หงเทียนเฉินไม่จำเป็นต้องใช้แรงมากก็สามารถจัดการกับหัวหน้าสมาคมของสมาคมการต่อสู้หมิงจูอย่างเย่เทียนหลงได้ และยังใช้วิธีการที่ค่อนข้างจะโหดเหี้ยมเสียหน่อย เข่าข้างเดียวที่ทำให้แขนหนึ่งข้างของเย่เทียนหลงแหลกละเอียด
ฉากฉากนั้น ได้สั่นสะเทือนถึงใจผู้คนทั้งหมด
ฉึก!
จะเห็นได้ว่าบรรยากาศของสนามเลยตอนนี้ทุกที่กลับเต็มไปด้วยเสียงร้องตกใจ ภาพที่เห็นสำหรับผู้ที่ฝึกซ้อมหรืออยู่ในสังเวียนต่อสู้เป็นทุนเดิม ก็คงจะรู้สึกว่ามันโหดร้ายป่าเถื่อนอยู่บ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาที่ไม่เคยสัมผัสการต่อสู้มาก่อน
สายตาของพวกเขามองไปยังหงเทียนเฉินที่อยู่บนสังเวียนด้วยความหวาดกลัว ใจสั่นไม่หยุด
เพราะพวกเขารับรู้ได้ถึง กลิ่นอายของ สัตว์ป่าดุร้ายบนตัวหงเทียนเฉิน
” พี่ชาย! พี่ฟื้นขึ้นมาสิ! ”
บนสังเวียนนั้น เสียงร้องของจ้าวเย็นหรานได้แหบหายไป ใบหน้าทุกปกคลุมไปด้วยน้ำตา
เธอไม่นึกเลยว่าสุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็นแบบนี้ พี่ชายของเธอต้องแขนหักไปข้างหนึ่ง!
เมื่อกลับไปดูทางด้านเย่หรูอี้ ก็อยากที่จะรับไหวเช่นกัน เธอนั่งลงด้วยความหมดอาลัยตายอยาก
ในเวลาทั่วไป น้อยครั้งนักที่เธอจะแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกออกมา แต่เมื่อเห็นเย่เทียนหลงแขนหักแล้ว ดูเหมือนเธอก็เสียศูนย์พอกัน
เย่เซ่าเตี๋ยที่อยู่ข้างๆ ก็ยังไม่หยุดที่จะหัวเราะอดสู
เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่า เย่เทียนหลงคือผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดของฝั่งเย่หรูอี้
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดยังงั้นเหรอ หงเทียนเฉินยังออกแรงไม่ถึงหนึ่งยกก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว คงไม่ต้องพูดถึงคนอื่นแล้วล่ะ
ง่ายอย่างกับเชือดไก่ฆ่าหมา!
เย่หรูอี้ จะตีเสมอเธอได้อย่างไรนะ?
แต่เธอก็ไม่ได้ไปพูดจาเสียดสีเย่หรูอี้อีก อย่างแรกก็กลัวว่าผู้หญิงคนนี้เวลาเป็นบ้าก็จะทำเรื่องบ้าคลั่งออกมา อีกอย่างก็คือ เธอวางแผนว่าเมื่อการประชุมแดนเหนือสิ้นสุดลง ก็จะไล่ตะเพิดเย่หรูอี้ออกจากตระกูลเย่ไป เมื่อถึงเวลานั้น สภาพก็คงจะเหมือนลูกหมาตกน้ำ
ทางสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิง หงเทียนหยายิ้มออกมาอย่างเย็นชา
น้องชายแท้ๆ ของเขา ไม่ใช่แค่มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่ยังมีนิสัยดุร้ายมาตั้งแต่เกิด
ก็เป็นเหมือนอย่างคนในยุทธภพเล่าลือว่า ใจของเขานั้นช่างอาฆาตนัก
ถึงแม้จะเป็นเขาที่ต้องเจอกับหงเทียนเฉิน ก็คงไม่สามารถชนะได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์
ไอ้คนอย่างไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาอ่อนแอแตกหักง่ายแบบนั้น จะไปเป็นคู่แข่งของคนอื่นเขาได้ยังไง?
หงเทียนหยามองไปทางฝั่งของสมาคมการต่อสู้หมิงจูด้วยสายตาอาฆาต
การประชุมแดนเหนือครั้งนี้ ไม่เพียงแค่แข่งขันพลังที่เปี่ยมล้นของแต่ละตระกูล แต่ยังแข่งขันเรื่องตำแหน่งของสมาคมต่อสู้ในแต่ละเมืองด้วย
แต่ละสมาคมต่างส่งนักสู้ฝีมือดี เพื่อช่วงชิงลำดับฝีมือการประลองอย่างลับๆ
ถ้าเป็นยุคสมัยที่ตระกูลเหยียนได้ขึ้นมาควบคุมสมาคมการต่อสู้หมิงจูแล้วล่ะก็ หงเทียนหยานั่นก็คงหวาดเสียวอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้เมืองหมิงจูบูโดได้เปลี่ยนยุคสมัยกันไปแล้ว ความสามารถก็คงไม่ไกลเกินเขานัก
” สมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงเอาอยู่แน่ ยังไงก็ต้องเป็นเมืองเจียงเฉิงของเรา! ”
หงเทียนหยาโพล่งออกมาด้วยความชอบใจ
หงเทียนเฉินเดินเนิบๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าของจ้าวเย็นหราน แล้วไล่สายตาลงไปที่เธอ : ” เขาเป็นพี่ชายของเธอเหรอ? งั้นทำไมยังไม่รีบพาเขาลงไปอีกล่ะ ”
” ฉันจะสู้กับคุณ! ”
เมื่อโกรธและเสียใจจนถึงขีดสุด จ้าวเย็นหรานก็ร้องตะคอกออกมา ด้วยความกระวนกระวายและวิตกกังวล ตอนนี้เธอดูราวกับเป็นคนบ้า โผเข้าไปหาหงเทียนเฉิน
” อยากตายเรอะ! ”
หงเทียนเฉินแววตาเย็นชา หันฝ่ามือเตรียมที่จะสับลงไป
แต่หลังจากนั้น มือที่ฟาดลงไปสัมผัสเพียงแค่อากาศ
” หือ? ”
หงเทียนเฉินชะงัก หันกลับไปมองอีกทาง
ก็เห็นถังเฉาที่ไม่รู้โผล่มาตอนไหน เขากระโดดขึ้นมาอยู่บนสังเวียน แล้วใช้มือลากจ้าวเย็นหรานออกมา และอีกมือหนึ่งก็อุ้มเย่เทียนหลง และมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก
หงเทียนเฉินเมื่อเห็น ก็ขำออกมาชั่วขณะ ” นายจะขึ้นเวทีงั้นเหรอ? ”
ถังเฉาส่ายหัว ” ฉันจะขึ้นเวที แต่ไม่ใช่ตอนนี้ จะดีที่สุดถ้านายภาวนาไม่ให้ตัวเองต้องมาเจอฉัน ”
” ฮ่าฮ่าฮ่าๆ …….. ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หงเทียนเฉินก็รู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมายกใหญ่
” นายควรจะพูดกลับกันสิ? มันควรจะเป็น ดีที่สุดถ้านายภาวนาว่าไม่ต้องมาเจอฉันน่ะ! ”
” เจ้าหมอนั่นที่โดนฉันต่อยหมัดเดียวก็ร่วงแล้ว นายมีความสามารถมากกว่ามันหรือไง? ”
” อ๋อไม่สิ อีกอย่าง ในห้องพักนายตกใจหมัดของฉัน จนไม่กล้าขยับเลย เพิ่งจะผ่านมาเองลืมแล้วเหรอ? ”
ตึ้ง!
คำพูดพวกนี้รู้ต้องมา ผู้คนที่ดูอยู่รอบๆ ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น
คนที่ใช้ชื่อเรียกตัวเองว่า ‘ เจ้ามังกร ‘ ที่แท้ก็ถูกหมัดของหงเทียนเฉินทำให้ตกใจจนไม่กล้าขยับเลยงั้นเหรอ?
อ่อนเกินไปป้ะ!
ผู้ชมรอบข้างอดไม่ได้ที่จะมองมายังถังเฉา
ถังเฉากลับไม่ได้รู้สึกสนใจอะไร เขาหันไปมองจ้าวเย็นหราน : ” เธอพาพี่ชายของเธอลงไปก่อนเถอะ ตอนนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างภายในของตระกูลเย่ ถ้าเขายังคงชนะอยู่ พวกเราไม่ช้าคงได้เจอกัน ”
” อื้ม ”
จ้าวเย็นหรานมองถังเฉาและสายตาที่ซาบซึ้ง ก่อนจะอุ้มกึ่งพยุงเย่เทียนหลงไปโรงพยาบาล
ถังเฉาจึงโดดลงจากสังเวียน กลับไปรอที่เดิม
” ยังมีใครไหม? ! ”
หงเทียนเฉินยืนอยู่บนสังเวียน เสียงตะโกนดังราวคำรามกึกก้อง
ในเวลาเดียวกัน สังเวียนอื่นได้ประกาศแพ้ชนะตั้งนานแล้ว
และผู้ชมเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามที่เป็นมือฉมังของราชนิกุลในเยี่ยนตู ได้สูญเสียความกล้าที่จะขึ้นไปสู้รบ จึงยอมจำนนและถอนตัว
ตระกูลฉิน ตระกูลถัง ตระกูลลั่ว ตระกูลหลินจึงได้เลื่อนตำแหน่งโดยอัตโนมัติ
จากนั้น การต่อสู้ระหว่างภายในตระกูลเย่ พิธีกรพยายามประกาศชื่อติดต่อกัน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะขึ้นสังเวียนมาสู้ จึงยอมแพ้
หงเทียนเฉินงั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งเกินไป วิธีที่ใช้ก็ช่างโหดร้าย กับอีแค่เพื่อที่จะเอาตำแหน่งแต่ร่างกายต้องบาดเจ็บสาหัสก็คงไม่คุ้มกัน
” ฮ่าฮ่าๆ ฮ่าๆ พวกนายมันก็แค่กลุ่มคนอ่อนหัด ไม่เห็นจะมีสักคนขึ้นมาบนนี้เลย! ”
” คนต่อไป คนต่อไป! ”
หงเทียนเฉินยืนอยู่บนสังเวียน ท้าสู้พร้อมหัวเราะลั่น
เมืองหมิงจูทางนี้ เช่นคนของเย่หรูอี้ โมโหจนไม่รู้จะทำยังไง แต่ก็ไม่กล้าขึ้นสังเวียน
ไม่นานนัก คนของเย่หรูอี้ก็เหลือเพียงแค่ถังเฉาหนึ่งคนเท่านั้น แล้วก็เป็นคนที่ใช้ชื่อเรียกแทนนามของตนว่า ‘ เจ้ามังกร ‘
หงเทียนเฉินเลือกตามองถังเฉาด้วยสายตาสนอกสนใจ ก่อนจะพูดด้วยทำนองเชิงขบขัน ” เพื่อนนายแค่คนเดียวเองเหรอ รีบมารับความตายเสียเถอะ! ”
เวลานี้พิธีกรก็เดินขึ้นมาบนสังเวียน แล้วพูดขึ้นมาว่า ” ทางฝั่งของคุณผู้หญิงเย่หรูอี้ คนของคุณได้ทำการถอนตัวไปเก้าคนแล้ว และไม่สามารถถอนตัวได้อีก! ”
” นี่คือการประชุมแดนเหนือ การต่อสู้มาเพื่อยอมสู้ไม่กลัวตาย จะหนีตลอดก็คงไม่ได้! ”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ผู้ชมรอบข้างก็มองถังเฉาด้วยความสงสารและเห็นใจ รู้สึกว่าเขาช่างโชคร้ายเสียนี่กระไร
เมื่อเทียบกับหงเทียนเฉิน คงไม่มีเปอร์เซ็นต์ที่จะชนะได้เลย
ตอนนี้แม้แต่การทอมตัวก็ยังไม่มีสิทธิ์ คงทำได้แค่โดนหงเทียนเฉินอัดไม่ยั้ง
” ชาติหน้าเค้าคงต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นตลอดไปเลยมั้ง ”
ตอนนี้ทุกคนอาจจะมีความคิดเช่นนั้น
คนที่อยู่จุดสูงสุดที่สามารถมองเวทีอย่างมู่ตงเฟิงก็ต้องส่ายหัว แต่ว่าเขาไม่ได้รู้สึกสงสารแต่อย่างใด
กล้าทะนงตัวเรียกตัวเองว่าเจ้ามังกร แต่ไม่มีพลังที่แท้จริงอย่างเจ้ามังกรที่ว่า ก็คงจะต้องสาหัสไปตามระเบียบ
หลินชิงเสว่ก็มีสายตาที่เป็นกังวลขณะมองชายสวมหน้ากากเหล็กคนนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงรู้สึกว่าเงาและรูปร่างของเขาดูคล้ายกับถังเฉา
” ขึ้นมาสิ ”
หงเทียนเฉินกระดกนิ้วชี้เรียกถังเฉา ให้เขาขึ้นมาบนสังเวียน
ถังเฉาแสดงใบหน้าที่ดูเย็นชา แล้วขึ้นมาบนสังเวียนนิ่งๆ
เวลานี้ถังเฉายังไม่ได้ปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา จึงดูไม่ได้แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
หงเทียนเฉินหัวเราะเกรียว ” เอาแบบนี้ไหม ฉันจะไม่รังแกนาย ฉันต่อให้นายมือเดียว แล้วสองเท้าฉันจะไม่ขยับเลยสักแอะ จะสู้กับนายด้วยวิธีนี้ เป็นไงล่ะ ”
พูดจบยังไม่ทันได้ชักมืออีกข้างออกมา
ตึ้ง!
เมื่อคำพูดนี้พูดจบ สีหน้าของทุกคนก็ช็อกไปตามๆ กัน
ดูยังไงก็คงไม่ใช่เพราะหงเทียนเฉินมันยิ่งผยองเกินไป ถึงต่อให้หนึ่งมือกับอีกสองเท้า
ถ้าไอ้ถังเฉาคนนี้มันสู้ให้ชนะอีกล่ะก็ ก็ควรจะเอาตัวไปต่อกับเสาของความอัปยศอดสูแล้วล่ะ
ถังเฉาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพียงแค่ยิ้มอ่อนๆ : ” อ้อเหรอ ถ้างั้นก็หวังว่านายจะไม่เสียใจภายหลังนะ ”
หงเทียนเฉินหัวเราะยกใหญ่ : ” ไม่เสียใจหรอก นี่ก็…. ”
ชั๊วะ!
วินาทีต่อมา ยังไม่ทันจะรอให้หงเทียนเฉินพูดจบเสียก่อน ถังเฉาก็ดันไปปรากฏตัวตรงหน้าเขา แล้วใช้หมัดซัดเข้าไปที่ใบหน้าเขาอย่างแรง
ผลัวะ!
เสียงอัดนั้นดังก้อง หงเทียนเฉินถูกหมัดของถังเฉากับเข้าจนกระเด็นลงติดพื้น