เจ้ามังกรพรีเมี่ยม – ตอนที่ 620

ตอนที่ 620

” นายกำลังกลัวเหรอ? ”

หงเทียนหยาจับสังเกตถึงอาการที่ผิดปกติไปของหลัวเฉิง ก็เลยถามออกมา

ในความสับสนงุนงง เขาก็ยังมีความตกใจแฝงอยู่

หลัวเฉิงเป็นมือวางอันดับเก้าที่มีความสามารถของสมาคมการต่อสู้หมิงจู เวลานี้กลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหวาดกลัว

เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของหลัวเฉิงก็มีท่าทีลุกลน แต่ไม่นานก็หายไป ก่อนจะกลับมาทำหน้ายิ้ม: ” ไม่มีอะไรครับ ”

ขณะนี้ หงเทียนหยายังคงดำดิ่งอยู่ในความรู้สึกเจ็บปวดทรมานที่สูญเสียน้องชายไป สภาวะอารมณ์อยู่ในช่วงหุนหันพลันแล่น ในใจเต็มไปด้วยความแค้นอาฆาต

เขาเกลียดการที่มีคนมาหลอกเขาที่สุด!

ตึ้ง!

แล้วเขาก็ลงมือทันที เขางัดคอของหลัวเฉิง บีบและยกขึ้นสูงเรื่อยๆ

แล้วพูดเสียงเรียบเย็น : ” ถ้านายไม่พูด ฉันก็จะส่งนายไปอยู่ด้วยกันกับหลานชายของนายตอนนี้เลยเป็นไง ”

เพียงไม่นาน สีหน้าของหลัวเฉิงก็ดูลุกลี้ลุกลน

เขาไม่กลัวตาย แต่มือสังหารที่ฆ่าหลัวจวินก็ยังหาไม่พบ เขาจะตายได้ยังไง?

” ผมพูด! ผมยอมพูดแล้ว! ”

หลัวเฉิงใช้แรงทั้งหมดเพื่อพูดออกมา

” หึ! ”

หงเทียนหยาถอนหายใจ แล้วปล่อยเขาลง

หลัวเฉิงชี้ไปยังถังเฉาที่ยืนอยู่บนสังเวียน แล้วพูดว่า : ” ท่านหัวหน้าสมาคม ท่านอย่าไปล่วงเกินเขาด้วยนะครับ! ”

” หืม? ทำไม? ”

หงเทียนหยาหันไปมองถังเฉา แล้วพูดอย่างไม่พึงใจ

คนที่ชื่อ ‘ เจ้ามังกร ‘ ทำให้น้องชายแท้ๆ ของเขาต้องตาย เขาจะไม่ล้างแค้นได้อย่างไร?

” ท่านหัวหน้าสมาคม หากท่านจะแก้แค้นเขาแล้วล่ะก็ ความพินาศย่อยยับแน่ จะต้องเกิดขึ้นกับทั้งสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงแน่! ”

หลัวเฉิงพูดโดยเพ่งประเด็น น้ำเสียงดูนิ่งสุขุม ไม่เหมือนกับการพูดเล่นเลยสักนิด

สีหน้าของหงเทียนหยาดูนิ่งขรึมมากกว่าเดิม แล้วตะคอกออกมา

” พอแล้ว! ”

แววตาของเขานิ่งสนิทขณะที่มองไปยังหลัวเฉิง : ” คำพูดพวกนี้ ถ้าครั้งหน้าอย่าพูดให้ฉันได้ยินอีก มันฆ่าน้องชายของฉัน พูดง่ายๆ ฉันจะไม่มีวันปล่อยมันไว้แน่ ”

” ท่านหัวหน้าสมาคม…… ”

” ไสหัวไปซะ! ”

หงเทียนหยาตะคอกแล้วเดินจากไป

แววตาของหลัวเฉิงดูสับสน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

มีหลายคราที่เขาอยากจะพูดสถานะที่แท้จริงของ ‘ เจ้ามังกร ‘ ออกมา แต่ว่าถ้าหัวหน้าสมาคมก็ไม่มีโอกาสให้เขาได้พูด

ท่านหัวหน้าสมาคมในตอนนี้ได้ถูกความเกลียดชังและการแก้แค้นหมกมุ่นอยู่เต็มหัว

เวลาผ่านไปได้ไม่นาน เมื่อรู้ว่าหลานชายเพียงคนเดียวที่ชื่อว่าหลัวจวินของเขา ถูกสังหารโดยวิธีการที่เหี้ยมโหด เขาเองก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟเช่นเดียวกับหงเทียนหยา

หากแต่ว่า ตั้งแต่รอบตัดสินนัดเยาวชนที่แข็งแกร่งนั้นผ่านไป เขาก็รู้ว่ามือสังหารที่ฆ่าหลานชายของเขา ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นอย่างแน่นอน

แล้วสุดท้ายเขาก็ไม่ได้ถูกความเคียดแค้นกัดกินในหัว

หลัวเฉิงมีลางสังหรณ์ ว่าสิ่งที่ท่านเจ้าของสมาคมกำลังจะทำ อาจส่งผลให้สมาคมการต่อสู้นั้นพังพินาศและล่มสลาย

การประชุมแดนเหนือวันแรกก็สิ้นสุดลงเช่นนี้ ตระกูลที่ได้เลื่อนขั้นมี : ราชนิกุลสี่ตระกูลใหญ่แห่งในเยี่ยนตู ตระกูลต่ง ตระกูลซ่ง และสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองเจียงเฉิง

พรุ่งนี้ จะเป็นการเริ่มพิธีการตัดสิน

รอเวลาให้ถึงพรุ่งนี้ ก็จะถึงช่วงพิจารณาและคัดเลือก ‘ ผู้พิทักษ์แห่งแดงเหนือ ‘

ผู้คนเริ่มทยอยกันออกจากสนาม

แต่ว่า ก็ยังคงมีคนที่อารมณ์ค้างกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับการแข่งขัน

หนึ่งในนั้น หัวข้อเกี่ยวกับรอบตัดสิน’เจ้ามังกร’และหงเทียนเฉินเป็นหัวข้อใหญ่

ผู้คนเองต่างก็จำเจ้ามังกรคนนี้ได้

การใช้ชื่อว่าเจ้ามังกร ขณะเดียวกันก็โชว์ศักยภาพที่แข็งแกร่ง จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นม้ามืดของการแข่งขัน

แต่ว่า ตระกูลที่พอมีทุนก็ไม่ได้มองว่าเจ้ามังกรจะเป็นที่หนึ่งเสมอ

ทั้งที่จริงแล้ว มือฉกาจของสี่ตระกูลใหญ่ราชนิกุลแห่งในเยี่ยนตู ยังไม่ทันได้ออกโรงเลยด้วยซ้ำ!

ดังนั้นทุกตระกูล แค่ขึ้นบนสังเวียน ยืนอยู่อย่างนั้นสักพัก ฝ่ายตรงข้ามต่างก็ยอมแพ้กันแล้ว

ไม่ใช่เพราะการควบคุมขณะแข่งขัน แต่เป็นเพราะชื่อเสียงอันเลื่องลือของราชนิกุลแห่งในเยี่ยนตูต่างหาก

ใครที่กล้าประชัน ต่างต้องกลายเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวกันทั้งนั้น

ใครจะรู้ว่ามันทำให้ผู้คนต่างจินตนาการกันไปไกล

แม้ว่าเจ้ามังกรจะแข็งแกร่งกว่านี้ แต่เมื่อต้องเจอกับตระกูลใหญ่แห่งในเยี่ยนตู คงไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมได้

ช่วงเวลาที่กลางคืนมาถึง ถังเฉาได้ออกมาจากโรงยิม และเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใช้ขึ้นสังเวียนและหน้ากาก จากนั้นก็ยื่นให้กับผู้ดูแลของเย่หรูอี้ แล้วเขาก็กลับไปหาหลินชิงเสว่

” ทำไมกลับมาช้าแบบนี้ล่ะ คุณพลาดดูการประชุมแดนเหนือตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะ ”

หลินชิงเสว่พูดกับถังเฉา

” ใช่เลยใช่เลย พี่เขยพลาดแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ! ”

หลินจ้าวหยูนที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดด้วยความตื่นเต้น : ” คนที่ชื่อเจ้ามังกรนั้นเก่งเกินไปแล้ว แม้แต่มือวางอันดับสองของสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิง แค่ตายก็คงชดใช้ไม่ถึงใจหรอก! ”

” ใช่ไหมล่ะ เขาทำลายแขนของเย่เทียนหลงไปข้างหนึ่ง มันเกินไปแล้ว! ”

หลินฉ่ายเวยที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็พูดเสริมขึ้นมา

เมื่อเห็นพวกเธอพูดคุยกันอย่างเมามัน ถังเฉาก็ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดกับถังเฉาว่า : ” ปัญหาของบริษัทได้รับการแก้ไขแล้วล่ะ ”

” ถ้างั้นก็ดีค่ะ ”

หลินชิงเสว่ยิ้มๆ เหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่สายตาของเธอก็เปลี่ยนไป เธอขยับเข้าไปใกล้ถังเฉา

จากนั้นก็ยกมือขึ้นมา แล้วคว้าข้อมือของถังเฉาเบาๆ

บนมือนั้น ทิ้งเป็นรอยเลือดแห้งๆ เอาไว้

” นี่มันมาจากไหนเหรอคะ? ”

” คุณไม่ได้ไปจัดการปัญหาที่บริษัทหรอกเหรอ? ทำไมถึงมีรอยเลือดได้? ”

แววตาของหลินชิงเสว่ดูเปลี่ยนไป

ถังเฉาก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เลือดบนมือนั้น ไม่ได้เป็นเลือกของเขา คงจะเป็นตอนที่ต่อยหมัดเข้าไปบนหน้าของหงเทียนเฉิน เลื่อนเลยกระเด็นขึ้นมา แล้วก็ไม่ทันได้ล้างออก

ถังเฉายิ้มๆ : ” นี่ไม่ใช่เลือด แต่เป็นหมึกแดงน่ะ ”

” เหรอคะ…… ”

หลินชิงเสว่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

บนใบหน้าของเธอยังคงมีรอยยิ้มเช่นเดิม ในช่วงเวลาแป๊บเดียว ก็กลับมาเป็นใหม่หน้าที่ดูเย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้

” เป็นอะไรไปเหรอ? ”

ถังเฉาแสร้งถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

เขารู้ว่า หลินชิงเสว่ต้องรู้สึกสงสัยแน่นอน

หลินชิงเสว่ส่ายหน้า : ” ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่ค่อยชอบพวกอะไรที่ทุบตีกันแบบนี้ ”

” บอกว่าเป็นการส่งเสริมการต่อสู้ และยังเป็นการเลือกผู้พิทักษ์แห่งแดงเหนือคนใหม่อีก แต่ฉันคิดว่ามันก็แค่ความอาฆาต ”

ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร แล้วยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น

บางทีในสายตาคนอื่น อาจจะเป็นเรื่องปกติ

แต่ในสายตาของหลินชิงเสว่นั้น จนถึงขั้นผิดหลักมนุษยธรรมเลยก็ว่าได้

เธอเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีเกินไป จิตใจดีจนทนเห็นคนอื่นโดนทำร้ายไม่ได้

ถึงแม้จะเป็นสตูได้รับบาดเจ็บก็ตาม เธอก็ไม่ยอมเช่นกัน

ในขณะนั้น ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา

นั่นก็คือหลินรั่วหวีกับเว่ยหมิงจวิน

” ชิงเสว่ พรุ่งนี้นัดตัดสินของฉัน เธอจะมาไหม? ”

หลินรั่วหวีหันไปมองถังเฉาก่อน จากนั้นก็หันไปยิ้มให้หลินชิงเสว่

หลินชิงเสว่เหมือนจะรู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย

” พรุ่งนี้ฉันคงไม่ไปแล้วล่ะ ฉันจะเข้าบริษัทเสียหน่อย ”

” หา? พี่ พี่เขย พวกพี่ไม่ไปกันหมดเลยเหรอ? ถ้างั้นฉันไปคนเดียวก็ต้องเบื่อน่ะสิ! ”

หลินจ้าวหยูนเริ่มโวยวาย

หลินชิงเสว่หันไปทางหลินฉ่ายเวย : ” พรุ่งนี้ฉ่ายเวยจะไปกับเธอเอง ”

หลินรั่วหวีได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าหงึกหงัก แล้วก็เดินจากไป

ถังเฉาหาร้านอาหารแห่งหนึ่ง พวกเขาก็พากันไปกินมื้อค่ำ จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน

เจียงไป๋เสว่เองก็อยู่ข้างใน ก็เลยกลับไปพร้อมถังเฉา

คืนนี้มีฝนตกประปราย ทำให้ทั่วทั้งเมืองเจียงเฉิงในยามค่ำคืนดูมืดครึ้ม

บนถนนใหญ่ที่ดูเจริญหูเจริญตานั้น ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยผู้คนที่กางร่มและเดินไปเดินมาขวักไขว่

เจียงไป๋เสว่หยิบร่มขึ้นมากาง เตรียมที่จะข้ามถนน

มีชายร่างสูงคนหนึ่งเดินผ่านเธอไป ทั้งสองเฉียดไหล่แล้วเดินสวนกัน

ผู้ชายคนนั้นยกร่มแล้วเดินต่อไป

แต่ว่าเจียงไป๋เสว่กลับชะงักฝีเท้า แล้วยืนอยู่บนถนนนั้นนิ่งๆ

รวมที่อยู่ในมือนั้น อยู่ดีๆ ก็ลอยหายไป

เจียงไป๋เสว่หันตัวกลับไปด้วยร่างกายที่เกร็งทื่อ ลูกตาเบิกกว้าง มองไปด้านหลัง

แต่ทว่า ชายผู้นั้นได้หายเข้าไปกลางผู้คนเสียแล้ว

ปี๊นปี๊นปี๊น!

ทันใดนั้น ก็มีเสียงแตรที่แสบเหยื่อแก้วหูดึงให้เจียงไป๋เสว่กลับมาสู่โลกความจริง

เจียงไป๋เสว่ได้เดินไปถึงถนนอีกฝั่งแล้ว ก็หันมาตะโกนเรียกเธอ

” ระวังรถ! ”

เจียงไป๋เสว่จึงหันกลับไปดู

เอี๊ยด!

มีรถคันหนึ่งที่ส่งเสียงเครื่องยนต์เต็มกำลังพุ่งเข้าหาตัวเจียงไป๋เสว่ด้วยความเร็ว

” ระวัง! ”

” อ้า! ”

……….

ผู้คนที่อยู่โดยรอบบริเวณถนนต่างร้องออกมาด้วยความกลัว

ส่วนผู้หญิงพวกนั้น ก็กรีดร้องออกมา

เหมือนคนขับจะมีอาการเมาเหล้าเล็กน้อย เลยไม่ได้เห็นว่ากำลังถนนมีเจียงไป๋เสว่ยืนอยู่

รอให้เขาเห็น ก็สายไปแล้ว

เอี๊ยด!

เขารีบเหยียบเบรกทันควัน แต่หัวรถก็ควบคุมไม่อยู่จึงพุ่งไปทางเจียงไป๋เสว่

หลินชิงเสว่ตกใจจนหน้าซีด แต่ว่าเจียงไป๋เสว่ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด เธอกระโดดขึ้นสูงภายในเสี้ยววินาที

ตั้งแต่รถส่งเสียงขับใกล้เข้ามาแล้ว!

เจียงไป๋เสว่รออยู่บนอากาศ แล้วเอาฝ่ามือยันตัวเองเอาไว้ แล้วดันไปที่หน้ากระโปรงรถอย่างแรง

ตึ้ง!

กระโปรงรถถูกเจียงไป๋เสว่ทุกเข้าอย่างจังจนเป็นรอยเว้าลึกลงไป

เจียงไป๋เสว่ขึ้นไปกลิ้งอยู่บนหลังคารถรอบหนึ่ง

กรึก กรึก!

เจียงไป๋เสว่ก็ร่วงลงไปอยู่บนพื้น

ผู้คนโดยรอบตอนนี้ได้ตื่นตะลึง สีหน้าช็อกทำอะไรไม่ถูก

พวกเขาคิดว่าต้องมีใครตายแล้วแน่ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าเจียงไป๋เสว่จะกระโดดข้ามหลังคารถมาได้

ฉากตรงหน้านี้ ทุกคนต่างเคยเห็นในภาพยนตร์เท่านั้น

เจ้าของรถหรูอ้าปากค้าง กระโดดลงมาจากรถแล้วรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่

เจียงไป๋เสว่ก็ลุกขึ้นมา แล้วพูดเนิบๆ : ” ไม่เป็นไร ฉันเหม่อไปเองแหละ ”

พูดจบแล้ว ก็ไปยืนข้างๆ ถังเฉา

” เธอเป็นยังไงบ้าง? ”

ถังเฉาดูออกว่าเจียงไป๋เสว่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เจียงไป๋เสว่นิ่งไปสักพักใหญ่ จากนั้นก็มองเจียงไป๋เสว่แล้วพูดว่า : ” ฉันว่าฉันเห็นหลี่เห้าแล้วล่ะ ”

” ……. ”

หลังจากที่เจียงไป๋เสว่พูดจบประโยค ถังเฉาก็อึ้งไปเสี้ยววินาที

สีหน้าของหลินชิงเสว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เมื่อคบกับถังเฉามานานแล้ว เธอก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าถังเฉามีพี่ชายที่หายสาบสูญไปอยู่คนหนึ่ง

เมื่อกลับมายังเมืองหลวงแล้ว เป้าหมายอีกอย่างหนึ่งก็คือ การตามหาพี่ชายของเขา

” เธอแน่ใจเหรอว่าเป็นเขา? ”

แววตาของถังเฉาเปลี่ยนไปในทันที เขามองไปที่เจียงไป๋เสว่แล้วถาม

เจียงไป๋เสว่พยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง : ” ไม่ผิดแน่ ฉันกับเขาถึงแม้จะไม่ได้เจอกันนาน แต่หน้าตาของเขาฉันไม่มีวันลืมแน่นอน! ”

และความที่ตื่นเต้นมากเกินไป เจียงไป๋เสว่จึงฟังดูสั่นเครือ

ถังเฉาเงียบไปเป็นเวลานาน ดูเหมือนจะยังไม่กล้าเชื่อ

” หรือว่าจะเป็นคนที่หน้าตาคล้ายกัน? ”

เจียงไป๋เสว่ส่ายหน้ารัว ” เป็นไปไม่ได้ ฉันคุ้นเคยกับกลิ่นบนร่างกายของเขา ”

ถังเฉาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปทางหลินชิงเสว่

” ไปเถอะ แล้วรีบกลับมาด้วยนะ ”

หลินชิงเสว่อุ้มถังเสี่ยวลี้แล้วกลับไปก่อน

” ไปเถอะ ”

ถังเฉากับเจียงไป๋เสว่ข้ามไปถนนอีกฝั่งด้วยกัน

” แยกกันหาเถอะ ”

หลังจากที่ตามหากันเป็นเวลานานๆก็ไม่เคยเจอ

ถังเฉาจึงพูดกับเจียงไป๋เสว่ว่า

” อื้ม! ”

เจียงไป๋เสว่ก็วิ่งหายเข้าไปในถนนนั้น

เธอ ถังเฉาและหลี่เห้าทั้งสามคน คือนักสู้ของกองทัพปราณมังกรผู้แข็งแกร่ง

ไม่ว่าจะสะกดรอยตามหรือสืบเสาะ ก็ไม่เห็นร่องรอยของการเดินที่ชัดเจนเลย การที่จะหาเจอได้ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด

เจียงไป๋เสว่ก็ตามหาโดยที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ทุกนาทีที่ผ่านไป

เจียงไป๋เสว่ก็เริ่มที่จะถอดใจแล้ว

เธอของตัวแล้วเอามือยันเข่าทั้งสองข้าง หอบแฮ่กๆ

แต่พอนึกถึงความกังวลของสามปีที่ผ่านมา ก็แปลงกายเป็นคนที่อยู่ในลัทธิไสยศาสตร์ เจียงไป๋เสว่จึงไม่ยอมจำนน

สามปียังทนได้เลย ทำไมแค่นี้จะทนไม่ได้ล่ะ?

เจียงไป๋เสว่กัดฟันแน่น ตัดสินใจว่าจะตามหาต่อไป

วืด!

มีแสงไฟรถสาดเข้าตา เจียงไป๋เสว่ทนไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นมาบังเอาไว้

รถสีแดงคันใหญ่คันหนึ่งขับมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ

ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้น มองเธอด้วยสายตานิ่งๆ

ณ เวลานั้น เจียงไป๋เสว่จ้องไปที่เขาจนตาค้าง

” หลี…..เห้า….. “

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน ถูกว่าที่ภรรยาใส่ร้าย ในเวลาที่เกือบจะตาย มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยเขาอย่างสุดชีวิตห้าปีต่อมา อำนาจและทรัพย์สมบัติของโลกล้วนตกอยู่ในมือของเขา การกลับมาของม้าศึก แค่เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณในคืนนั้น แต่กลับพบว่า เธอได้คลอดลูกสาวคนหนึ่งสิ่งที่เป็นหนี้คุณไม่สามารถลบล้างให้หมดไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ปกป้องพวกคุณสองแม่ลูก……ทั้งชีวิตเลยแล้วกัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท