กาลเวลาดูเหมือนจะหยุดเดินลงในช่วงนาทีนี้
เจียงไป๋เสว่มองผู้ชายที่อยู่ในรถสปอร์ตอย่างเหม่อลอย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“หลี่เห้า ใช่นายไหม?”
เจียงไป๋เสว่วิ่งไปอยู่รอบ ๆ รถคันนั้นอย่างตื่นเต้น ออกแรงตบกระจกรถ แสดงเจตนาให้เขาลดกระจกลง
สามปีแล้ว เธอตามหาเขามาสามปีแล้ว มีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับอีกฝ่าย
ทว่าหลี่เห้ากลับไม่มองเธอเลยแม้แต่แวบเดียว สีหน้าท่าทางยังคงเย็นชา
กึก
ทันใดนั้นประตูด้านหลังของรถยนต์ก็เปิดขึ้น ผู้หญิงงดงามหรูหราสวมชุดโกธิคโลลิต้ากระโปรงยาวสีม่วงทั้งตัวคนหนึ่งเดินลงมา
“ขอโทษค่ะ คุณเป็นใครคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนต้าเซี่ย แต่เป็นคนขาว ผิวพรรณขาวใส ผมทองตาฟ้าชาวตะวันตกคนหนึ่ง
สีม่วงเป็นตัวแทนของความลึกลับ
ผู้หญิงคนนี้จะท่อนบนท่อนล่างก็ล้วนเป็นสีม่วงทั้งหมด
ชุดโกธิคโลลิต้ากระโปรงยาวสีม่วงงดงามหรูหราละเอียดซับซ้อน ถุงมือผู้ดีสีม่วง ในตอนนี้มีฝนตกพรำ ๆ ในมือกางร่มสีม่วงจาง ๆ เต็มไปด้วยความเลอค่าจากภายในสู่ภายนอกประเภทหนึ่ง
“คุณเป็นใคร?”
เจียงไป๋เสว่ถอยไปข้างหลังสองก้าว มองหญิงสูงศักดิ์ชาวตะวันตกคนนี้อย่างระมัดระวัง
เพราะเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อันตรายถึงขีดสุดได้จากบนร่างของผู้หญิงคนนี้
ราวกับเผชิญหน้ากับนางมารร้ายที่สวยงามและโหดเหี้ยมคนหนึ่ง
ผู้หญิงในชุดแบบตะวันตกคนนั้นมึนงง จากนั้นก็หัวเราะคิก ๆ “คนต้าเซี่ยอย่างพวกคุณนี่แปลกจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณที่มาเคาะกระจกรถของฉัน กลับมาถามฉันก่อนว่าฉันเป็นใคร”
ถึงแม้ว่าจะเป็นชาวตะวันตก แต่เธอก็พูดภาษาของต้าเซี่ยได้เป็นอย่างดีมาก ๆ ถึงขั้นที่ยังพูดได้ชัดกว่าคนต้าเซี่ยในท้องที่บางพวกอีก สำเนียงถูกต้องได้มาตรฐาน
เจียงไป๋เสว่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองเธออย่างเย็นชา
“แต่ก็ช่างเถอะ ฉันจะบอกชื่อฉันกับเธอเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน”
หญิงชาวตะวันตกริมฝีปากสีแดงเพลิง ทั้งเนื้อทั้งตัวล้วนแต่มีท่าทีประจบสอพลอ “เธอเรียกฉันว่าไวโอเล็ตก็พอ หรือจะเรียกฉันว่า ‘คุณนาย’ ก็ได้นะ”
“ไวโอเล็ต? คุณนาย?”
คิ้วของเจียงไป๋เสว่ขมวดแน่น พอสำนึกได้สายตาก็ทอดไปที่ชุดโกธิคโลลิต้าแบบตะวันตกสีม่วงบนร่างกายของไวโอเล็ต”
ด้านบนปักลายดอกไวโอเล็ตจริง ๆ หลายดอก ดูมีเสน่ห์แปลกตาเป็นอย่างยิ่ง
ไวโอเล็ตยิ้มงามหยาดเยิ้ม ยื่นนิ้วออกมาหนึ่งนิ้วอย่างเงียบ ๆ เชยคางของเจียงไป๋เสว่ขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง
“ฉันรู้จักเธอ คู่หมั้นที่ยังไม่ได้แต่งงานกันของหลี่เห้า ใช่ไหมล่ะ? รูปงามจริง ๆ เลยนะ”
เจียงไป๋เสว่เหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศึกใหญ่ เตะก้านคอเข้าไปทางไวโอเล็ตอย่างดุดันหนึ่งที
ในที่สุดไวโอเล็ตก็เก็บมือกลับไป โยกศีรษะหลบ หลบพ้นการเตะโจมตีของเจียงไป๋เสว่
สายตาของเจียงไป๋เสว่หนาวเหน็บยิ่งขึ้น รังสีสังหารเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“คุณกับเขามีความสัมพันธ์อย่างไรกัน? ตอบฉันมา!”
เจียงไป๋เสว่มองไปในรถด้วยสีหน้าเย็นชา หลี่เห้าที่ราวกับคนแปลกหน้า ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ
“เธอหมายถึงเขาหรือ เขาเป็นชายบำเรอของฉัน”
ไวโอเล็ตหัวเราะอย่างงดงามแล้วเอ่ยขึ้น ราวกับทำเพื่อยืนยันกับเจียงไป๋เสว่ เธอสวมรองเท้าส้นสูง เดินไปทางด้านหลี่เห้าอย่างงดงามอ่อนช้อย
กระจกรถลดลง ไวโอเล็ตจูบเบา ๆ บนใบหน้าของหลี่เห้า
ฉากนี้ทำให้ดวงตาของเจียงไป๋เสว่เบิกกว้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สีหน้าของเธอซีดขาวในชั่วพริบตา
ไวโอเล็ตกลับมาอยู่ข้าง ๆ เจียงไป๋เสว่อีกครั้งหนึ่ง ยิ้มอย่างขี้เล่นอยู่บ้าง “ตอนนี้เชื่อหรือยังล่ะ?”
เจียงไป๋เสว่สั่นไปทั้งตัว ริมฝีปากม่วงคล้ำ ยังคงมองหลี่เห้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าการพบกันอีกครั้งในสามปีต่อมาจะมีผลลัพธ์เช่นนี้
“คุณสมควรตาย”
สายตาของเจียงไป๋เสว่เปลี่ยนเป็นเกลียดชังอย่างฉับพลัน พลังบนร่างพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน
กลุ่มรังสีสังหารเข้มข้นตลบอบอวลไปทั่ว
ทว่าไวโอเล็ตกลับไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นยกมุมปากขึ้น มองเจียงไป๋เสว่อย่างหัวเราะเยาะ
“ตาย? ยังไม่ต้องพูดถึงที่เธอมีความสามารถที่จะมาฆ่าฉันให้ตายหรือไม่นะ? ต่อให้มีแล้วเธอจะกล้าเหรอ?”
“ฆ่าฉันไป เบาะแสที่ว่าตกลงช่วงเวลาสามปีนี้เกิดอะไรขึ้นกับหลี่เห้าก็จะขาดหายไป”
รอยยิ้มบนใบหน้าของไวโอเล็ตเสียดสียิ่งขึ้น กางสองแขนออก ยืดอกขึ้น
“มาสิ ลงมือเลย ฆ่าฉันซะ”
สีหน้าของเจียงไป๋เสว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย สีหน้าต่อสู้กันเองอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ล้มเลิกไป
บนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอัปยศและความเดือดดาล
เธอกับหลี่เห้าเป็นคนที่เคยสนิทกันแต่ก็ห่างเหินกันไปด้วยเหตุผลบางประการ จะต้องมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้แน่ ๆ
แต่ว่า แต่เธอกลับไม่สามารถลงโทษเธอตามกฎหมายได้ กลับโดนจูงจมูกไป
“เพี๊ยะ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝ่ามือดังขึ้นกังวาน
ไวโอเล็ตตบเข้าไปบนใบหน้าของเจียงไป๋เสว่อย่างหนัก
ความแรงของพละกำลังทำให้เธอร่วงลงไปอยู่บนพื้นตรง ๆ มุมปากปรากฏเป็นรอยเลือดสีแดงคล้ำ
สายตาของไวโอเล็ตเย็นชา กดสายตามองเธอจากมุมสูง “รู้ไหม เธอมันเป็นไอ้ขี้แพ้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้ชายที่เธอมองว่าเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าเป็นแค่ชายบำเรอของฉันเท่านั้น เขาลืมเธอไปแล้ว เข้าใจหรือยังล่ะ?”
บึ้ม!
คำพูดนี้ราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวัน รูม่านตาของเจียงไป๋เสว่ขยายกว้างขึ้นทันที สมองของเธอขาวโพลน เหลือเพียงคำพูดประโยคนั้นที่ดังสะท้อนไปมา
เขาลืมเธอไปแล้ว!
เขาลืมเธอไปแล้ว!
เขาลืมเธอไปแล้ว!
“ไม่ ฉันไม่เชื่อ คุณให้ฉันไปพูดกับเขาต่อหน้าสิ!”
เจียงไป๋เสว่นอนฟุบอยู่บนพื้น กอดประคองศีรษะตัวเองเอาไว้
สีหน้าของไวโอเล็ตเย็นชา เหยียบลงไปบนร่างของเจียงไป๋เสว่อย่างโหดเหี้ยม
“เธอไม่สามารถพูดคุยกับเขาได้ ถ้าหากเขายังจำเธอได้จริง ๆ เธอโดนตบขนาดนี้แล้ว เขาจะต้องลงจากรถมาตั้งนานแล้ว เพราะอะไร ทำไมเขาถึงยังอยู่ในรถ ไม่ลงมาอีกล่ะ?”
ไวโอเล็ตหยุดอยู่พักหนึ่ง เอ่ยต่อไปว่า “ฉันจะบอกเธอให้นะ สามปีก่อนเขาไม่ได้ตาย ฉันช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ตอนนี้เขายอมฉันทุกอย่าง เชื่อไหมล่ะ ว่าต่อให้ฉันบอกให้เขาฆ่าเธอซะ เขาก็จะทำอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย?”
ประโยคนี้ได้เปิดเผยข้อมูลมานิดหน่อย เจียงไป๋เสว่มองไวโอเล็ตแล้วเอ่ยว่า “คุณคือคนของ ‘หว่างเหลี่ยง’?”
ที่คาดไม่ถึงก็คือ ไวโอเล็ตหัวเราะหึหึแล้วยอมรับ “ใช่ ฉันเป็นคนของ ‘หว่างเหลี่ยง’ รวมถึง ‘ค้างคาว’ ที่พวกเธอตามหามาโดยตลอด เขาเองก็เป็นลูกน้องของฉัน”
“ทุกความเคลื่อนไหวของพวกเธอล้วนอยู่ภายใต้การติดตามอย่างใกล้ชิดของฉัน พวกเธอถูกล้อมเอาไว้แล้ว”
ได้ยินคำพูดของเธอแล้ว เจียงไป๋เสว่ในตอนนี้ก็สงบนิ่งลง
“ตกลงแล้วเป้าหมายของพวกคุณคืออะไร?”
เจียงไป๋เสว่เอ่ยถามเสียงต่ำ
เป็นไปได้อย่างไรที่ไวโอเล็ตจะบอกข้อมูลข่าวสารประเภทนี้กับเธอ?
“ไม่ต้องเดาแล้ว เรื่องทั้งหมดนอกจากการที่ฉันจะบอกกับเธอเองแล้ว เธอก็ไม่มีวันเดาได้หรอก”
เจียงไป๋เสว่เงียบอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นเอ่ยถามว่า “คุณพาหลี่เห้ามาปรากฏตัวต่อหน้าฉัน เป็นความตั้งใจของคุณสินะ? ไม่อย่างนั้นฉันคงจะตามหาพวกคุณไม่เจอหรอก”
ตอนนี้บนใบหน้าของไวโอเล็ตจึงได้ปรากฏรอยยิ้มลึกล้ำขึ้น “ฉลาดดี บนโลกนี้ไม่ได้มีเรื่องบังเอิญมากมายขนาดนั้น ไม่ใช่เธอที่ตามหาหลี่เห้าเจอ แต่เป็นฉันที่พาหลี่เห้ามาตามหาเธอจนเจอ”
“คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”
เจียงไป๋เสว่มองเธออย่างระมัดระวังพลางเอ่ยถามขึ้น “ฉันหมายถึงเป้าหมายที่ตามหาฉัน”
ตอนแรกสีหน้าของไวโอเล็ตเงียบขรึมและเย็นชา จากนั้นจึงผ่อนคลาย
“เรื่องนี้บอกกับเธอได้ ฉันมาช่วยเธอต่อบุพเพวาสนาอีกครั้งหนึ่ง”
ไวโอเล็ตมองเจียงไป๋เสว่ หัวเราะหึหึพลางเอ่ยขึ้น
“ต่อบุพเพวาสนาอีกครั้ง?”
เจียงไป๋เสว่เอ่ยอย่างตกตะลึงและสงสัย
ไวโอเล็ตหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น “เธอตามหาหลี่เห้ามานานขนาดนี้ แต่เขากลับลืมเธอไปแล้ว มันเหี้ยมโหดกับเธอมากเกินไปจริง ๆ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจจะช่วยเหลือเธอ”
“ขอเพียงเธอเข้าร่วมกับพวกเรา ฉันรับรองว่าเธอกับหลี่เห้าจะสามารถอยู่ด้วยกันตลอดไปไปนาน ๆ”