แกคือเจ้ามังกรใช่มั้ย?
หลินรั่วหวีถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติมาก
ปกติจนเหมือนกับกำลังคุยกันเรื่อยเปื่อย
แต่แววตาของถังเฉานั้นได้หรี่ลงเล็กน้อย
เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน หลังจากที่คำถามนี้ถูกถามออกมา บรรยากาศรอบๆ ก็ได้เปลี่ยนไป
สายลมที่หนาวเย็นพัดผ่าน บรรยากาศก็ดูกดดันขึ้นมา
หลังจากคำพูดคำนั้น บริเวณโดยรอบก็ดูเงียบไปอย่างน่าประหลาด
ผู้คนนั้นเดินผ่านไปผ่านมา รถยนต์ที่ขับสวนกัน
เยี่ยนจิงเป็นเมืองที่ผู้คนใช้ชีวิตกันค่อนข้างเร่งรีบ บนเหนือสะพานลอย ผู้คนเดินสวนกันไปมา สีหน้าเร่งรีบ และยังคอยก้มดูเวลาที่ข้อมือไปด้วย
เหมือนจะไม่มีใครได้สนใจบทสนทนาระหว่างถังเฉากับหลินรั่วหวีเลย
ตัวตนของเจ้ามังกร เหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็อยากรู้
สายตาของหลินรั่วหวีเหมือนราวกับเรดาร์ จับจ้องไปที่ใบหน้าของถังเฉาด้วยความกระตือรือร้น
หวังที่จะได้เจอพิรุธอะไรบ้าง
แต่เขากลับมองไม่เห็นอะไรเลย
ถังเฉาก็เหมือนกับทะเลที่กว้างใหญ่
“ใช่ครับ”
สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ ถังเฉาได้พูดยอมรับมัน
“เป็นแกจริงๆ ด้วย”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินรั่วหวีก็ค่อยๆ จางหายไป สายตาจ้องเขม็งไปที่ถังเฉา
“พ่อมองออกได้ยังไงครับ ว่าผมเป็นเจ้ามังกร?”
ถังเฉายังคงเป็นเหมือนเดิม รอยยิ้มที่อบอุ่นยังคงแสดงอยู่บนใบหน้า
แต่รอยยิ้มแบบนั้น ก็เป็นรอยยิ้มที่ความอบอุ่นค่อยๆ ลดน้อยลง
“ความรู้สึก”
“ความรู้สึกของผู้แข็งแกร่ง ความจริงมันก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งเหมือนกัน”
หลินรั่วหวีตอบ
แสงแดดสาดส่องลงมา ส่องมาที่ใบหน้าของเขา ทำให้ใบหน้าของเขาถูกชุบด้วยลำแสงสีทอง
ถังเฉายิ้มๆ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
แล้วบทสนทนานี้ก็สิ้นสุดลงแค่นี้
ความจริงตอนที่หลินรั่วหวีถามออกมาว่า “แกคือเจ้ามังกรใช่มั้ย” นั้น สิ่งแรกที่ถังเฉารู้สึกก็คือตกใจ
ตัวตนที่เขาคือเจ้ามังกรนั้น ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด
แล้วพ่อตานั้นรู้เรื่องได้ยังไง?
และในวินาทีต่อมา ในใจของเขาก็ได้รู้คำตอบ
เจ้ามังกรที่พ่อตาถามถึง มันไม่ใช่เจ้ามังกรนั่น แต่เป็น ‘เจ้ามังกร’ ที่เป็นนามแฝงของผู้เข้าแข่งขันนิรนามที่ใช้เข้าร่วมการประชุมแดนเหนือเท่านั้น
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้ถูกจับตามองดีๆ จากความพยายามอย่างเต็มที่ สุดท้ายก็เข้าไปเจอกับหลินรั่วหวีในรอบชิงจนได้
และต้องปะทะกันในศึกชี้ชะตา จะเป็นหรือตา ก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง
ถ้าไม่ได้ ‘ไวโอเล็ต’ ผู้บริหารสูงสุดของหวางเหลี่ยงเข้ามาขัดจังหวะละก็ ทั้งคู่ก็คงจะสู้จนอีกฝ่ายล้มลงแน่นอน
ในอีกนัยหนึ่ง ไวโอเล็ตก็ได้ช่วยถังเฉาเอาไว้ครั้งหนึ่ง ที่ทำให้เขาไม่ต้องสู้กับพ่อตาจนตาย
เพราะไม่ว่าหลินรั่วหวีจะตาย หรือถังเฉาต้องตายก็ตาม มันก็ทำให้หลินชิงเสว่สะเทือนใจมากๆ เหมือนกัน
เหยียบย่ำศพของอีกฝ่ายขึ้นรับตำแหน่ง ในมือเปื้อนเลือดของอีกฝ่าย ถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘คนร้ายที่ฆ่าคน’ สิ่งสุดท้ายที่จะได้มา ก็ต้องเป็นความห่างเหินกับความเย็นชาของหลินชิงเสว่เท่านั้น
“แกว่า ถ้าการต่อสู้ในวันนั้นไม่ถูกขัดจังหวะ สุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ?”
หลินรั่วหวีหันมองไปทางอื่น แล้วถามออกมาลอยๆ
“สุดท้ายคนที่ชนะจะเป็นผมครับ”
ถังเฉาตอบ
“แกรู้ได้ยังไง?”
หลินรั่วหวีจ้องมองถังเฉาด้วยความตกใจ
ถังเฉาจุดบุหรี่อีกมวน แล้วตอบไปว่า “ก็เพราะพ่อเป็นพ่อคนหนึ่งครับ”
“คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อนั้น สิ่งที่เป็นเรื่องเบสิคเลยก็คือ ไม่มีทางทำให้ลูกสาวของตัวเองต้องเสียใจแน่นอน”
“ด้วยเหตุนี้ ต่อให้ตัวเองต้องตาย ก็ไม่มีทางสังหารคนรักของลูกสาวด้วยมือของตัวเองแน่นอน”
“ดังนั้น ในศึกชี้ชะตา มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรอยู่ตั้งแต่แรกแล้วครับ”
พอพูดถึงตรงนี้ แววตาของถังเฉาก็ดูจริงจังขึ้นมามาก
หลินรั่วหวีมองถังเฉาไปหลายที จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างกะทันหัน “นี่ใช่มั้ยคือความมั่นใจของแก?”
“มันไม่ใช่ความมั่นใจ แต่มันคือความเข้าใจในตนเองต่างหากครับ”
ถังเฉาพูดแก้ไขอย่างจริงจัง “ผมเองก็เป็นพ่อคนหนึ่ง”
“ตอนแรกที่อยู่วาเลียนท์ วิลล่า ที่พ่อบังคับให้ผมเข้าร่วมศึกชี้ชะตา ตอนนั้นพ่อก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าผมอยู่แล้วใช่มั้ยครับ?”
ถังเฉาชะงักไป สายตาของถังเฉาดูดุร้ายขึ้นมา “พ่อคาดหวังให้มีใครสักคนเข้ามาขัดขวาง ใช่มั้ยครับ?”
หลินรั่วหวีหมดอารมณ์ที่จะพูดต่อทันที
“ในที่สุดฉันก็ได้รู้สักทีว่าทำไมฉันถึงได้เกลียดแกถึงขนาดขนาดนี้ เพราะทำลายบรรยากาศในการพูดคุยเก่งนี่เอง”
หลังทิ้งคำนี่ไว้ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย หลินรั่วหวีก็หันหลังแล้วเดินจากไป
“พ่อครับ”
จู่ๆ ถังเฉาก็เรียกออกมา
แผ่นหลังของหลินรั่วหวีชะงักไปเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้หันหลังกลับมา ขึ้นรถของตระกูลหลิน แล้วจากไปอย่างช้าๆ
ถังเฉาเองก็กลับไปหาหลินชิงเสว่
หลินชินเสว่ได้พุ่งเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “คุณไปคุยอะไรกับพ่อมาเหรอคะ?”
ถังเฉายิ้มๆ “ไม่มีอะไรครับ แต่ก็มีข่าวดีอยู่อย่างหนึ่ง พ่อคุณเริ่มยอมรับในตัวผมแล้วครับ”
พอหลินชิเสว่ได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเธอก็ได้แสดงรอยยิ้มที่ดีใจออกมา “จริงเหรอคะ?”
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของเธอกับถังเฉาก็คือการต่อต้านของหลินรั่วหวี ถ้าเขายอมอนุญาตให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน แบบนี้เสียงคัดค้านภายในตระกูลหลินก็จะลดลงไปบ้าง
การมีหลินโป๋หลายเป็นตัวตั้งตัวตีในการคัดค้าน หลังจากที่หลินโป๋หลายหายตัวไป มันก็น้อยไปมากเลย
บวกกับการกลับมาของลั่วเย่นหัว จึงทำให้ดูฐานะของหลินชิงเสว่นั้นมั่นคงมากขึ้น
เจียงไป๋เสว่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง พอเห็นถังเฉาหลินชิงเสว่ครอบครัวสามคนกำลังมีความสุข เธอก็ได้เผยรอยยิ้มที่เจ็บปวดออกมา
แค่อวยพรเท่านั้น แล้วความสุขของเธอล่ะ?
อยู่ที่ไหนกัน?
“จากนี้ไป คุณคิดจะเอายังไงต่อ?”
ถังเฉาหันกลับไป มองไปที่เจียงไป๋เสว่
เจียงไป๋เสว่เงียบไปพักใหญ่ ถึงได้พูดออกมาว่า “ไปหาท่านเจ้ามังกรที่ตระกูลหลงก่อน จากนั้น……ฉันก็ตั้งใจจะกลับไปที่ตระกูลเจียง ไปเคารพศพให้แม่ฉันค่ะ”
ถังเฉาพยักหน้า “ก็ดี ถึงตอนนั้นผมจะไปกับคุณแล้วกัน”
เจียงไป๋เสว่ไม่ได้ปฏิเสธ แค่แววตานั้นดูอบอุ่นขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น
ระหว่างทางที่เธอกลับไปที่ตระกูลเจียง จะต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมายแน่นอน การที่มีถังเฉาอยู่ด้วย มันก็จะทำให้เธอสบายขึ้นบ้าง
“ไปกันเถอะ ไปที่ตระกูลหลงกัน”
ทั้งสามคนโบกรถแท็กซี่คันหนึ่งแล้วมุ่งตรงไปที่ตระกูลหลงแห่งตระกูลหลวง
“นี่น้องชาย พวกนายก็ไปร่วมงานวันเกิดของเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลงด้วยสินะ?”
คนขับแท็กซี่ของเยี่ยนจิงนั้นอัธยาศัยดี พอเห็นทั้งสามคนมีออร่าที่ต่างกับคนทั่วไป ดูดีมีราศี บวกกับจุดหมายยังเป็นสถานที่แบบตระกูลหลง จึงได้ถามไปด้วยรอยยิ้ม
พวกถังเฉาหลินชิงเสว่นั้นอึ้งไปแปบหนึ่ง
“งานวันเกิดของเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลงเหรอครับ?”
“ก็ใช่นะสิ นี่พวกนายไม่รู้เหรอ? พิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลง”
“นั่นมันเป็นถึงงานเลี้ยงของพวกตระกูลหลวงเลยนะ ตระกูลที่มีสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหลงต่างก็ไปเยี่ยนเยียนกันทั้งนั้นเพื่อไปเข้าร่วมพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลง”
“เฮ้อ น่าเสียดายที่มันไม่ใช่งานที่คนระดับเราจะไปเข้าร่วมได้ ไม่อย่างนั้นฉันต้องไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
คนขับแท็กซี่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่อิจฉา
ถังเฉากับเจียงไป๋เสว่กันมาสบตากัน แล้วนึกถึงเรื่องราวบางอย่างในอดีต
ซิ่ว!
ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีรถซูเปอร์คาร์คันหนึ่งได้ขับแซงไป
คนขับแท็กซี่ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “นั้นมันรถของคุณชายเจียง เจียงเฉาไม่ไช่เหรอ? ป้ายทะเบียนยังไม่ทันได้เปลี่ยน แต่กลับเปลี่ยนรถใหม่ซะแล้ว”
ถังเฉาหันมองเจียงไป๋เสว่อีกครั้ง ไม่ต้องสงสัยเลย เจียงเฉาคนนี้ ต้องเป็นคนที่มาจากตระกูลเดียวกับเจียงไป๋เสว่แน่นอน——ตระกูลเจียง
ตระกูลหลงแห่งตระกูลหลวงนั้นตั้งอยู่คฤหาสน์ที่อยู่สุดเมืองทางใต้ของเขตเฉาเหยียนเยี่ยนจิง ตรงนี้ถูกตกแต่งไปด้วยสีแดงที่ยิ่งใหญ่
“จอดที่นี่เลยครับ”
ถังเฉาบอกให้จอดรถพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นก็จ่ายค่ารถ
แต่คนขับนั้นกลับส่ายหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่นี่ยังอยู่ไกลจากลานหลักของตระกูลหลงอีกหลายไมล์เลย พวกนายต้องเดินอีกไกล เดี๋ยวฉันจะส่งพวกนายไปเอง และไม่คิดค่ารถด้วย”
ถังเฉามองเข้าไปข้างใน และยิ้มออกมาเหมือนกัน “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากครับ”
คนขับแท็กซี่ของเยี่ยนจิงนั้นอัธยาศัยดีและเป็นกันเอง จนเป็นชื่อเสียงไปทั่วประเทศแล้ว
หลังจากที่คดเคี้ยวอยู่นาน ในที่สุดก็มีช่องว่างให้จอดสักที
แต่ที่ลานจอดนั้นแสดงบอกว่าเหลือที่จอดเพียงแค่ที่เดียวเท่านั้น
แต่ก็ได้มารู้ว่ามันได้ถูกคนขับเข้าไปแล้ว ซึ่งมันก็คือรถซูเปอร์คาร์คันนั้นนั่นเอง
รถของคุณชายเจียง เจียงเฉา
แต่ดูเหมือนว่าฝีมือการจอดรถของเจียงเฉานั้นจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ช่องจอดรถนี่ค่อนข้างแคบ หลังจากที่พยายามจอดไปหลายครั้งก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องขับรถออกมา
คนขับแท็กซี่นั้นเป็นคนขับที่มากประสบการณ์ หลังจากที่เจียงเฉาขับรถออกไป เขาก็ตีวงดริฟรถครึ่งวงสามารถจอดเข้าไปได้อย่างสบายๆ