พอคำพูดนี้ลั่นออกมา สีหน้าของหลงเจียเจียเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใบหน้าน่ารักเย็นยะเยือกอยู่เล็กน้อย “คนที่อยู่ที่นี่มาร่วมพิธีบรรลุนิติภาวะของฉัน ล้วนแต่มาเพื่อแสดงความยินดีกับฉัน ทำไมจะต้องยึดถือว่าต้องส่งของขวัญ?”
จัดงานบรรลุนิติภาวะ หลงเจียเจียไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะรับของขวัญอะไร
เป็นถึงเจ้าหญิงน้อยของตระกูลหลง มีชีวิตที่หรูหรามาตั้งแต่เด็ก ของขวัญที่ได้รับยังน้อยเหรอ?
ถึงขั้นที่บรรดาของขวัญมูลค่าสูง พวกเครื่องสำอางกับกระเป๋าแบรนด์เนมเธอล้วนชินชาไปหมดแล้ว
ยิ่งรวมไปถึงที่ตระกูลหลงเป็นพวกไลฟ์สไตล์แข็ง ๆ มาโดยตลอด ของกำนัลเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินไป ดังนั้นตัวของตระกูลหลงเองไม่ส่งเสริมการส่งมอบของกำนัลตลอดมา
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ต้าเซี่ยเป็นสังคมแห่งมารยาท ทุกครั้งที่ถึงวันเทศกาลก็จะต้องมอบของกำนัล นี่ถือเป็นประเพณีแล้ว
“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ ทุกคนล้วนแต่มาแสดงความยินดีกับคุณ นี่มันก็ไม่ผิด เพียงแต่ว่าของกำนัลเป็นวิธีที่สามารถใช้แสดงน้ำใจได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุดอย่างหนึ่ง”
มีเสียงพูดคล้อยตามดังมาจากงานเลี้ยงอีกเสียงหนึ่ง
เป็นเจียงเฉา เขาเองก็ยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน มองทุกคนแล้วเอ่ยว่า “เชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ในงานเลี้ยงจะต้องมีของกำนัลที่เตรียมมาเพื่อเจียเจียแน่ ใช่หรือไม่?”
แขกทั้งหมดทยอยกันพยักหน้า
“ไม่ผิด มีอย่างที่ไหนจะไม่เตรียมของขวัญก่อนจะมาเข้าร่วมงานเลี้ยง?”
“เจียเจีย ฉันซื้อของขวัญให้เธอมาตั้งนานแล้วก่อนหน้านี้”
“…”
ดวงตาของถังเฉากับหลินชิงเสว่ก็หรี่ลงน้อย ๆ ตามจากคำพูดเหล่านี้ มองเจียงเฉานั่นนานขึ้นอีก
เขาไม่ได้พูดมานานมากแล้ว ถังเฉายังคิดว่าเขาจะซื่อ ๆ นึกไม่ถึงว่าจะมาปลุกปั่นความชั่วร้ายได้
หลงเจียเจียเองก็ไม่พูดอะไรแล้ว ทุกคนล้วนมีเจตนาดี เธอเองก็ไม่สามารถจะปฏิเสธได้
แต่ตัวเธอเองก็ยังคงไม่อยากจะรับของขวัญอยู่ดี ทำได้เพียงหันกลับไปมองไปยังท่านเจ้ามังกร
ท่านเจ้ามังกรเองก็กำลังลังเลใจ ขมวดคิ้วกันแน่น
เจียงเฉาเอ่ยคล้อยตามอย่างไม่รอช้า “ท่านเจ้ามังกรไม่ต้องกังวลไป นี่ไม่ใช่การติดสินบน เป็นเพียงน้ำใจที่จะอวยพรวันเกิดก็เท่านั้น”
“คุณชายเจียงพูดถูก รับไว้เถอะ”
“นั่นเป็นน้ำใจของพวกเรา”
……
แขกคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันพยักหน้า เอ่ยคล้อยตาม
บางทีการจะทำให้ทุกคนพอใจนั้นเป็นเรื่องยาก ท่านเจ้ามังกรจึงทำได้เพียงตอบตกลง
“อย่างนั้นก็ได้ ล้มเลิกพิธีการที่ไม่จำเป็นทั้งหมด”
บึ้ม!
พอคำนี้ลั่นออกมา สายตาของแขกทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที
ถึงว่าจะล้มเลิกของกำนัล แต่อย่างน้อยท่านเจ้ามังกรก็รับของกำนัลไม่ใช่หรือ?
ตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลทยอยกันเอาของกำนัลที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกออกมา ทุกคนต่อแถวกันมอบของขวัญ
มองดูฉากนี้ เจียงเฉากับฉู่หยังก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังถังเฉา บนใบหน้ามีสีหน้าลำพองใจ
พวกเขาล้วนแต่เตรียมของขวัญกันมาล่วงหน้า แต่แค่ดูก็รู้ว่าพวกของถังเฉาไม่ได้เตรียมมา
พอถึงเวลาทุกคนก็ส่งของกำนัลมา มีแต่พวกเขาที่ไม่ได้เตรียมมา ขายหน้าอย่างถึงที่สุดจริง ๆ
หลินชิงเสว่กลัวว่าถังเฉาจะลำบากใจ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยไปว่า “หรือไม่ ให้ฉัน…”
ถังเฉาโบกมือ เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ไม่จำเป็น ของขวัญผมเตรียมมาแน่นอนอยู่แล้ว”
หลินชิงเสว่ยังอยากพูดอะไรอยู่อีก แต่มองดูถังเฉาที่มีท่าทางสงบเยือกเย็น เธอจึงไม่พูดอะไรอีก
เวียนมาถึงตาฉู่หยังแล้ว ฉู่หยังกระแอมเคลียร์คอ จากนั้นก็ล้วงหยกจากภาคตะวันตกที่เจียงเฉามอบให้เขาออกมา แล้วส่งออกไป
“ท่านเจ้ามังกร นี่เป็นหยกจากภูมิภาคตะวันตกที่ผมใช้เงินจำนวนมากซื้อมาจากภูมิภาคตะวันตก ผ่านการปลุกเสกกับพระสงฆ์แล้ว ว่ากันว่าจะนำพาความโชคดีมาให้กับผู้ที่ห้อยคอไว้ ตอนนี้ผมขอมอบมันให้กับเจียเจียครับ”
พูดจบสองมือก็มอบหยกจากภูมิภาคตะวันตกไป
หลงเจียเจียตะลึงทันที สิ่งที่แขกคนก่อน ๆ มอบให้ถ้าไม่ใช่กระเป๋าก็เป็นอัญมณี ไม่มีความคิดสร้างสรรค์เลยแม้แต่น้อย
กลับกัน หยกสีโลหิตที่ฉู่หยังมอบให้นี้แหวกแนวกว่าผู้อื่นเป็นอย่างมาก
มองดูสีหน้าบนใบหน้าของหลงเจียเจียแล้ว ในใจของฉู่หยังก็เกิดความหวังขึ้นมา
เขารู้ว่าของขวัญชิ้นนี้ทำให้หลงเจียเจียชื่นชอบ
เขารีบตีเหล็กตอนยังร้อน เอ่ยต่อไปว่า “เจียเจีย ผมจริงใจกับคุณนะครับ ผมหวังว่าหยกชิ้นนี้จะสามารถกลายเป็นประจักษ์พยานระหว่างเราสองคนได้”
“คุณปู่หลงเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เป็นสักขีพยานด้วยนะครับ”
ฉู่หยังเอ่ยด้วยความนอบน้อมและจริงใจ
ท่านเจ้ามังกรไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เอ่ยกับหลงเจียเจียว่า “เอาหยกนี้มาให้ปู่ดูหน่อยซิ”
หลงเจียเจียเอาหยกส่งให้ท่านเจ้ามังกรอย่างเคารพนบนอบ
ท่านเจ้ามังกรสวมแว่นสายตายาว พิจารณาดูอยู่นาน จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“เป็นหยกที่มาจากภูมิภาคตะวันตกจริง ๆ เจียเจีย รับไว้เถอะ”
“ค่ะ คุณปู่”
แม้แต่ท่านเจ้ามังกรก็พูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นหลงเจียเจียก็ทำได้แค่รับเอาไว้แล้ว
คลึงอยู่ในมือ บนใบหน้าของหลงเจียเจียไม่ปกติอยู่บ้าง มองฉู่หยังอย่างกลัดกลุ้มแวบหนึ่ง
ความรู้สึกนี้ เหมือนกับว่าเธอรับของขวัญจากฉู่หยังอย่างไรอย่างนั้น
ในใจของฉู่หยังปลื้มปีติมาก กลับไปตีเจียงเฉาอย่างโหดเหี้ยมทันที “สำเร็จแล้วจริง ๆ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นายเป็นพี่น้องของฉัน”
ในใจของเจียงเฉาตื่นเต้นขึ้นมาทันที อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายฉู่ ต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องตลกของพวกเขาแล้ว!”
ฉู่หยังเองก็หันกลับไปมองถังเฉาแวบหนึ่ง “ใช่ ดูซิว่าต่อไปเขาจะมอบของขวัญอะไรให้”
ด้วยความรวดเร็ว คนในงานเลี้ยงส่งมอบของขวัญกันเสร็จแล้ว ของขวัญที่อยู่ข้าง ๆ หลงเจียเจียกองสุมกันเป็นภูเขา
ในตอนนี้ฉู่หยังก็มาอยู่ตรงหน้าของถังเฉา มองถังเฉาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ถังเฉาใช่ไหม? คนอื่นเขามอบของขวัญกันหมดแล้ว ทำไมแกไม่แสดงออกอะไรสักนิดเลยล่ะ?”
ฉู่หยังตั้งใจเอ่ยประโยคนี้เสียงดังมาก ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที
ตอนนี้ทุกคนล้วนแต่ใช้สายตาที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมากมองถังเฉา ราวกับเขาเป็นสัตว์ประหลาด
“จริงด้วย พวกเราล้วนแต่มอบของขวัญกันแล้ว มีเพียงแกที่ยังไม่ได้มอบ หรือว่าพวกแกมาดื่มฟรีกินฟรีหรืออย่างนั้นเหรอ?
เจียงเฉาเองก็พูดตามอยู่ข้าง ๆ
หลงเจียเจียดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นยืนพูดแทนถังเฉาว่า “พี่ถังกับพี่ไป๋เสว่ไม่เหมือนกัน ขอเพียงพวกเขามาก็เพียงพอแล้ว”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้นะ”
เจียงเฉาพูดอย่างไม่ช้าไม่เร็ว บนใบหน้ามีรอยยิ้ม “วันนี้เป็นวันเกิดของคุณเจียเจีย คุณเป็นใหญ่ที่สุด พวกเขาไม่ได้แสดงออกอะไรเลยแม้แต่น้อย เข้ามามือเปล่าแบบนี้ ไม่เคารพต่อคุณ”
“พูดอย่างละมุนละม่อมก็คือไม่เก็บเอาคุณไปใส่ใจ พูดอย่างร้ายแรงก็คือไม่เห็นตระกูลหลงอยู่ในสายตา!”
ทั้งสองคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ยืนยันโทษแล้วว่าพวกของถังเฉามาดื่มฟรีกินฟรี
พูดจบ เจียงเฉาก็มองไปยังถังเฉาอีก “แก แกไม่ใช่บอกว่าแกเจ๋งมากหรอกหรือ? แม้แต่คุณหนูคุณชายของตระกูลเย่กับตระกูลฉินก็ล้วนแต่เรียกแกว่าพี่น้อง เอาของขวัญมาสักชิ้นหนึ่ง น่าจะไม่ลำบากแกเกินไปหรอกมั้ง?”
ฉู่หยังก็เอ่ยกับถังเฉาว่า “ฉันรู้ว่าแกไม่ได้เตรียมมา อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ฉันให้แกเตรียมสักครึ่งชั่วโมง ส่งมาที่ตระกูลหลงโดยตรง!”
พูดจบมุมปากของเขาก็ผุดรอยยิ้มเย็นขึ้นมา เขาจะลองดูซิว่าถังเฉาจะเอาของขวัญวันเกิดแบบไหนออกมา
หลงเจียเจียยังอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ท่านเจ้ามังกรกลับโบกมือ มองถังเฉาด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม
ภายใต้สถานที่ที่มีผู้คนมาชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก ท่านเจ้ามังกรไม่อาจพูดออกไปตรง ๆ ได้ว่ารู้จักกับถังเฉา จึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณชายฉู่หยังจากตระกูลฉู่มอบหยกจากภูมิภาคตะวันตกพวงหนึ่งให้กับหลานสาวที่น่ารักของผม แล้วคุณจะเอาอะไรมามอบให้กับหลานสาวของผมล่ะ?”
ทุกคนฟังจบ สีหน้าก็เปลี่ยนกันไปทั้งหมด
ฉู่หยังกับเจียงเฉาตะลึง แป๊บเดียวใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเบิกบานใจ
ปกติพอผู้อาวุโสเจอกับสถานการณ์แบบนี้ จะต้องไกล่เกลี่ยเอ่ยว่าไม่ต้องการของกำนัลแล้ว แต่ท่านเจ้ามังกรกลับไม่ทำอย่างปกติ นึกไม่ถึงว่าจะซักถามหาของขวัญกับถังเฉาด้วยตัวเอง
“นี่เป็นโอกาสที่ท่านเจ้ามังกรให้คุณแสดงอานุภาพ”
เจียงไป๋เสว่พูดอยู่ข้าง ๆ ถังเฉาอย่างเรียบเฉย
ถังเฉาพยักหน้า แน่นอนว่าเขาดูออกแล้ว
เพียงแต่ว่านี่เป็นโอกาสหนึ่ง และก็เป็นการทดสอบหนึ่ง
การทดสอบที่ท่านเจ้ามังกรมีต่อเขา
ถึงอย่างไร ทั้งสองคนก็ไม่ได้เจอกันมาห้าปีแล้ว สิ่งที่ทดสอบไม่ได้มีเพียงการสังเกตสิ่งที่อยู่ในใจของผู้อื่นจากสีหน้าและคำพูดของเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังทดสอบนิสัยของเขาอีกด้วย
หลังจากชั่งใจอยู่ครั้งหนึ่ง ถังเฉาก็ผุดยิ้มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ผมกับชิงเสว่มากันอย่างเร่งรีบ ไม่ได้เตรียมของขวัญมาระหว่างทาง เช่นนั้นก็ใช้ทักษะที่เพิ่งเรียนมา มอบภาพเขียนพู่กันให้เจียเจียหนึ่งภาพแล้วกัน”
เสียงราบเรียบของถังเฉาดังสะท้อนทั่วทั้งในโถงงานเลี้ยง ทำให้ทั้งสถานที่นั้นเงียบสงัด
ทุกคนล้วนแต่มองถังเฉาราวกับเห็นผี
ทุกคนล้วนแต่มอบของที่เป็นรูปธรรม เขากลับส่งภาพเขียนพู่กันหนึ่งภาพ?
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…”
ฉู่หยังกับเจียงเฉามีปฏิกิริยาโต้ตอบก่อน หัวเราะครื้นเครงกันเสียงดัง
โดยเฉพาะฉู่หยัง หัวเราะจนน้ำตาแทบเล็ดออกมา
“แก ฉันว่าแกนี่มันน่าตลกจริง ๆ แกมอบภาพเขียนพู่กันภาพหนึ่ง? มอบภาพเขียนมีประโยชน์อะไรหรือ? หวังว่าต่อไปเจียเจียจะตั้งใจเล่าเรียน อนาคตก้าวไกล?”
“หรือจะบอกว่าตัวอักษรที่แกเขียนแต่ละตัวมีค่าพันตำลึงทอง?”
ถังเฉาไม่ได้โมโห บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสบาย ๆ “ที่คุณพูดมานั้นถูกแล้ว ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ชีวิตคนเรายาวนานอย่างหาที่สุดมิได้ การปรารถนาที่จะเรียนรู้จึงจะเป็นศรีแก่ตัว”
“คิดว่าหลังจากปลดเกษียณแล้วท่านเจ้ามังกรก็น่าจะศึกษาอยู่ตลอดใช่ไหมครับ?”
ถังเฉามองไปยังท่านเจ้ามังกร หัวเราะหึหึพลางเอ่ยถามขึ้น
ฉู่หยังมึนงง จากนั้นก็มองไปยังท่านเจ้ามังกรด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
นึกไม่ถึงว่าท่านเจ้ามังกรจะพยักหน้าตรง ๆ “ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ การดำเนินชีวิตหลังเกษียณน่าเบื่อเกินไป แต่ละวันก็เล่นหมากรุก เขียนตัวอักษร แล้วก็มีเรื่องขำขันอื่น ๆ อีก”
ขวับ!
พอคำพูดนี้ลั่นออกมา พวกของฉู่หยังกับเจียงเฉาในตอนนี้ก็มองอย่างตกตะลึง
พูดจนเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของหัวใจของท่านเจ้ามังกรแล้วจริง ๆ หรือ?
ถังเฉายิ้มแล้วเอ่ยต่อไปว่า “นอกจากนี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะพูดไม่ได้ว่าตัวอักษรของผมจะถึงขั้นหนึ่งตัวอักษรมีค่าพันตำลึงทอง แต่ก็น่าจะสามารถถูกคนที่มีความเข้าใจและรักในตัวอักษรให้ความสำคัญได้นะครับ”
บึ้ม!
พอคำนี้ลั่นออกมา ทุกคนก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง บนใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความเยาะหยัน
“แกคิดว่าแกเป็นยอดกวีจางหยู่ซึงหรือไง? ทั้งยังหนึ่งตัวอักษรพันตำลึงทองอีก?”
“ถ้าหากว่ายอดกวีจางหยู่ซึงมาถึงที่นี่จริง ๆ แกมันก็เป็นพวกโอ้อวดความสามารถที่ไม่รู้จักสำเหนียกตัวเอง!”
……
บนใบหน้าของบรรดาแขกเหรื่อล้วนแต่มีความเหน็บแนม จากนั้นก็มองไปยังชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่ที่นั่งแถวหลัง
ก็คือยอดกวีจางหยู่ซึง
สวมชุดบัณฑิตสมัยโบราณ แต่ก็ยังสง่างาม แต่บนใบหน้าของเขาไม่มีท่าทีดูแคลนใด ๆ ตรงกันข้าม กลับมองถังเฉาอย่างแปลกใจอยู่บ้าง
เขาคิดไม่ถึง ว่าในสังคมที่เร่งร้อนไม่หยุดนิ่งในตอนนี้จะยังมีคนมอบของขวัญที่มาจากพู่กันกับน้ำหมึกอยู่?
“พี่น้อง การเขียนภาพวาดพู่กันไม่ได้ง่ายเหมือนที่แกคิดนะ ลำพังแค่เขียน ๆ ไปยังไม่พอ ยังต้องคิดด้วย”
จางหยู่ซึงเตือนด้วยความหวังดี “คิดว่าจะเขียนให้เชื่อมกันอย่างไร จึงจะสอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน เกิดแรงบันดาลใจมาเขียนตัวอักษร จึงจะสามารถปิดจบได้”
ถังเฉายิ้ม ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแค่เอ่ยว่า “ขอหมึกกับพู่กันหน่อยครับ”
มีพู่กัน น้ำหมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกส่งมาให้ด้วยความรวดเร็ว ถังเฉาเลือกพู่กันด้ามหนาหนึ่งด้าม จากนั้นก็กะน้ำหนักพู่กันกับน้ำหมึกเล็กน้อย หลังจากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง
“แสร้งฉลาด”
ฉู่หยังหัวเราะเยือกเย็นในใจ เขาไม่เชื่อว่าถังเฉาจะเขียนภาพเขียนพู่กันออกมาอย่างได้มาตรฐานได้อย่างสิ้นเชิง
ที่จริงแล้วการเขียนตัวอักษรให้ดี วาดภาพให้ดีด้วยตัวเองนั้น พูดออกมาแล้วดูปราดเปรื่องมาก แต่ว่าในปัจจุบันคนที่สามารถเขียนตัวอักษรหรือวาดภาพให้ดีนั้นมีอยู่น้อยมากเหลือเกิน ลองไม่ระวังเพียงนิดเดียวก็จะเปลี่ยนจากดูฉลาดกลายเป็นดูโง่ไปเลย
แม้แต่หลินชิงเสว่เองก็มองถังเฉาอย่างประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าเขายังจะสามารถเขียนภาพเขียนพู่กันได้ด้วย
“ฮื่อ!”
ถังเฉาพ่นเสียงต่ำออกมาอย่างช้า ๆ จากนั้นก็กวัดแกว่งเล็กน้อย เริ่มจรดพู่กัน