ยามดึก ที่วิลล่าในเขตเจียงจิ้ง เยี่ยนจิง
เอี๊ยด!
ไฟหน้าที่ส่องประกายตัดผ่านความมืด รถซูเปอร์คาร์สีดำคันหนึ่งได้เข้ามาจอดในลานด้านหน้า
เด็กชายมั่งคั่งคนหนึ่งลงจากรถมาพร้อมกับสองสาวฝาแฝดแสนสวยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
สองสาวพี่น้องนั้นเดิมไวน์กันมาเล็กน้อย ใบหน้าที่เล็กนั้นแดง พวกหล่อนพิงแขนของชายหนุ่มอย่างอ่อนแรง
หลังจากเข้าห้องนอน ทั้งสามคนก็ได้พลิกตัวมีความสัมพันธ์กันไปมาอย่างรวดเร็ว
น้องสาวก็ได้พูดอย่างเบลอๆออกไปว่า “คุณชายจางคะ โฆษณาเมื่อกี้คุณเห็นหรือเปล่า?การจับฉลากที่ซอยตงเฉินจะเริ่มในวันพรุ่งนี้แล้วนะ”
จางขุยที่กำลังถาโถมอยู่นั้นก็ไม่ได้มีเวลามาสนใจในสิ่งที่น้องสาวพูด จึงพูดอย่างว่าไปทีว่า “ดูแล้ว ทำไมเหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้นคอนโดชุนเจียงเฉิงเมื่อเทียบกับซอยตงเฉินแล้วก็คงดูอ่อนแอมากเลยสินะ”
น้องสาวพูด
“ใช่ ฉันล่ะอยากไปนอนค้างที่ซอยตงเฉินสักคืนจัง”
ตัวพี่สาวเองก็คล้อยตาม
ใบหน้าของจางขุยนั้นเยาะเย้ยอย่างน่ารังเกียจ
ที่ซอยตงเฉิน ต่อให้ฉันเป็นเศรษฐีร่ำรวยแต่ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับจดหมายเชิญ พวกหล่อนสองคนก็เป็นคนบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อนก็ยังจะอยากเข้าไปที่ซอยตงเฉินอีกนะ
ไม่ต้องพูดหรอกว่าสองสาวฝาแฝดนี่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปในซอยตงเฉิน ต่อให้เข้าไปได้แล้ว พวกหล่อนก็จะหลงทางกันอยู่ดี!
ซื่อเหอย่วนกับวิลล่านั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซื่อเหอย่วนนั้นใหญ่เกินกว่าที่จะจินตนาการได้เสียอีก!
ในสมัยโบราณนั้น มีแต่ขุนนางผู้มีเกียรติเท่านั้นถึงจะได้อาศัย ถือเป็นผลผลิตทางประวัติศาสตร์สมัยโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ หากมีใครบุกเข้ามาโดยที่ไม่มีแผนที่ล่ะก็ พวกเขาจะหลงทางแน่!
“คุณชายจางคะ คุณไม่ได้บอกเหรอว่าในเยี่ยนจิงไม่มีใครที่คุณไม่รู้จัก?สมาคมการค้าเก้าราชาอะไรนั่น คุณไปขอจดหมายเชิญมาสักสองสามใบสิคะ พวกเราเองก็อยากเข้าไปดูด้วย”
“ใช่ใช่ นี่คือซื่อเหอย่วนเลยนะคะ ฉันเคยเห็นก็แต่ในโทรทัศน์เท่านั้น ที่อื่นก็ไม่อนุญาตให้เข้าไป”
ซื่อเหอย่วนนั้นถือเป็นผลผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ของเยี่ยนจิง ล้ำค่าและมีชื่อเสียงเลื่องลือ ยกเว้นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติบางอย่างที่เป็นของสาธารณะของประเทศ นอกจากสาธารณสมบัติของประเทศแล้ว ที่เหลือบางส่วนก็จะเป็นสถานที่ส่วนตัว
แม้ว่าต้องการจะเข้าไป ก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสถานที่ที่สูงเสียดฟ้า
เนื่องจากน้องสาวนั้นเป็นคนเริ่ม พี่สาวเองจึงให้ความสนใจ สองสาวพี่น้องก็ต่างโวยวายให้จางขุยพาไปเปิดโลก
ใบหน้าของจางขุยนั้นมืดมนราวกับก้นหม้อ สีหน้ามืดมน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพาไปหรอกนะ แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปได้!
แต่ต่อหน้าผู้หญิงของตนแล้ว เขาก็ไม่อยากจะเสียหน้านัก
จางขุยทำได้เพียงหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับโทรไปถามคนในตระกูลของเขา
ตระกูลจางในเยี่ยนจิงนั้นไม่ถือว่าใหญ่มาก ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเป็นตระกูลชนชั้นกลาง
แน่นอนว่าตระกูลแบบนี้ไม่มีทางเข้าไปได้อย่างแน่นอน เมื่อพ่อของจางขุยรู้เข้าก็ได้ดุด่าเขาไปรอบหนึ่ง
“ถ้าแกอยากจะไป พรุ่งนี้ก่อนที่จะมีการจับฉลากที่ซอยตงเฉิน จะมีการจัดการจับฉลากอสังหาริมทรัพย์ล่วงหน้าไว้และจะมีที่สำหรับพลเรือนอยู่”
นี่คือคำพูดเดิมของพ่อจางขุย
จางขุยตกตะลึงครู่หนึ่งและทันใดนั้นก็มีความคิดขึ้นมา
ไม่สามารถจับฉลากของซอยตงเฉินแต่ได้ไปดูอสังหาริมทรัพย์อื่นๆก็ไม่เลวเลย!
“ได้ พรุ่งนี้ฉันจะพาพวกหล่อนสองคนไปดูเอง!”
จางขุยตอบรับอย่างรวดเร็ว
ซอยตงเฉินนั้นอยู่ภายใต้ชื่อของสมาคมการค้าเก้าราชา ขนาดของฉากในงานไม่น่าเล็กอย่างแน่นอน เป้าหมายมีแค่ตระกูลใหญ่ๆและตระกูลหลวงในเยี่ยนตูเท่านั้น
ตระกูลชนชั้นกลางอย่างตระกูลจางนั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม
แต่สมาคมการค้าเก้าราชาเองก็ได้คำนึงถึงสิ่งนี้ ก่อนที่อาหารหลักจะมาก็จะมีการเสิร์ฟ‘อาหารเรียกน้ำย่อย’เสียก่อน
การจับสลากอสังหาริมทรัพย์ล่วงหน้านั้นอยู่ภายใต้สมาคมการค้าเก้าราชาและเปิดให้กับประชาชนทั่วไป
แท้จริงแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เขตเมืองหลวงโบราณ ขอเพียงเป็นคนท้องถิ่นก็สามารถมีทรัพย์สินเพียงพอสำหรับซื้ออสังหาริมทรัพย์เหล่านี้
ในยุคที่ราคาบ้านพุ่งกระฉูด โดยเฉพาะในเมืองซื่อจิ่ว การมีบ้านสักหลังนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
มวลชนคนทั่วไปก็ถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่เช่นกัน
ในเช้าตรู่ของวันถัดไป เมื่อดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้น ถนนสายหลักของวงแหวนที่หนึ่งและสองนั้นขวักไขว่เต็มไปด้วยรถรา
ยานพาหนะเกือบทั้งหมดขับไปในทิศทางเดียว–สมาคมการค้าเก้าราชา
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสถานที่ที่สมาคมการค้าเก้าราชาได้จัดงานจับฉลากอสังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ที่ศูนย์การค้าของวังคริสตัลนั่นเอง
ครอบครัวทั้งสามคนของถังเฉานั้นได้มาถึงที่วังคริสตัลประมาณเก้าโมงเช้า
ในเวลานี้ ผู้คนได้รวมตัวกันแน่นแล้ว
คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับท้องถิ่น คนรวยหรือแม้แต่ดาราจากสถาบันที่มีชื่อเสียง
ถังเฉาและหลินชิงเสว่เดินเข้าไปด้านในแต่ไม่มีใครจำพวกเขาได้
อย่างไรก็ตาม จำนวนคนที่มากขึ้นนี้ล้วนแต่เป็นคนที่ร่ำรวยเงินทอง เป็นคนไม่มีภูมิหลังอะไร จุดประสงค์ในการมาของพวกเขานั้นก็คือหนึ่ง เพื่อมาดูการจับฉลากในช่วงกลางวันและสอง เพื่อทำความรู้จักกับเหล่าคนผู้มีอำนาจ
“ว้าว!คนเยอะจังเลย!”
“คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนรวยสินะ…”
“ไร้สาระน่า ไม่ดูหน่อยเหรอว่าวันนี้มันวันอะไร ช่วงกลางวัน อสังหาริมทรัพย์ภายใต้สมาคมการค้าเก้าราชาจะเปิดตัว ส่วนตอนกลางคืนก็จะมีการจับฉลากซื่อเหอย่วนในซอยตงเฉิน คนจะไม่เยอะได้ยังไงกัน?”
“คนแค่นี้ พวกหล่อนก็ทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้ ฉันจะบอกอะไรพวกหล่อนให้ ตอนกลางวันน่ะคนแค่นี้นั้นไม่ถือว่ามีอะไรหรอกนะ แต่พอตกกลางคืนเท่านั้นแหละ พวกหล่อนจะรู้เลยว่าอะไรที่เรียกว่าคนล้นหลามของจริง!”
“พอถึงเวลานั้น พวกตระกูลหลวงในเยี่ยนตูเอย พวกบุคคลสำคัญจากตระกูลใหญ่ๆเอยก็จะอยู่ที่นั่นกันหมด ว่ากันว่าคุณบ้าการค้า ผู้นำสมาคมการค้าเก้าราชาก็จะมาด้วย!”
“รู้ไหมว่าคุณบ้าการค้านั้นเป็นใคร?ตำนานวงการธุรกิจต้าเซี่ย ติดอันดับหนึ่งในเจ็ดของชีชือ ตามตำนาน เขาเทียบได้กับวอร์เรน บัฟเฟตต์เลย คำแนะนำของเขาสามารถทำให้บริษัทที่ล้มละลายไปแล้วกลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง!”
“เก่งกาจขนาดนี้เลย!”
ในเวลานี้เอง บทสนทนานี้ก็ดังเข้ามาในหูของถังเฉา เมื่อถังเฉาได้ยินก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
บ้าการค้า ถูกเรียกให้เป็นเทพเจ้าแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเสียงของชายที่กล่าวเรื่องชาติบ้านเมืองนั้นคุ้นซะเหลือเกิน เมื่อถังเฉามองไปก็เห็นผู้หญิงสองคนและชายหนึ่งคนนั่งอยู่บนพื้นหญ้าในสวนไม่ไกลนัก
พวกเขาคลอเคลียกันอย่างมีความสุข สองสาวฝาแฝดกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของจางขุย จางขุยนั้นกำลังพูดถึงความคิดเห็นของเขาอย่างตื่นเต้นจนน้ำลายกระเด็นออกมา
“ฉันเดาว่า การจับฉลากของซอยตงเฉินในค่ำคืนนี้นั้นถูกภายในกำหนดมาแล้ว รายชื่อที่ถูกกำหนดนั้นอยู่ในเก้าตระกูลใหญ่ในเยี่ยนตูนี่แหละ”
“ฉันค่อนข้างที่จะสนใจตระกูลหลิน เพราะว่าแตกต่างจากตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ตระกูลหลินนั้นไม่มีซื่อเหอย่วนที่เป็นของตนเองเลย อีกทั้งซื่อเหอย่วนเองก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลหลวง มันไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสที่ล้ำค่าเช่นนี้มา ตระกูลหลินจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะแย่งชิงมาแน่ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด!”
จางขุยได้ชี้แนะถึงเรื่องบ้านเมือง ทำนายถึงสถานการณ์ในค่ำคืนนี้ราวกับว่าเขานั้นสนิทชิดเชื้อกับตระกูลหลวงในเยี่ยนตูเป็นอย่างมาก
“เก่งมากเลย…”
สองสาวฝาแฝดมองไปที่จางขุยอย่างหลงใหล “จางขุย คุณเข้าได้แต่วังคริสตัลในตอนกลางวันเหรอคะ ฉันอยากดูงานวังคริสตัลตอนกลางคืนด้วยจัง”
“ฉันก็อยาก”
สองสาวฝาแฝดมองไปที่จางขุยตาปริบๆ
“บอกกับพวกหล่อนกี่ครั้งแล้วว่าดูแค่ตอนกลางวันก็พอแล้ว อยากจะเข้าไปดูตอนกลางคืนงั้นเหรอ?ฝันไปเถอะ?”
จางขุยตอบกลับอย่างไร้ความอดทน
การที่เขาพาสองสาวฝาแฝดมา เดิมทีก็ไม่ได้ตัดสินใจจะซื้อบ้านอะไรอยู่แล้ว มาดูเพื่อความสนุกเท่านั้น
“แต่พวกหล่อนวางใจเถอะ ฉันยังเด็กอยู่ สิบปี ให้เวลาฉันสักสิบปี ฉันจะต้องเข้าไปในคริสตัลได้อย่างแน่นอน!”
ใบหน้าของจางขุยกล่าวอย่างมั่นใจ
“พร๊วด!”
หลังจากจางขุยได้กล่าวคำสาบานที่ดูน่าเชื่อถือและจริงใจนั้นด้านหลังก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา
“อืม?”
จางขุยรีบลุกยืนขึ้นราวกับหนูที่โดนเหยียบหางในทันที จับจ้องไปที่ถังเฉาและหลินชิงเสว่ด้วยความโกรธ
เมื่อถูกพบเห็นแล้ว ถังเฉาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจแม้แต่น้อย เขาฝืนยิ้มและพูดว่า “ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ เชิญนายต่อ เชิญนายต่อได้เลย”
หลังจากพูดจบ ก็ตัดสินใจพาหลินชิงเสว่เดินออกไป
สติของจางขุยและสองสาวฝาแฝดนั้นกลับมา ใบหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“ที่แท้ก็เป็นนาย สามีเศษเดนของชิงเสว่!”
“ผู้ชายเศษเดนอย่างนาย นี่มันหนีไม่พ้นจริงๆ ไปที่ไหนก็เจออยู่ได้!”
“ก็แค่ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกิน ยังจะกล้ามาพูดถึงคุณชายจางอีกเหรอ!”
สองสาวฝาแฝดเริ่มโจมตีด้วยวาจาที่รุนแรงต่อถังเฉาทันที
ส่วนจางขุยนั้นด่าไปหนึ่งทีก็ไม่ด่าต่อ ในสถานการณ์เช่นนี้นั้นไม่เหมาะสมจริงๆ ที่จะสบถด้วยวาจาด้วยคำด่า มันส่งผลต่อภาพลักษณ์
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาดูไม่ได้ ทั้งโกรธทั้งอับอาย ตนนั้นชี้เรื่องของเรื่องบ้านเมืองอยู่ดีๆ ถังเฉาก็พูดขึ้นมาขนาดนี้ นี่เขาไม่ต้องการหน้าตาทางสังคมแล้วอย่างงั้นเหรอ?
เมื่อเห็นว่าตนเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น แต่ฝ่ายตรงข้ามนั้นกลับเห่าอย่างกับไอ้หมาบ้า รอยยิ้มของถังเฉาก็ได้เลือนหายไป ดวงตานั้นดูน่ากลัว
“สามีคะ”
หลินชิงเสว่นั้นคว้าถังเฉาเอาไว้ เธอใช้สายตาสื่อบอกให้ถังเฉาหยุด นั่นจึงทำให้รัศมีบนร่างกายของถังเฉานั้นอ่อนลง
ครอบครัวสามคนจึงได้ตัดสินใจที่จะเดินออกไป แต่จางขุยนั้นไม่ยอมที่จะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ
“ชิงเสว่ เธอมาที่นี่ได้ยังไงกันน่ะ?”
จางขุยขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปที่หลินชิงเสว่และถาม
คนที่มาที่นี่ได้นั้นจะต้องร่ำรวยมหาศาลเท่านั้น
หากเป็นหลินชิงเสว่เมื่อก่อน จางขุยคงไม่กล้าที่จะแตะต้องทำอะไรอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้หลินชิงเสว่นั้นถูกไล่ออกจากตระกูลหลินแล้ว ไม่ใช่เจ้าหญิงคนโตของตระกูลหลินอีกต่อไป เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ฐานะนั้นต่างกับเขามากโข จางขุยนั้นไม่เชื่อว่าหลินชิงเสว่นั้นจะยังปฏิบัติกับเขาอย่างเย่อหยิ่งเหมือนเมื่อก่อนอีก
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของหลินชิงเสว่เย็นลงในทันที เธอถามอย่างแผ่วเบา “ฉันอยู่ที่ไหนแล้วจะต้องคอยรายงานนายหรือไง?”
“เธอ—”
ก็ยังคงเหมือนแต่ก่อน ยังคงเย็นชาและทำตัวเย่อหยิ่งสูงศักดิ์
จางขุยก็พาลโกรธในทันใด ทันใดนั้นเขาก็ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรออก เขาหัวเราะออกมา
“อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว พวกเธอยังซื้อบ้านไม่ได้ก็เลยมาที่นี่เพื่อดูบ้านใช่ไหมล่ะ?”
“พวกเธอปล่อยวางซะเถอะ แม้ว่าที่คริสตัลในตอนกลางวันจะมีการเปิดกิจการของพวกอสังหาริมทรัพย์ แต่พวกเธอก็คงไม่มีปัญญาซื้อหรอก ราคาบ้านของเยี่ยนจิงน่ะแพงกว่าที่หมิงจูเป็นหลายเท่า!”
เสียงของจางขุยดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากในทันที พวกเขาต่างมองมาที่หลินชิงเสว่ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็พากันกระซิบกระซาบ
“นั่นไม่ใช่คุณหนูคนโตจากตระกูลหลินหรอกเหรอ ทำไมถึงมาซื้อบ้านได้ล่ะ?”
“เธอจะซื้อบ้าน แค่พูดออกมาคำเดียวก็จัดการได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“…..”
เมื่อได้ยินความคิดเห็นเหล่านี้ การแสดงออกทางสีหน้าของหลินชิงเสว่ก็ดูผิดแปลกไปเล็กน้อย
“ทุกท่าน!ต่อไปไม่ต้องเรียกเธอว่าคุณหนูหลินแล้วนะครับ เพราะว่าเธอนั้นโดนตระกูลหลินขับไล่ออกมาแล้ว ไม่ใช่คุณหนูคนโตผู้ที่ร่ำรวยอย่างแต่ก่อนอีกต่อไป”
จู่ๆเสียงของจางขุยก็ดังสูงปรี๊ดขึ้นมา พูดด้วยรอยยิ้ม “เธอเป็นแค่คนธรรมดา ตัวตนเดียวที่เธอจะบอกได้ก็คือเธอเป็นประธานของบริษัทมหาชนจำกัดแห่งหนึ่ง ตัวตนแบบนี้ก็มีอยู่ทั่วไป ไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อพูดจบ เขาก็ยิ้มเยาะออกมาเบาๆ
ทุกคนต่างอยู่ในความโกลาหล มองไปที่หลินชิงเสว่อย่างน่าเหลือเชื่อ
เธอถูกตระกูลหลินไล่ออกมา?
ข้อมูลข่าวมันดังมาก ฝูงชนนั้นต่างยอมรับไม่ได้กันไปพักหนึ่ง
หลินชิงเสว่กัดฟัน ใบหน้าของเธอนั้นถอดสี มือกำหมัดแน่น เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธเป็นอย่างมาก