“อะไรนะ ?”
ฟังคำอธิบายของชายฉกรรจ์แล้ว มู่ตงเฟิงมีสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง
นี่มันก็หมายถึงว่า การประชุมแดนเหนือมีคนนอกแทรกซึมเข้ามานะสิ
กำลังพลมีมากมาย แต่ไม่สามารถตรวจพบ………
เว้นเสียแต่ว่าเป็นยอดนักบู๊อย่างพวกเขา จึงสามารถแอบเข้ามาได้อย่างเงียบเชียบ
“ไปช่วยคนก่อน!”
มู่ตงเฟิงตะโกนเสียงลั่น
สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายมาก ไม่มีเวลามาจัดการเรื่องคนที่แอบเข้ามาวางระเบิด ช่วยคนสำคัญกว่า
คนบ้าบู๊ก็รีบจัดการวางงานให้สมาชิกกลุ่มสมาคมการต่อสู้ของแต่ละที่ออกไปช่วยคน
สภาพสนามกีฬาเจียงเฉิงในขณะนี้ ซากผนังล้มกำแพงพังเกะกะเละเทะไปทั่ว
รอบบริเวณเต็มไปด้วยควันโขมงครุกรุ่น อีกยังเสียงดังของเศษสะเก็ดระเบิดที่ตกค้าง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนโชคร้าย โดนระเบิดล้มตายไปก็หลายคน………
ถึงตอนนี้ ไม่มีใครได้สนใจไปถึงบนเวทีประลองที่ยังเหลือคนยืนอยู่สองคน
ถังเฉากับเฟิ่งหวง
เขาไม่ได้ถอดเอาหน้ากากออก เพียงแต่มองเฟิ่งหวงแล้วพูดว่า “ดูแล้วเธอก็ยังคงเป็นการทรยศ”
ในดวงตาเฟิ่งหวงมีความเสียดายออกมาแวบหนึ่ง แต่แล้วก็เปลี่ยนกลับเป็นเย็นเยือก
“นี่มันล้วนเป็นเพราะคุณบีบคั้นให้ต้องทำ ฉันอยู่กับคุณมาห้าปี คุณกลับยังคงจ้องสงสัยฉัน เพียงเพราะฉันเป็นพวก‘หว่างเหลี่ยง’เท่านั้นหรือ ?”
ถังเฉาคงสีหน้าราบเรียบ ทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง “ผมไม่มีทางที่จะไม่สงสัย”
“ถ้างั้นก็คงไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว”
เฟิ่งหวงแววตาเย็นชา “คุณไม่เชื่อใจฉัน ฉันก็ได้แต่กลับไปในที่ ๆ เป็นของฉัน เฟิ่งหวงได้ตายจากไปแล้ว”
ถังเฉาพูดเรียบ ๆ “เรื่องคุยความหลังเก็บเอาไว้ก่อน ที่ฉันสนใจอยู่เรื่องหนึ่งคือ การระเบิดเมื่อกี้นี้ ก็เป็นฝีมือของพวกเธอใช่ไหม ?”
ได้ยินดังนั้น เฟิ่งหวงผงกหัว “ไม่ผิด งานประชุมแดนเหนือเป็นโอกาสที่ดีมากอันหนึ่ง มันสามารถครอบคลุมไปถึงทั้งเจียงเจ้อ”
“พวกหว่างเหลี่ยง คิดจะทำอะไรกัน ?”
สีหน้าถังเฉาพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด มองหน้าเฟิ่งหวงแล้วถาม
ไม่แต่เพียงที่เจียงเฉิง หรือว่าหมิงจู ล้วนเคยมีเงาร่างของหว่างเหลี่ยง
พวกเขาหวังมุ่งจะเข้าควบคุมตระกูลยักษ์ใหญ่ที่มีค่ามากตระกูลหนึ่งของหมิงจู เพื่อเข้าควบคุมอิทธิพลของหมิงจูทั้งหมด
แน่นอนว่า แผนการนี้ยังไม่สำเร็จ ก็ถูกถังเฉาเข้าไปจัดการจนม้วยมรณาไปตั้งแต่ยังอยู่ในเปล
เฟิ่งหวงสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นจริงจัง พูดด้วยเสียงทุ้มลึกว่า “เรื่องนี้จะบอกคุณก็ได้ การจะอยู่รอดได้ของหว่างเหลี่ยง จำเป็นต้องเข้ากุมอำนาจจุดสำคัญทางเศรษฐกิจ เพื่อป้อน ‘หนูทดลอง’ ให้มีต่อเนื่องอย่างไม่ขาดสาย”
“หนูทดลอง ?”
ถังเฉาขมวดคิ้วย่น
“ใช่”
เฟิ่งหวงพูดเสียงราบเรียบ “ขบวนการของพวกเรา จะมีการทำงานทดลองทุกวัน เพื่อว่าสักวันหนึ่งจะสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถควบคุมสถานะภาพของการทำสงครามได้ทั้งหมด ‘อาวุธสงครามร่างมนุษย์’ ”
“อย่างเช่นว่า แบบนี้……”
เฟิ่งหวงดีดนิ้ว
บรึม
พื้นที่ในบริเวณสั่นไหวขึ้นมาทันที
ภายในสนามกีฬา พลันมีมนุษย์เพศชายครึ่งคนครึ่งเหล็กปรากฏขึ้นมาจำนวนหนึ่ง
พวกเขามีครึ่งส่วนของร่างกายเป็นแขนมนุษย์ปกติ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกลับเป็นอาวุธมีคม
เช่นขวาน หอก เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นบนแขนยังมีกงล้อที่ประกอบด้วยฟันเฟืองสำหรับขบกัดตัดบดเต็มไปทั้งแขน เสียงปิดเปิดเชือดตัดดัง แชป แชป
แววตาของถังเฉาเปลี่ยนเป็นคมเฉียบ
ก่อนหน้านี้ในรายงานที่รับมา ก็คือหว่างเหลี่ยงกำลังทำการทดลองอะไรบางอย่าง
ตอนนี้ทุกอย่างเป็นที่เข้าใจกันชัดเจนแล้ว พวกนี้ ล้วนเป็นเครื่องมือใช้ในการทำสงคราม ‘เครื่องกลสงคราม’
“แต่ว่าเรื่องนี้คุณวางใจได้ พวกเขาไม่ได้มาเล่นงานคุณ อย่างน้อยก็ชั่วคราว”
เฟิ่งหวงพูดกับถังเฉาอย่างเย็นชาว่า “ในเวลานี้ พวกเขาถูกใช้ให้มาปิดบล็อคพื้นที่ทั้งหมด”
ได้ยินดังนั้น ถังเฉาเหมือนมีอะไรดลใจ หันหน้ามองกลับไป
เห็นพวกอาวุธสงครามเหล่านั้นแยกย้ายกันออกไปรอบทุกทิศทางของสนามกีฬา เริ่มลงมือกวาดทำร้ายอย่างเป็นการใหญ่
เหล่ากองทหารของสนามรบแห่งเมืองเจียงเฉิงได้ยิงปืนเข้าใส่ กระสุนปืนกระทบถูกร่างที่เป็นเหล็กกล้า ล้วนแล้วไม่ได้ผล
ถึงแม้ยิงใส่เข้าถูกส่วนที่เป็นเนื้อ พวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ท่าทางทื่อชา ควงมีดดาบฟาดฟันเดินหน้าไป
ป้าบ!
แล้วก็เพิ่มเป็นศพเย็นทื่ออีกหนึ่ง
ด้วยเวลาอันรวดเร็ว สนามกีฬาทั้งสนามถูกควบคุมไว้ทั้งหมด
ประตูใหญ่ทั้งสี่ทิศ ถูกปิดขวาง บรรดาคนเข้าชมทั้งหมดไม่มีใครหนีรอดออกไปได้
มีหลายคนที่ใจกล้า คิดบุกทะลวงออกไป ผลสุดท้ายเลือดกระเซ็นสาดนองพื้น ก็กลายเป็นศพเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง
“ชิงเสว่ ?!”
“เสี่ยวหลี่?!”
“ฉ่ายเวย คุณพ่อ ?!”
เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ถังเฉากระโดดโถมลงจากเวที วิ่งมุ่งไปยังที่กลุ่มคนดู
แต่ทว่า อย่างรวดเร็ว เฟิ่งหวงก็ได้ขวางหน้าเขาไว้ ท่าทางเย็นชา “คุณจะไปไหน ? เรื่องบุญคุณความแค้นของเรายังไม่จบ คุณไปไหนไม่ได้!”
“หลีกไป ฉันจะไปช่วยลูกเมียฉัน!”
ถังเฉาวางสีหน้าขรึมเครียด พูดกับเฟิ่งหวง
“อย่าหวัง!”
เฟิ่งหวงตวาดเสียงดัง มีดสั้นในมือ แทงตรงใส่ถังเฉาอย่างรวดเร็ว
ตึ๊ง!
แต่แล้ว ในเสี้ยววินาทีต่อมา เสียงโลหะกระทบกันดังจนแสบหู
ภาพหญิงในชุดเสื้อหนังกางเกงหนังท่าทางเย็นชา ปรากฏขึ้นตรงเบื้องหน้าถังเฉา
เจียงไป๋เสว่นั้นเอง
หล่อนใช้มีดปัดกระแทกเฟิ่งหวงถอยออกไป หันหน้าพูดกับถังเฉาว่า “คุณรีบไปช่วยคน ฉันจะช่วยคุณขวางหล่อนไว้ที่นี่”
“ขอบคุณนะ”
ถังเฉากล่าวขอบคุณ แล้วหันมุ่งไปทางเวทีประลอง
“หยุด!”
เฟิ่งหวงคิดจะตาม แต่ถูกเจียงไป๋เสว่ขวางไว้ “เธออยากสู้ ฉันจะเป็นเพื่อนให้”
ถังเฉามุ่งตามหาพวกหลินชิงเสว่ไปทั่ว แต่คนในสนามกีฬาก็มากมาย ไม่มีทางว่าจะหาได้เลย
พวกเครื่องจักรกลสงครามเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำร้ายคน เพียงแต่ควบคุมพื้นที่ไว้
ถ้าไม่คิดหนีออกไป ก็จะปลอดภัยไม่มีปัญหา
“ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ ‘งานประชุมมหาไถ่’”
ทันใดนั้น บริเวณสนามกีฬาที่กว้างใหญ่ พลันมีเสียงหัวเราะของสตรีที่ไม่คุ้นเคยดังแว่วมา
เสียงนั้นส่งผ่านจากเครื่องขยายเสียง สนามกีฬาทั้งบริเวณก้องสะท้อนเสียงหัวเราะของหล่อน
ถังเฉาก็ได้ยิน อดไม่ได้ต้องแหงนหน้ามองไปที่ต้นเสียง
ตรงบนยอดสุดของสนามกีฬา เห็นมีลิฟท์อยู่ชุดหนึ่ง
สตรีชาวตะวันตกผมทองตาสีฟ้าในชุดกระโปรงยาวแบบชาววังสีม่วง กางร่มแบบผู้ดีฝรั่ง ค่อย ๆ เลื่อนลง
บนใบหน้าเป็นยิ้มที่ดูขี้เล่น: “ทุกท่านไม่ต้องตื่นตระหนก ณ.ที่นี้ ดิฉันขอแนะนำตัวก่อน”
“ดิฉันชื่อแองเจล่า เอมิเลีย พวกท่านจะเรียกดิฉันว่าไวโอเล็ตก็ได้นะ หรือจะเรียกคุณผู้หญิงก็ได้”
“คนที่อยู่ข้างหลังดิฉัน เป็นลูกน้องดิฉันเอง”
ข้างหลังไวโอเล็ต ยังมีคนที่อยู่ในชุดดำอีกหลายคน
นั้นคือหลินโป๋หลายกับชายในชุดคลุมดำ
ในขณะนั้น หลินโป๋หลายกำลังจ้องเขม็งที่เงาหลังของไวโอเล็ต เขาเพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้หญิงตะวันตกที่สวยแบบนี้
เสมือนหล่อนเป็นเทพธิดาจุติมาในโลก ชั่วพริบตาก็ครอบงำเอาหัวใจหลินโป๋หลายไปแล้ว
บรึม!
การปรากฏตัวของไวโอเล็ตและลูกน้อง ในพริบตานั้นได้สร้างความตื่นผวาให้ผู้คนทั้งสนาม
ไม่เพียงแต่ถังเฉา มู่ตงเฟิง คนบ้าบู๊ต่างก็แหงนหน้ามองไปที่หล่อน
“ทุกท่านคงต้องสงสัยแน่นอนว่าพวกเราเป็นใคร ทำไมจึงต้องกักพวกท่านไว้ในนี้”
ไวโอเล็ตหัวเราะคิก ๆ “ความจริง พอพวกท่านได้ยินชื่อดิฉันแล้ว ก็น่าจะรู้แล้วว่าดิฉันเป็นใคร”
“ไม่ผิด ก็เป็นอย่างชื่อแองเจล่าของดิฉัน ดิฉันก็คือเทพธิดาทูต มาช่วยพวกท่าน เทพธิดาทูตที่จะมาไถ่บาปให้พวกท่าน”
เสียงของไวโอเล็ตแฝงด้วยความเย้ายวนชวนหลงในระดับหนึ่ง
“ทุกท่านที่อยู่ ณ.ที่นี้ ในชีวิตคงต้องมีบางเรื่องที่คิดอยากกลับใจบ้าง ดิฉันสามารถจะนำพาพวกท่านหลุดพ้นความทุกข์ทรมานเหล่านี้อย่างหมดจด”
“แต่ก่อนอื่น พวกท่านจะต้องมีความกล้าหาญในการ ‘ไถ่บาป’และมีจิตศรัทธาในตัวดิฉัน”
คนตะวันตกเน้นกันมากเรื่องความศรัทธา อีกทั้งให้เชื่อในเยซู
แต่ทว่า ไวโอเล็ตหล่อนเป็นมนุษย์ เอาอะไรมายกตนเป็นเทวทูต? อีกยังมาทำลายงานประชุมแดนเหนือ กักขังพวกเขาไว้ที่นี่
“เธอมันอีเทวทูตขี้ ๆ !”
“ยัยคนต่างชาติ ออกให้พ้นจากต้าเซี่ยซะ!”
“รีบปล่อยพวกเราเดี๋ยวนี้!”
“……”
เสียงด่ากันขรมไปทั่วสนาม ไม่ว่าผู้ชายผู้หญิง ต่างมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ถังเฉาได้แต่หรี่ตา มองพิเคราะห์ผู้หญิงคนที่เรียกตัวเองว่า ‘เทพธิดาทูต’
เจียงไป๋เสว่ที่กำลังพัวพันอยู่กับเฟิ่งหวง ก็เกิดอาการสะท้าน
หล่อนจำได้เลยว่า นี้คือผู้หญิงคนที่ตนได้พบปะกลางฝนก่อนหน้านี้
หลี่เห้า ก็อยู่ข้าง ๆ หล่อนด้วยในวันนั้น
ปึง!
เผลอไม่ทันระวังตัว ก็โดนเฟิ่งหวงเตะอย่างไม่ปรานีกระเด็นไปไกล สี่ ห้าเมตร
“ต่อสู้กับข้า ยังกล้าแบ่งสมาธิ ?”
เฟิ่งหวงแสยะยิ้ม กำมีดโจมตีเข้ามา
“ยังไม่จบไม่สิ้นหรอก!”
เจียงไป๋เสว่ตอกย้ำความโกรธขึ้นมาในแววตา
แม้หล่อนจะรู้ว่าเฟิ่งหวงจะทรยศด้วยการมาเป็นไส้ศึก แต่ในขณะนี้หล่อนกลับดูไม่ออกว่าเฟิ่งหวงจะออมมือให้เธอ ดูเหมือนหล่อนทรยศไปแล้วจริง
สองสาวพันตูกันต่อ ฝีมือก้ำกึ่ง
“เทพธิดาทูต……”
มู่ตงเฟิงและคนบ้าบู๊ ต่างก็แหงนหน้ามอง สายตาหยีลง
กับเสียงการด่าทอข้างล่าง ไวโอเล็ตไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย หัวเราะฮิ ๆ พูดว่า “พวกท่านไม่ยอมรับว่าเราเป็นเทพธิดาทูตหรือ ? ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกท่านก็ต้องยอมรับ”
พูดจบ หล่อนหันไปส่งสายตามองหลินโป๋หลายที่ยืนอยู่ข้างหลัง
หลินโป๋หลายรับรู้ ล้วงเอารีโมทออกมาทันที แล้วกด
บรึม!
ทั้งสนามกีฬาสั่นสะเทือนอีกครั้ง อัฒจันทร์ด้านตะวันออก เกิดระเบิดขึ้น กลายเป็นเศษซาก
ดีว่าตอนนี้ฝูงคนได้ถูกคนของสนามรบต้อนไปรวมอยู่ด้วยกัน จึงไม่มีใครถูกฝัง
แต่ทว่า การเกิดระเบิดขนาดใหญ่ขนาดนี้ ก็เล่นเอาพวกเขาสะดุ้งกัน
เสียงด่าทอเงียบหายไปพลัน
ไวโอเล็ตส่งเสียงหัวเราะพูดว่า “ดิฉันคิดว่า พวกท่านกับเทวทูตน่าจะมีอะไรที่เข้าใจผิดกันอยู่”
“ดิฉันช่วยชีวิตพวกท่านได้ ในขณะเดียวกัน ก็ละทิ้งชีวิตของพวกท่านได้ พระเจ้าท่านให้อภัยดิฉันอยู่แล้ว”
ไวโอเล็ตได้วาดกากบาทที่เบื้องหน้า สีหน้าเปี่ยมด้วยความศรัทธา
“ทั้งสนามกีฬานี้ได้ถูกวางระเบิดไว้ทั่วหมดแล้ว หากใครมีข้อสงสัยหยิบยกมาถามแม้คำเดียว ดิฉันก็จะให้ลูกน้องของดิฉันกดระเบิดได้ทั้งหมด”
ฮือ!
คำนี้พูดจบ ผู้คนในสนามกีฬากลัวกันใจหายหมด ในเพลานั้น ทุกอย่างเงียบจนขนาดได้ยินเสียงเข็มหล่นได้
ไวโอเล็ตกวาดตามองเหล่าบรรดาบ้านตระกูล พูดเสียงฟังชัดว่า “ที่นี่น่าจะรวมอยู่ทั้งหมดด้วยตระกูลยักษ์ใหญ่ทั้งเยี่ยนจิง หมิงจู เจียงเฉิงสามเมืองนะ ? ดิฉันจะให้โอกาสในการยอมแพ้แก่พวกท่านสักครั้ง ใครยอมสวามิภักดิ์ ดิฉันก็จะปล่อยพวกท่าน มิฉะนั้น ประตูนรกก็กำลังเปิดรอพวกท่าน!”
ฟังคำพูดของไวโอเล็ตแล้ว ไม่ว่าคนของหมิงจู หรือเจียงเฉิงและหรือทั้งตระกูลหลวงในเยี่ยนตู สีหน้าต่างออกอาการตื่นตระหนก
ไม่สวามิภักดิ์ ก็คือตาย
ในยามนั้น ทั่วทั้งบริเวณสนามกีฬาอบอวลเข้มข้นด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
ไวโอเล็ตหันไปมองหน้าหลินโป๋หลาย หลินโป๋หลายกดรีโมทในมือ
บรึม!
ระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง
“โอ๊ย!”
“ช่วยด้วย!”
ยังคงไม่มีการบาดเจ็บล้มตาย แต่ขวัญของคนที่อยู่ในบริเวณ ต่างค่อย ๆ พังทะลาย
“ยอมแพ้ หรือตาย ?”
เสียงของไวโอเล็ตยังคงอยู่เหนือบนสุด ก้องเวียนไปทั่วบริเวณสนามกีฬา
“ข้า ข้าตระกูลลู่ขอเลือกยอมสวามิภักดิ์……”
ในที่สุด ปรากฏผู้ยินยอมพ่ายแพ้ —- ตระกูลลู่แห่งเจียงเฉิงนั้นเอง