังว่าจะได้ประจานหน้าต่อสู้กับไอ้เด็กคนนั้น ”
…………
ณ มุมหนึ่งของโรงยิม
มีเงาของร่างสูงตระหง่านที่ทอดลงมา
ตรงกลางมีใครบางคน ที่ตัวสูงโย่ง กระดูกพร้อมราวกับแท่งฟืน แต่กลับคุมด้วยผ้าคลุมสีดำ
เขาหันไปหัวเราะใส่หลินโป๋หลาย ” ผู้นำตระกูลนาย ในที่สุดก็ลงสนามด้วยตัวเองสินะ ”
สายตาของคุณลุงหลินดูนิ่งสนิท แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
ใช่สวมผ้าคลุมคนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่จองไปที่หลินรั่วหวีแล้วพูดว่า ” เขาแข็งแกร่งมาก ยังจะกล้าแข่งกับเขาอีกหรือ! ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินโป๋หลายกับเฟิ่งหวงก็สะดุ้งเฮือก
” ถ้าแข่งกับคุณล่ะ?! ”
หลินโป๋หลายกับเฟิ่งหวงเคยเห็นฝีมือชายใส่ผ้าคลุมคนนี้มาก่อน โดยเฉพาะเฟิ่งหวงที่เคยสัมผัสได้ลึกซึ้งที่สุด
เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอออกกำลังไปนั้น เขากลับใช้เพียงแค่มือเดียวยับยั้งมันเอาไว้ได้
มันทำให้เขาพูดได้ว่าคนที่แข็งแกร่งนั้น กำลังที่แท้จริงยากเกินที่จะคาดเดาได้จริงไหมล่ะ?
เฟิ่งหวงอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบทั้งสอง
ชายที่คลุมผ้าก็หัวเราะ ” ไม่เคยสู้กัน ไม่รู้สิ ”
แต่กระนั้นเฟิ่งหวงก็ไม่ได้พูดต่อ
รายชื่อยังคงโทรประกาศต่อไป
” ตระกูลเย่ หงเทียนเฉิน เย่เทียนหลง…… ”
พิธีกรยังคงประกาศรายชื่อที่มีอยู่มากมายไปเรื่อยๆ
ด้านตระกูลเย่ หญิงสองคนที่ดูสวยสง่าสวมชุดสวยหรูตระการตานั่งอยู่บนเก้าอี้
ทั้งสองคือเย่เซ่าเตี๋ยกับเย่หรูอี้
เมื่อขานชื่อหงเทียนเฉินออกมา เย่เซ่าเตี๋ยก็ทำหน้าตาดูภูมิอกภูมิใจแล้วหันไปมองเย่หรูอี้
เพราะในสายตาของเธอ คนที่เย่หรูอี้หามานั้น เทียบไม่ได้กับความแข็งแกร่งของหงเทียนเฉิน
แต่สีหน้าของเย่หรูอี้กลับดูเย็นชา และไม่ได้โต้ตอบอะไร
” เจ้ามังกร! ”
เมื่อพิธีกรประกาศชื่อนี้ออกมา ผู้เป็นตัวแทนในการออกรบของตระกูลเย่เป็นอันเสร็จสิ้น
ตู้ม!
เมื่อชื่อนี้ถูกปล่อยออกมา ทั่วสนามก็เริ่มเกิดความโกลาหลขึ้น
ทุกคนตะลึงงัน
ซึ่งแม้แต่มู่ตงเฟิง ตาเขาแทบพร่า ใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ที่คาดไม่ถึง
เจ้ามังกร ก็เข้าร่วมงานแข่งขันแดนเหนือด้วยงั้นเหรอ?