“เฉาจื่อ เป็นอะไรไป รู้จักกันหรอ?”
เพื่อนในแก๊งข้างๆเห็นหน้าเจียงเฉากลายเป็นสีดำทมิฬอย่างกับก้นหม้อ จึงเอ่ยถาม
เจียงเฉาพยักหน้า “เคยมีปัญหากันที่ลานจอดรถ”
จากนั้นเจียงเฉาก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง แน่นอนว่าข้ามรายละเอียดตอนที่ตัวเองจอดรถไม่ได้ไป
ฟังจบ เพื่อนในแก๊งถึงกับมึน
“อะไรนะ? ไม่มีบัตรเชิญยังเข้ามาได้ พวกเขาเป็นคนใหญ่คนโตมาจากไหนหรอ?”
“คนใหญ่คนโตบ้าบออะไรล่ะ พวกเขาลอบเข้ามาเว้ย!”
“แต่ที่แปลกคือคุณลุงหลงตั้งใจจะจับพวกเขาอยู่แล้ว ทำไมถึงยังปล่อยให้พวกเขาเข้ามากันนะ?”
เจียงเฉาสบถเสียงดัง ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปม
ก่อนไป เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าหลงเฟยกั๋วสั่งคนไปจับถังเฉาแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็เข้ามาอย่างปกติดี และโผล่มาที่งานเลี้ยงตระกูลหลงด้วย
เกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างนี้ เขาคิดจนหัวแหลกก็คิดไม่ออก
“หรือพวกเขาลงมือกับคุณลุงหลง?”
นอกจากเหตุผลนี้ เจียงเฉาคิดเหตุผลอื่นไม่ออกจริงๆ
และต้องถูกคนมากมายขนาดนี้จ้องมอง หลินชิงเสว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่ชอบโดนจ้องแบบนี้เลย
“ถังเฉา เราไปตรงโน้นกัน”
หลินชิงเสว่ชี้ทะเลสาบสรรค์สร้าง พลางกล่าว
“ได้”
ถังเฉาและหลินชิงเสว่เดินไปทางทะเลสาบสรรค์สร้าง ทว่ามีเสียงตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดดังไล่หลังมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“แก ไอ้คนไม่เอาไหนคิดจะหนีไปไหน”
หืม?
ถังเชาขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมอง ก็เห็นเจียงเฉาและเพื่อนในแก๊งเขายืนอยู่ด้านหลัง ตะโกนใส่เขาด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ
ถังเฉากวาดตามองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เดินทอดน่องออกไปทางทะเลสาบสรรค์สร้างกับหลินชิงเสว่โดยไม่สนใจ
“บ๊ะ กล้าเมินฉันรึ แกจะโอหังเกินไปแล้ว!”
“ทำร้ายคุณลุงหลงแล้วยังกล้าโผล่มาที่งานเลี้ยงอีก แกเห็นบอดี้การ์ดของตระกูลหลงเป็นเพียงของประดับหรือไง?”
เจียงเฉาไล่ตามขึ้นไปด้วยสีหน้าโมโห และขวางทางไปของพวกถังเฉา
ถังเฉาและเจียงไป๋เสว่สายตาเย็นเยียบ แม้แต่คนใจเย็นอย่างหลินชิงเสว่ยังมีสีหน้าเย็นยะเยือกลง
เจียงเฉาคนนี้อย่างกับแมลงวัน ส่งเสียงร้องหึ่งๆอยู่รอบตัวพวกเขาตลอดเวลา ไล่ก็ไล่ไม่ไป
“เจียงเฉาใช่มั้ย? ฉันขอเตือนแกไว้อย่างนะ ถ้าไม่อยากถูกไล่ออกจากตระกูลเจียง อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉัน”
น้ำเสียงถังเฉาเย็นยะเยือก เขาพูดอย่างเย็นชา
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าอนาคตจะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเยี่ยนจิง ถังเฉาไม่ยอมปรานีแน่
หากตระกูลเจียงผู้ยิ่งใหญ่รู้ว่าเจียงเฉาล่วงเกินเขา เจียงเฉาต้องโดนไล่ออกจากตระกูลแน่
“ฮ่าๆๆๆ…….”
แต่พอได้ฟังสิ่งที่ถังเฉาพูด เจียงเฉากลับหัวเราะจนน้ำตาแทบไหล
“แกเป็นแค่เขยแต่งเข้าที่เกาะผู้หญิงกิน บังอาจพูดจาแบบนี้กับฉันหรอ? เห็นแก่ที่แกเป็นสามีของคุณหลิน ฉันจะไม่เอาเรื่องแก ขอแค่กยอมรับว่าแกลอบเข้ามาโดยไม่มีบัตรเชิญ และทำร้ายคุณลุงหลงทั้งยังหนีไปอีก แล้วฉันจะปล่อยแกไป”
เจียงเฉาหน้าตาไม่แยแส เขามองถังเฉาอย่างผู้เหนือกว่า และพูดด้วยน้ำเสียงประหนึ่งชี้แนะ
นอกจากทำร้ายหลงเฟยกั๋วแล้วหนีมาที่นี่ เจียงเฉานึกไม่ออกว่าทำไมถังเฉาถึงปรากฏตัวที่นี่ได้
และคำพูดของเขา ทำเอาแขกเหรื่อรอบๆให้ความสนใจ
พวกเขามองถังเฉาด้วยสีหน้าตะลึง
“ที่แท้เขาคือสามีของหลินชิงเสว่หรอ!”
“ไม่มีบัตรเชิญนั่นมันเรื่องอะไรกัน? หรือว่าสามีของคุณหลินแอบเข้ามาหรอ?”
“ทำร้ายคุณลุงหลงนั่นเรื่องอะไรกัน?”
เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบๆ ทุกคนเข้าใจผิดตามคำพูดของเจียงเฉา
หลินชิงเสว่สีหน้าอึมครึมลง “ถ้าคุณพูดแบบนี้อีก ฉันจะฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาท”
“ขอพูดอีกครั้ง สามีของฉันไม่ได้ลอบเข้ามา พวกเราได้รับเชิญอย่างเป็นทางการจากคุณปู่หลง”
“อีกอย่าง สามีของฉันไม่ได้ลงมือทำร้ายใคร”
ที่หลินชิงเสว่พูดเป็นความจริง แต่ตอนนั้นเจียงเฉาไม่อยู่ เขาจึงไม่เชื่อ
“ผู้นำหลงเชิญพวกคุณรึ? ทำไมเราไม่รู้เรื่องนี้ล่ะ? อีกอย่าง พวกคุณมีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณปู่หลง?”
“หลายปีมานี้คุณไปใช้ชีวิตอยู่ที่หมิงจู กลับมาเยี่ยนจิงสักกี่ครั้งเชียว”
“ไหนจะเรื่องคุณลุงหลงอีก ก่อนฉันไปฉันเห็นว่าคุณลุงหลงจะจับสามีคุณ ตอนนี้สามีคุณกลับยืนสบายดีอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ใชทำร้ายคนแล้วหนีจะมีเหตุผลอะไรอีก?”
“คุณหลิน ต่อให้คุณจะปกป้องสามีของคุณก็ต้องดูสถานการณ์ด้วยสิครับ เหตุผลโง่ๆแบบนั้นคิดจะหลอกใครกัน?”
เจียงเฉายิ่งพูดยิ่งใส่อารมณ์ เรื่องพวกนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเขา แต่แม้แต่ตัวเขาเองยังเชื่อ และพูดอย่างใส่อารมณ์มากด้วย
หลินชิงเสว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คนที่สนิทกับเธอรู้ดีกว่านี่คือสัญญาณก่อนที่เธอจะระเบิดอารมณ์
แต่ถังเฉาดึงเธอไว้ “ไม่ต้องอธิบายให้เขาฟังหรอก ต่อให้คุณบอกความจริงกับเขา เขาก็ไม่เชื่อ”
หลินชิงเสว่ตอบอื้มเบาๆ หน้าเขียวอย่างอารมณ์ไม่ดี
ตอนที่ถังเฉากำลังจะโดนจับ เธอกับเจียงไป๋เสว่อยู่ที่นั่น และเห็นหลงเฟยหยู่กลับมาพร้อมห้ามหลงเฟยกั๋วกับตา
แต่พอผ่านปากเจียงเฉา กลับกลายเป็นว่าทำร้ายคนแล้วหนี
“ฮ่าๆ พูดไม่ออกล่ะสิ พวกคุณทำร้ายคนแล้วหนี แต่ยังกล้ามางานวันเกิดของเจียเจีย เรื่องนี้ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ”
“แต่ในเมื่อมาแล้วก็อย่าไปไหนอีกเลย ตอนนี้บุคคลสำคัญตระกูลหลงยังไม่มา รอให้พวกเขามาลงทัณฑ์พวกคุณด้วยตัวเองเถอะ!”
เจียงเฉาเอ่ยเสียงเย็น
วันนี้เขาต้องสั่งสอนถังเฉาสักตั้งให้ได้ ใครใช้ให้เขามาล้อเลียนเรื่องที่ตัวเองถอยรถไม่เป็น แล้วยังตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับตัวเองในทุกๆเรื่อง
เขาเป็นคนใจแคบมาก
“เกิดอะไรขึ้น? พิธีบรรลุนิติภาวะของน้องสาวผมกำลังจะเริ่มแล้ว มามีเรื่องอะไรกันที่นี่?”
ขณะนั้น มีหนุ่มสาวบุคลิกโดดเด่นเหนือใครกลุ่มหนึ่งเดินออกจากคฤหาสน์
คนที่เดินนำอยู่คือชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าในชุดสูทสีฟ้า ท่าทางองอาจ
เสียงตะคอกเมื่อกี้ก็มาจากเขานี่แหละ
ฟึ่บ!
คล้อยหลังการเดินออกมาของชายหนุ่มสูงสง่าในชุดสูทสีฟ้า แขกเหรื่ออายุน้อยในที่นี้ตะลึงกันหมด
“หลงหวูหุ่ย! หลงหวูหุ่ยกลับมาหรือนี่!”
“ผู้นำที่อายุน้อยที่สุดแห่งสนามรบเยี่ยนจิงเขตย่อยนี่!”
“เขาคือคนที่มีโอกาสสูงสุดในการถูกคัดเลือกเข้าหน่วยหลักกองทัพปราณมังกรเลยนะ น่าเสียดายที่มีคนสองคนที่เก่งกาจกว่าเขา ห่างเพียงก้าวเดียวจริงๆ”
“……”
ทุกคนซุบซิบกันไปต่างๆนานา และมีคุณหนูเยาว์วัยหน้าตาสะสวยจำนวนหนึ่งมองเขาด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม ปลาบปลื้มจนแทบคุมตัวเองไม่อยู่
ใบหน้าด้านข้างของหลงหวูหุ่ยคมดั่งใบมีด สายตาดุดัน ไม่ต้องโมโหก็มีความน่าเกรงขาม ดูก็รู้ว่าเป็นผู้นำได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เขามีต้นทุนพอที่จะหยิ่งผยอง เขาไม่ใช่แค่เป็นคนที่ดีเด่นที่สุดในคนรุ่นหนุ่มสาวของตระกูลหลง แต่สถานะของเขาที่เยี่ยนจิงก็เหนือกว่าผู้อื่นด้วย
ถึงตอนนั้นจะไม่ได้ถูกรับเข้าหน่วยหลักกองทัพปราณมังกร แต่อะไรที่สูญเสียไป อาจจะนำไปสู่เส้นทางใหม่ๆอีกมากมาย ตอนนี้เขาได้เป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดแห่งสนามรบเยี่ยนจิงเขตย่อย ต่อให้เป็นคนดังในบางสังคมระบบ ก็เคารพยำเกรงเขาเป็นอย่างมาก
วันนี้เป็นพิธีบรรลุนิติภาวะอายุสิบแปดปีของน้องสาวเขา เขาจึงลาหยุดหนึ่งวันเพื่อหลงเจียเจีย
เห็นได้เลยว่าเขาให้ความสำคัญกับพิธีบรรลุนิติภาวะของน้องสาวตัวเองแค่ไหน
เขาไม่ยอมให้ใครมีเรื่องกันในพิธีบรรลุนิติภาวะหรอก
เจียงเฉาดีใจขึ้นมา เขารีบไปอยู่ข้างกายหลงหวูหุ่ย ชี้ถังเฉาพลางบอก “พี่หวูหุ่ย เขานี่แหละคนที่ก่อเรื่อง”
หลงหวูหุ่ยมองถังเฉา พลันหรี่ตาลงทันที
“นายเองหรือ?”
ถังเฉาก็คิดไม่ถึงว่าหลงหวูหุ่ยจะมา หน้าตาตะลึงเหมือนกัน
แต่ความตะลึงนั้นอยู่เพียงแปปเดียวก็ถูกแทนที่ด้วยความสงบ เขาพยักหน้านิ่งๆ
“ฉันเอง”
สายตาของหลงหวูหุ่ยทอดไปที่เจียงไป๋เสว่ที่อยู่ข้างๆ
เจียงไป๋เสว่พยักหน้าเบาๆให้เขา ถือว่าเป็นการทักทาย
ถังเฉาพบว่าสายตาที่หลงหวูหุ่ยมองเจียงไป๋เสว่ แฝงไว้ด้วยความซับซ้อนและความรำลึก
“ทำไมพวกนายถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
หลงหวูหุ่ยดึงสายตากลับไป มองไปที่ถังเฉาอีกครั้ง
ถังเฉาหัวเราะเบาๆ “คุณปู่หลงเชิญมาให้เป็นแขกที่ตระกูลหลง แต่กลับโดนพวกต่ำช้าปรักปรำ คำถามนี้นายควรจะถามเขา”
ถังเฉาชี้เจียงเฉา
เจียงเฉาใจกระตุกวูบ ก่อนจะโมโหยิ่งกว่าเดิม เขาตะโกน “พี่หวูหุ่ย ไอ้หนุ่มนี่ถือว่าภรรยาตัวเองคือหลินชิงเสว่แห่งตระกูลหลิน บุกเข้ามาในงานเลี้ยงทั้งที่ไม่มีบัตรเชิญ และเป็นไปได้ว่าทำร้ายคุณลุงหลงไปด้วยครับ!”
“มีเรื่องแบบนี้รึ?”
สายตาหลงหวูหุ่ยอึมครึมลง เขาจ้องถังเฉาด้วยสายตาคมกริบ
คนธรรมดาถูกหลงหวูหุ่ยจ้องแบบนี้คงกลัวจนขยับตัวไม่ได้ไปนานแล้ว แต่ถังเฉากลับเหมือนไม่รู้สึกไม่รู้สา นอกจากสีหน้าจะเรียบเฉยเหมือนเดิมแล้ว มุมปากยังเผยอขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ห้าปีแล้วนะ นายยังวู่วามเหมือนเดิม มิน่าล่ะนายถึงอยู่ล้าหลังฉันตลอด”
ถังเฉาหัวเราะเบาๆ
ตู้ม….
พอคำพูดนี้ถูกเอื้อนเอ่ยออกไป ที่ตรงนั้นเงียบกริบลงในบัดดล หัวของทุกคนเกิดเสียงอื้ออึง
ผู้นำที่อายุน้อยที่สุดแห่งสนามรบเยี่ยนจิงเขตย่อยเคยอยู่ล้าหลังถังเฉาหรือนี่?
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?
อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ขนาดหลินชิงเสว่เองยังทำหน้าเหลือเชื่อ
ตอนนี้เธอรู้อยู่แล้วว่าถังเฉาเป็นสมาชิกของกองทัพปราณมังกร แต่คิดไม่ถึงว่ามีประวัติแบบนี้ด้วย
หน้าตาหลงหวูหุ่ยอึมครึมลงทันที สายตาที่เขามองถังเฉาเต็มไปด้วยความความเป็นปรปักษ์
เขาเป็นถึงโอรสสวรรค์ มีอะไรที่น่าอับอายไปกว่าไล่ตามเด็กหนุ่มมุทะลุที่ไร้ซึ่งเบื้องหลังอีก?
ที่สำคัญกว่านั้น แม้แต่ผู้หญิงที่เขามีใจให้ยังประทับใจต่อกันกับเขาในตอนนั้น เขาที่ต้องอยู่ตรงกลางรู้สึกแย่สุดๆ
เจียงเฉาก็อึ้งไป เขาคิดไม่ถึงว่าถังเฉาและหลงหวูหุ่ยรู้จักกันมาก่อน
พูดให้ถูกคือ หลงหวูหุ่ย ถังเฉา เจียงไป๋เสว่สามคนรู้จักกันมาก่อน
มาพบกันอีกครั้ง เจียงไป๋เสว่ถึงนิ่งสงบขนาดนั้น
ห้าปีก่อน ถังเฉาเข้าไปเป็นตัวสำรองในกองทัพปราณมังกรในฐานะเด็กใหม่ ตอนนั้นไม่มีใครเห็นเด็กหนุ่มมุทะลุที่มาใหม่คนนี้อยู่ในสายตา
รวมถึง หลงหวูหุ่ย
แต่เรื่องราวหลังจากนั้นเกิดความคาดหมายเขาสุดๆ
ถังเฉานำหน้าเขา กลายเป็นตัวสำรองอันดับหนึ่ง
และปลื้มกันและกันกับเจียงไป๋เสว่ที่เป็นดาวกองทัพในตอนนั้น
ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกหลงหวูหุ่ยในตอนนั้นหรอก
มาพบกันอีกครั้งหลังจากผ่านไปห้าปี ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามาหาหลงหวูหุ่ย
“ล้าหลังนายแล้วยังไง ห้าปีต่อมานายก็สู้ฉันไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่รึไง?”
แต่ไม่นานนัก หลงหวูหุ่ยก็ตระหนักได้
เขายิ้มอย่างดูหมิ่น สายตาที่มองถังเฉาเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน
“ดูนายในตอนนี้สิ ยังไงตอนนั้นก็เป็นถึงอันดับหนึ่งนะ ตอนนี้กลับมีสภาพแบบนี้ ไปเป็นเขยแต่งเข้า ทำได้แค่หลบอยู่หลังผู้หญิง”
หลงหวูหุ่ยมองถังเฉาด้วยสายตาเวทนาอย่างมาก สีหน้าสลด
“ฉันไม่ใช่ว่าจะดูถูกคุณหลินหรอกนะ คุณหลินดีมากและสวยมาก แต่ยิ่งคุณหลินดีเท่าไหร่ นายถังเฉาก็ยิ่งขายขี้หน้าเท่านั้น เข้าใจมั้ย?”
“นายไม่ได้แค่ขายขี้หน้าตัวเอง แต่ขายขี้หน้าฉันด้วย แล้วยังขายขี้หน้าสหายที่เคยร่วมรบกันมาอีกด้วย”
“นาย คือความอัปยศของเรา”