พรึบ…
เว่ยหมิงจวินเพิ่งจะประกาศประโยคนี้เสร็จ ในสถานที่นั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นหู
แขกทุกคนทยอยกันชูแก้วเป็นนัยให้กับหลินจ้าวหยูน
“จ้าวหยูน ต่อไปเธอก็จะเป็นเจ้าหญิงองค์เดียวของตระกูลหลินแล้ว แล้วก็เป็นทายาทคนเดียวเช่นกัน!”
“น่าอิจฉาจริง ๆ เลย ต่อไปพวกเราต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ!”
……
พอเห็นฉากนี้แล้ว ถังเฉากับหลินชิงเสว่ที่ปะปนอยู่ในฝูงชนก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าแล้วเล็กน้อย
ในดวงตาของถังเฉาถึงขั้นมีประกายมืดครึ้มวาบผ่าน
เรื่องที่เขากังวลมากที่สุดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
แต่งตั้งให้หลินจ้าวหยูนเป็นเจ้าหญิงเพียงองค์เดียวของตระกูลหลิน แล้วตำแหน่งของหลินชิงเสว่อยู่ที่ไหนล่ะ?
หลังจากที่หลินจ้าวหยูนกลับมาที่เยี่ยนจิงแล้ว ถังเฉาก็มีลางสังหรณ์บางอย่างว่าสองพี่น้องจะค่อย ๆ ห่างกันไป ตอนนี้พัฒนามาทางทิศทางนี้จริง ๆ
ถังเฉามองไปยังหลินชิงเสว่ ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรสักหน่อย หลินชิงเสว่กลับฝืนยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ หลังจากนี้ไปฉันก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเยี่ยนจิง ฉันจะมีฐานะเป็นเจ้าหญิงหรือไม่มันก็ไม่เป็นไรหรอก”
ดังนั้นถังเฉาจึงถอนหายใจอยู่ในใจ
อย่ามองว่าตอนนี้หลินชิงเสว่ตอบรับไว้ดิบดี ถังเฉารู้ดีว่าเธอมีความรู้สึกแสลงใจต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
เว่ยหมิงจวินไม่ได้ค้นพบว่าถังเฉากับหลินชิงเสว่อยู่ที่นี่ด้วย รอยยิ้มบนใบหน้าก็หวานปานน้ำผึ้ง
เธอแต่งเข้าตระกูลหลินมาเมื่อยี่สิบปีก่อน ที่รอมาไม่ใช่เวลานี้หรืออย่างไร?
เธอเป็นภรรยาของหลินรั่วหวีมายี่สิบกว่าปีแล้ว ปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่องมาโดยตลอด รับบทเป็นแม่บ้านที่มีคุณธรรมอยู่ในขนบธรรมเนียมเพื่อใครกัน?
เพื่อตัวเองหรือ?
แน่นอนว่าไม่ใช่ เพื่อหลินจ้าวหยูนลูกสาวของเธอต่างหาก!
หลินจ้าวหยูนเป็นลูกสาวของเธอกับหลินรั่วหวี ขอเพียงเธอสามารถยืนในตระกูลหลินได้อย่างมั่นคง เธอถึงจะมีชื่อเสียงเงินทองไปตลอดชาติได้
ถึงอย่างไรลูกสาวของเธอกุมอำนาจ เธอที่เป็นมารดา ก็ต้องได้อยู่อย่างพระราชชนนีอย่างแน่นอน
แต่ว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ ระยะห่างจากเป้าหมายนี้ยังมีเรื่องยุ่งยากอยู่อีกเรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือหลินชิงเสว่
หลินชิงเสว่มาจากไหนกัน?
ลูกสาวที่เกิดจากลั่วเย่นหัว หญิงงามอันดับหนึ่งของเยี่ยนจิง ภรรยาคนแรกของหลินรั่วหวีกับเขา?
แต่ว่าในสายตาของเว่ยหมิงจวิน หลินชิงเสว่คืออันตรายที่แฝงเร้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุกคามลูกสาวของเธออยู่!
เธอคิดหาวิธีการต่าง ๆ นานา มาขับไล่หลินชิงเสว่ออกจากตระกูลหลินมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว
หลินรั่วหวีมอบอำนาจให้เธอ ตอนนี้เธอก็คือเจ้าแม่ของตระกูลหลิน
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหลินรั่วหวีจะซ่อนลับลมคมในอะไรไว้อยู่ แต่มอบอำนาจให้เธอ เว่ยหมิงจวินเบิกบานใจมาก
แต่ว่า ลำพังแค่อาศัยเรื่องนี้เว่ยหมิงจวินก็ยังไม่กล้าจะทำลายฐานะของหลินชิงเสว่ แล้วแต่งตั้งหลินจ้าวหยูนให้ถูกต้อง
ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากกลายเป็นเจ้าแม่ตระกูลหลินแล้วเธอเองก็มีสิทธิ์จะตรวจสอบบัญชีแผนผังวงศ์ตระกูล
เธอได้ค้นพบความลับใหญ่ความลับหนึ่งที่เพียงพอที่จะทำให้หลินชิงเสว่พ่ายแพ้อย่างหมดรูป!
ดังนั้นเธอถึงได้มีความกล้าประกาศแต่งตั้งหลินจ้าวหยูนให้ถูกต้องเช่นนี้!
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนกำลังแสดงความยินดี จะมีเพียงหลินจ้าวหยูนที่ถูกแสดงความยินดีเท่านั้นที่ขมวดคิ้วแน่น
“แม่… พี่ล่ะคะ… ท่านลืมพี่สาวไปแล้วหรือ…”
“แกหุบปากซะ!”
สีหน้าของเว่ยหมิงจวินเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ตวาดด้วยความเดือดดาล
แขกทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีล้วนแต่มองเว่ยหมิงจวินด้วยใบหน้าประหลาดใจ
ตอนนี้เว่ยหมิงจวินจึงได้ปรากฏรอยยิ้มออกมา เอ่ยว่า “จ้าวหยูนเพิ่งจะก้าวเข้ามาในวงสังคม ยังไม่เข้าใจอะไร ขายหน้าทุกคนแล้ว”
นิ่งไปพักหนึ่ง เธอก็หันหลังไปถลึงตาใส่หลินจ้าวหยูนอย่างเหี้ยมเกรียม “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอก็คือเจ้าหญิงองค์เดียวของตระกูลหลิน เจ้าหญิงก็ต้องมีท่าทางเฉกเช่นเจ้าหญิง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกจะต้องเอาเวลาทั้งหมดไปศึกษาเล่าเรียน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐศาสตร์ หรือว่าศาสตร์แห่งการลงทุน หรือการวิเคราะห์ความเสี่ยงก็ด้วย จะมีเจ้าหน้าที่เฉพาะทางมาสอนแก… จำเอาไว้ แกเป็นลูกสาวของฉันกับหลินรั่วหวี จะด้อยกว่าหลินชิงเสว่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เข้าใจหรือยัง?”
พอคำนี้ลั่นออกมา สีหน้าของถังเฉากับหลินชิงเสว่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
สีหน้าของหลินจ้าวหยูนก็ไม่น่ามองอย่างถึงที่สุด
เธอเคยคิดมาก่อนว่าถ้ากลับมาเยี่ยนจิงจะหมดอิสระ แต่คิดไม่ถึงว่าแรงกดดันจะมากขนาดนี้ เรียนมากมายขนาดนี้ในทีเดียว จะเรียนรู้ได้อย่างไร?
ยิ่งรวมไปถึงเธอที่ชอบเที่ยวเล่นมาแต่กำเนิด มีนิสัยไม่มีภาระกังวลใด ๆ นี่มันต่างกับการเอาชีวิตของเธอตรงไหนกัน?
“แม่คะ หนูไม่ต้องการ…”
หลินจ้าวหยูนพยายามช่วงชิงอิสรภาพของตัวเองสุดชีวิต ทว่ากลับถูกเว่ยหมิงจวินตัดหนทาง
“ไม่ได้ แกไม่มีสิทธิ์มาปฏิเสธฉัน ตอนนี้แกไม่ใช่เด็กแล้ว แต่เป็นผู้จัดการใหญ่ของธุรกิจในนามของตระกูลหลินแห่งตระกูลหลวง ถ้าทำอะไรไม่เป็นเลยจะได้อย่างไร?”
เว่ยหมิงจวินดุด่าเสียงดัง แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าที่นี่จะมีคนอยู่เยอะ
ดังนั้นหลินจ้าวหยูนจึงไม่พูดอะไรอีก ในดวงตามีน้ำตาคลอขัง ท่าทางไร้ชีวิตชีวา
ทันใดนั้นเธอก็ไม่อยากกลายเป็นคุณหนูของตระกูลหลินแล้ว
“พอแล้ว! ฉันไม่เห็นด้วย!”
ทันใดนั้น ในที่เกิดเหตุก็มีเสียงผู้หญิงเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความโมโห
สถานที่นั่นเงียบสงัดในทันใด แขกทุกคนล้วนแต่หันมามองคนที่เอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้าประหลาดใจ
แม้แต่เว่ยหมิงจวินก็มีใบหน้าแปลกใจ มองทะลุฝูงชนไปหยุดชะงักอยู่บนใบหน้าของหลินชิงเสว่
ชั่วพริบตาที่สี่สายตาประสานกัน สีหน้าของเว่ยหมิงจวินก็เปลี่ยนไปทันที
“พี่คะ!”
หลินจ้าวหยูนกลับมีใบหน้าตื่นเต้น อยากจะวิ่งไปอยู่ข้าง ๆ หลินชิงเสว่ แต่กลับถูกเว่ยหมิงจวินขัดขวางเอาไว้
“จำฐานะของแกเอาไว้ แกคือเจ้าหญิงของตระกูลหลิน จะไปอยู่ใกล้กับหญิงสามัญชนคนหนึ่งแบบเธอทำไม?”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ ไปยืนอยู่ข้างหลัง!”
เว่ยหมิงจวินเอ่ยตะคอกเสียงดัง
หลินจ้าวหยูนได้แต่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างว่าง่าย
ฉากนี้อยู่ในสายตาของถังเฉากับหลินชิงเสว่ ยิ่งทำให้พวกเขาเกิดความเดือดดาลอยู่ในใจ
โดยเฉพาะหลินชิงเสว่ที่ดวงตาทั้งคู่แทบจะพ่นไฟออกมา
เธอเดินก้าวยาว ๆ ไปทางเว่ยหมิงจวิน
แขกที่อยู่รอบ ๆ ทุกคนต่างมองหน้ากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัด
แป๊บหนึ่งเว่ยหมิงจวินเพิ่งจะประกาศว่าหลินจ้าวหยูนจึงจะเป็นเจ้าหญิงองค์เดียวของตระกูลหลิน อีกแป๊บหนึ่งหลินชิงเสว่ก็มาแล้ว ไม่ได้เท่ากับว่าเว่ยหมิงจวินประกาศเรื่องนี้ต่อหน้าของเธอหรอกหรือ?
“นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะกลับมาแล้ว!”
เว่ยหมิงจวินมองหลินชิงเสว่ด้วยสายตามืดครึ้ม
ถังเฉาตามมาอยู่ด้านหลังของหลินชิงเสว่ จ้องเธอด้วยสายตาหนาวยะเยือกเช่นเดียวกัน
หลินชิงเสว่รูปร่างสูงกว่าเว่ยหมิงจวินหนึ่งช่วงศีรษะ กดสายตามองเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “ตระกูลนี้ถึงทีเธอมาดูแลเรื่องในตระกูลเมื่อไหร่กัน?”
ในดวงตาของเว่ยหมิงจวินมีความหวาดกลัววาบผ่านในชั่วพริบตา แต่ในมือของเธอคลึงไพ่ที่ยังไม่ได้เปิดอยู่ จึงไม่หวาดกลัวโดยสิ้นเชิง
เว่ยหมิงจวินหัวเราะเยาะครั้งหนึ่ง “ดูเหมือนเธอจะยังไม่รู้สินะว่ารั่วหวีได้มอบอำนาจไว้ให้กับฉันแล้ว ตอนนี้ผู้ที่กุมอำนาจก็คือฉัน ฉันแต่งตั้งให้ลูกสาวของฉันเป็นคุณหนูของตระกูลหลินแต่เพียงผู้เดียว หรือว่ามีอะไรผิดงั้นเหรอ?”
สายตาของถังเฉาเย็นชายิ่งขึ้น “จ้าวหยูนเป็นคุณหนูของตระกูลหลินนั้นไม่ผิดหรอกครับ แต่ดูเหมือนว่าชิงเสว่เองก็เป็นเหมือนกันใช่ไหมล่ะครับ? คุณมองข้ามชิงเสว่ไปตรง ๆ ไม่เคารพเธอเกินไปแล้ว”
เดิมคิดว่าเว่ยหมิงจวินจะหวาดผวา นึกไม่ถึงว่าเว่ยหมิงจวินไม่เพียงแต่ไม่หวาดกลัว กลับกันรอยเยาะหยันบนใบหน้ายิ่งชัดขึ้น
“ถังเฉาเอ๋ย ฉันต้องพูดขอโทษนายด้วยนะ เมื่อก่อนฉันไม่ควรพูดว่านายไม่คู่ควรกับชิงเสว่ นายคู่ควร พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกัน เป็นกิ่งทองใบหยกเสียจริง!”
คำพูดของเว่ยหมิงจวินมีความประชดประชัน ถังเฉาฟังแล้วขัดใจเป็นอย่างยิ่ง หลินชิงเสว่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“หมายความว่าอย่างไรยังต้องให้ฉันพูดอีกเหรอ?”
เว่ยหมิงจวินพูดอย่างหัวเราะเยาะ จากนั้นเธอก็ชี้ไปทางประตูใหญ่ “ขอโทษที่ฉันต้องพูดตรง ๆ นะ ตอนนี้พวกเธอไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเหยียบเข้ามาในประตูใหญ่ตระกูลหลินด้วยซ้ำ!”
บึ้ม!
เว่ยหมิงจวินขับไล่กันอย่างไม่รักษาน้ำใจเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแต่เป็นคนฉลาด พวกเขาฟังความไม่ปกติอย่างคลุมเครือจากในคำพูดของเว่ยหมิงจวินออก
หลินจ้าวหยูนเองก็เอ่ยถามขึ้น “แม่คะ ทำไมท่านถึงได้ไล่พี่ออกไปล่ะคะ?”
เว่ยหมิงจวินหัวเราะเสียงเย็น “ดี ในเมื่อพวกเธอยังจงใจจะเข้ามาให้ได้อย่างไม่ละอาย เช่นนั้นฉันก็จะบอกพวกเธอเองว่าทำไม”
นาทีต่อมาเธอก็ชี้ไปยังหลินชิงเสว่ เอ่ยด้วยเสียงอันดังว่า “ที่จริงแล้วเดิมทีเธอไม่ใช่คนของตระกูลหลิน ความลับนี้ถูกปกปิดมายี่สิบกว่าปี ตอนนี้ก็ควรจะประกาศแก่ทุกคนแล้ว!”