บ้าบู๊โทรออกไปหนึ่งสาย ตรวจสอบอย่างละเอียด
อย่ามองว่าสมาคมการต่อสู้ในภูมิภาคเจียงเจ้อจะเกี่ยวข้องกับบูโดเท่านั้น สิ่งที่ออกมาจากในนั้นยังมีอยู่อีกมาก
คนในแวดวงอำนาจอิทธิพลจำเป็นจะต้องคบค้าสมาคมกับผู้แข็งแกร่งที่มีศักยภาพแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ แบบนั้นถึงจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องชีวิตของตัวเอง
คนบ้าบู๊ไปสืบค้นเรื่องนี้ผ่านคอนเนคชั่นของตัวเอง
“เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้เวลา แต่สิ่งที่สามารถยืนยันได้เลยก็คือ หลังจากประชุมแดนเหนือในวันนี้จบสิ้นลงแล้วจะต้องมีผลลัพธ์ออกมาแน่”
คนบ้าบู๊วางโทรศัพท์ลง เอ่ยกับถังเฉา
ถังเฉาพยักหน้า ไม่ได้ให้ความสำคัญอีก
คนบ้าบู๊ไปดำเนินการเรื่องนี้ เขาก็วางใจมาก
“ไปกันเถอะครับ รองหัวหน้า ไปทานอาหารกลางวันกันเถอะครับ”
เวลาต่อมา คนบ้าบู๊ก็พาถังเฉาไปห้องอาหารที่จัดตั้งมาเป็นพิเศษเพื่อแขกวีไอพี
ห้องอาหารของที่นี่ล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนจากห้องอาหารราคาแพงลิ่วมากมาย
ประชุมแดนเหนือก็เป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่เลื่องชื่อที่หนึ่งด้วยตัวเองอยู่แล้ว เป็นธุรกิจที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม
ถ้าหากสามารถเปิดร้านอาหารภายในประชุมแดนเหนือได้ ก็เป็นการลงทุนในตัวเองอย่างหนึ่ง
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทร้านอาหารมากมายถึงไม่ต้องการเงินสปอนเซอร์ แต่ไม่มีค่าใช้จ่ายก็ยังต้องสนับสนุน
ร้านอาหารราคาสูงลิ่วเหล่านี้มีเพียงคนที่มีฐานะสูงศักดิ์เท่านั้นจึงจะเข้ามาได้ อย่างเช่นตระกูลหลวงในเยี่ยนตู มู่ตงเฟิง ผู้พิทักษ์แดนตะวันตก เป็นต้น
ต่ำลงไปอีกยังมีร้านอาหารที่ระดับต่ำลงมาอีก ฟรีสปอนเซอร์เช่นกัน
“เอ๋… นั่นไม่ใช่พี่สะใภ้หรอกหรือ?”
ทันใดนั้นคนบ้าบู๊ก็หยุดฝีก้าว ชี้ไปที่ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านล่าง เอ่ยอย่างตกตะลึง
“หืม?”
สีหน้าของถังเฉาปรากฏความสงสัย มองตามไป
เห็นเพียงที่ด้านในของร้านอาหารด้านล่าง หลินชิงเสว่ยืนอยู่ที่นั่น ด้านข้างยังมีชายหญิงที่เหมือนจะเป็นสามีภรรยากันอีกคู่หนึ่ง
ผู้หญิงในชายหญิงคู่นั้นดูเหมือนจะอายุยังน้อยอยู่ หน้าตาสวยงามมาก แต่บนใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางไว้เข้มมาก ดูเหมือนว่าสีหน้าจะขาวซีดจนเกินไป ดูเหมือนจะผัดแป้งไว้หนาเกินไป ผิดปกติมาก
แต่ว่าเธอมองหลินชิงเสว่อย่างหยิ่งยโสมาก ปากก็พูดฉอด ๆ ไม่หยุด ยังคงพูดอะไรอยู่
ภายใต้คำพูดของผู้หญิงคนนั้น สีหน้าของหลินชิงเสว่เขียวคล้ำ แต่กลับไม่ได้พูดอะไร ในดวงตามีความจนด้วยปัญญา
เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะโต้เถียงกับเธอ จะทำอย่างไรได้ในเมื่ออีกฝ่ายยังกัดไม่ปล่อย
ผู้หญิงคนนั้นยังโอบแขนของชายวัยกลางคนอยู่ ดูรักใคร่กันมากอย่างไรอย่างนั้น
ภายนอกของชายวัยกลางคนคนนั้นดูสุภาพบุรุษมาก แต่ในความเป็นจริงดวงตากลับหรี่ตามองพิจารณารูปร่างของหลินชิงเสว่ด้วย
โดยเฉพาะในส่วนพิเศษ สายตาทอดมองอยู่นาน
หลินชิงเสว่ไม่อาจไม่หุบขาทั้งคู่ ป้องกันการมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรมอง
ขวับ!
สีหน้าของถังเฉามืดครึ้มลง หันไปเอ่ยกับคนบ้าบู๊ว่า “ไม่ต้องรอผมแล้ว ผมจะไปทานอาหารกลางวันกับพี่สะใภ้ของคุณ”
“ครับ”
คนบ้าบู๊มองออกว่ารองหัวหน้าไม่เบิกบานใจ เขาไม่ได้พูดอะไร มุ่งหน้าจากไป
ถังเฉาก้าวยาว ๆ ไปทางนั้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง ในใจก็เกิดความไม่แน่ใจเป็นอย่างมาก
ตอนเช้าหลินชิงเสว่บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีความสนใจต่อประชุมแดนเหนือเลย ไม่มีทางจะมาดูการแข่งขันรองชิงชนะเลิศ แล้วทำไมถึงมาล่ะ?
การตรวจบัตรของประชุมแดนเหนือมีการจำกัดเวลา ทำได้เพียงมาตรวจภายในหนึ่งชั่วโมงในตอนเช้าเท่านั้น เลยเวลาแล้วต่อให้มีบัตรก็เข้ามาไม่ได้
การที่หลินชิงเสว่สามารถมาปรากฏตัวที่นี่ได้นั่งก็หมายความว่าเธอเข้ามาตั้งแต่ตอนเช้า
ทว่ายังไม่ทันได้เดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงสวยหยาดเยิ้มคนนั้นเอ่ยถากถางกับหลินชิงเสว่ว่า “ชิงเสว่เอ๋ย เธอแตกกลุ่มไปหน่อยหรือเปล่า? งานเลี้ยงรุ่นที่หาได้ยากทุกคนก็มาร่วมกันหมด มีแค่เธอที่ไม่ได้มา ทั้งยังออกจากกลุ่มอีก ทำไมหรือ? แต่งงานแล้ว ก่อตั้งบริษัทเองแล้ว ก็ไม่มองเห็นพวกเราเพื่อนร่วมเรียนอยู่ในสายตาแล้วงั้นสิ?”
ถังเฉาคิ้วกระตุก ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนร่วมเรียนของหลินชิงเสว่?
ถังเฉาจำได้ว่าหลินชิงเสว่เรียนมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมแล้ว
เพียงได้ยินที่ผู้หญิงสวยหยาดเยิ้มนั่นพูดต่อ
“พวกเรารู้นะว่าบริษัทของเธอคือลี่จิงกรุ๊ปน่ะ สร้างได้ใหญ่มาก ตอนนี้เป็นเศรษฐินีพันล้านไปแล้ว แต่ว่าแล้วมันยังไงล่ะ? เธอต่อสู้ดิ้นรนมาหลายปีขนาดนี้ ได้แต่งงานทันพวกเราหรือเปล่าล่ะ?”
ผู้หญิงสวยดึงแขนของผู้ชายวัยกลางคนข้างตัวแล้วยิ้มอย่างได้ใจพลางเอ่ยว่า “ชิงเสว่เอ๋ย ฉันมาแนะนำให้เธอหน่อยก็แล้วกัน นี่คือซุนหงเจี๋ย สามีของฉัน รองผู้จัดการบริษัทลอตเตอรีอินหวง”
“เธอรู้จักลอตเตอรีไหม? ช่างเถอะ ดูเธอสิ แบบนี้เล่นไม่เป็นแน่ ๆ สรุปเลยแล้วกัน กำไรบริษัทของเธอแค่นิดเดียวนั้น ต่อหน้าบริษัทของสามีของฉันแล้ว ไม่มีค่าให้ยกขึ้นมาพูดถึงเลย วันเดียวก็หามาได้แล้ว!”
“คุณหลิน ได้ยินชื่อเสียงคุณมานาน”
ซุนหงเจี๋ยยิ้มตาหยีพิจารณาหลินชิงเสว่ ยื่นมือใหญ่อวบท้วมออกไปทางเธอ
“สวัสดีค่ะ”
หลินชิงเสว่คิ้วกระตุกไม่หยุด ใกล้จะระเบิดอารมณ์ออกมาทันที
แต่การควบคุมตัวเองที่ดีทำให้เธอยังไม่ได้ระเบิดออกมา แต่ก็ไม่ได้ยื่นมือออกมาจับมือกับซุนหงเจี๋ย
ในใจของซุนหงเจี๋ยเดือดขึ้นมาเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้นึกไม่ถึงว่าจะไม่รู้จักไว้หน้ากัน!
ถังเฉาที่อยู่ไม่ไกลได้ฟังบทสนทนาของพวกเขาจนจบก็ตะลึงไปพักหนึ่ง บริษัทลอตเตอรีอินหวง ไม่ใช่บริษัทลอตเตอรี่ที่เขาสั่งให้คนบ้าบู๊ไปตรวจสอบหรอกหรือ?
บังเอิญขนาดนั้นเชียว?
“หวางเฉียน แต่ละคนล้วนมีอุดมการณ์เป็นของตนเอง เรื่องของบริษัทของฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเป็นห่วงสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก”
“ฉันยังต้องทานอาหาร พวกเธอก็อย่ารบกวนเลย”
หลินชิงเสว่เอ่ยเรียบ ๆ ออกคำสั่งส่งแขก
ผู้หญิงสวยงามหยาดเยิ้มคนนี้ชื่อว่าหวางเฉียน เป็นคนเยี่ยนจิง เป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายของหลินชิงเสว่
ได้ยินมาว่าเป็นอดีตรูมเมทของหลินชิงเสว่
ด้วยเพราะอิจฉาริษยาโฉมหน้าของหลินชิงเสว่ จึงสมรู้ร่วมคิดกับรูมเมทคนอื่น ๆ ทำให้หลินชิงเสว่ต้องโดดเดี่ยว
เดิมคิดว่าสร้างบาดแผลในใจอันใหญ่หลวงให้กับหลินชิงเสว่แล้ว ไหนเลยจะรู้ว่า หลินชิงเสว่ที่ยกตนว่าดีเลิศนั้นเฝ้าปรารถนาความเงียบสงบเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหวางเฉียนจะฟังความหมายในคำพูดของหลินชิงเสว่ไม่ออก ไม่มีทีท่าที่จะจากไปโดยสิ้นเชิง กลับกันยิ่งพูดคุยเหมือนคุ้นเคยกันมานาน
“หลินชิงเสว่ ได้ยินมาว่าเธอแต่งงานแล้ว สามีของเธอก็คือคนที่ใช้อำนาจบีบบังคับทำให้เธอด่างพร้อยเมื่อห้าปีก่อนสินะ? เธอยังมีลูกให้เขาหนึ่งคนด้วย?”
หวางเฉียนตั้งใจทำเป็นประหลาดใจ ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้น่ะนะ ลือกระฉ่อนไปทั่วทั้งเยี่ยนจิงแล้ว เธอไม่กลับเยี่ยนจิงมานานขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า กลัวว่าจะถูกคนอื่นดูถูก ดังนั้นจึงไม่กล้ากลับไป?”
สีหน้าของหลินชิงเสว่เข้มครึ้มขึ้น
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าหวางเฉียนจะโม้มากเท่าไหร่ ไม่มีทางที่เธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง
แต่มาโยงไปถึงสามีและลูกสาวของเธอ เธอก็อดทนไม่ไหวแล้ว
หวางเฉียนจงใจทำเหลือบซ้ายแลขวา เหมือนยังไม่ทันสังเกตเห็นอย่างไรอย่างนั้น
“อ๊ะ จริงสิ สามีของเธอล่ะ? เธอแต่งงานมาห้าปีแล้ว พวกเรายังไม่รู้เลยว่าสามีของเธอหน้าตาเป็นอย่างไรน่ะ?”
“จริงสิ ฉันนึกออกแล้ว ที่นี่คือประชุมแดนเหนือ ไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามาก็เข้ามาได้ สามีของเธอมันคนยากจนข้นแค้น จะสามารถมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
หวางเฉียนหัวเราะเสียงดัง เอ่ยกับหลินชิงเสว่ว่า
ในที่สุดในดวงตาของหลินชิงเสว่ก็มีความเดือดดาลขึ้นมา “หวางเฉียน เธอพูดพอหรือยัง?”
“แหม… ชิงเสว่ ฉันก็แค่ล้อเล่นเอง ทำไมเธอถึงโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะ?”
ตอนนี้หวางเฉียนจึงได้หัวเราะหึหึกล่าวขอโทษ ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยว่า
“ชิงเสว่เอ๋ย กินข้าวคนเดียวมันน่าเบื่อจะตาย วันนี้เป็นประชุมแดนเหนือ และยังเป็นงานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียนมัธยมของพวกเรา ฉันเป็นคนจัดงาน กำหนดงานเลี้ยงรุ่นที่นี่เป็นพิเศษ แหวกแนวพอไหม?”
ว่าแล้วหวางเฉียนก็จูงมือของหลินชิงเสว่ไป “ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นกับฉันเถอะ ถือโอกาสได้เจอเพื่อนเก่า ไปกินข้าวพูดคุยอะไรกัน”
สีหน้าของหลินชิงเสว่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก สะบัดมือออกไป “อย่ามาโดนตัวฉัน ฉันไม่สนใจ!”
หลินชิงเสว่ต่อต้านเช่นนี้ สีหน้าของหวางเฉียนไม่น่ามองอยู่บ้าง
“หลินชิงเสว่ ไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้เลยเหรอ? ถ้าหากวันนี้ฉันจะต้องเอาเธอไปให้ได้ล่ะ?”
น้ำเสียงของหวางเฉียนซ่อนความเดือดดาลเอาไว้
ซุนหงเจี๋ยก็เอ่ยเชื้อเชิญหลินชิงเสว่ “คุณหลินครับ ให้เกียรติกันหน่อยเถอะครับ? พูดอย่างไม่ปิดบัง งานรวมรุ่นของเฉียนเฉียนวันนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง ก็คือพวกเขาล้วนขอร้องให้ผมพาพวกเขาไปเล่นลอตเตอรีกัน นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ร่ำรวยข้ามคืนเชียวนะ”