เรื่องที่เกิดไกลพ้น ณ อีกฟากของโลก ถังเฉาย่อมไม่รับรู้
ขณะนี้ เขากับหลินชิงเสว่กำลังตกแต่งห้องในซอยตงเฉิน
หลินชิงเสว่เป็นคนรำลึกถึงวันเก่าๆ แม้ว่าตัวเธออยู่ที่เยี่ยนจิง แต่เธอยังตกแต่งห้องตามสไตล์หมิงจู
เป้าหมายหลักที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อลูก
ซื่อเหอย่วนเป็นทรงเหลี่ยม บรรยากาศขึงขังเคร่งขรึม ไม่ใช่รูปแบบที่เด็กชอบ
โดยเฉพาะเด็กห้าขวบอย่างถังเฉาเสี่ยวลี้ ชอบพวกการ์ตูนของเด็กๆมากกว่า ถังเฉาทำใจเด็ด ตกแต่งห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดให้เป็นสีชมพูแบบห้องเจ้าหญิงทั้งห้อง
และจัดเตรียมห้องแต่งตัวโดยเฉพาะให้หลินชิงเสว่ ในนี้เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและรองเท้าหลากหลาย
วิศวกรที่มาตกแต่งยังต้องอุทาน มีเงิน สามารถทำตามอำเภอใจได้ทุกอย่างจริงๆ
เล่นกับถังเสี่ยวลี้ไปสักพัก จู่ๆหลินชิงเสว่ก็เงยหน้ามองถังเฉา “คุณว่ายังขาดอะไรอีกมั้ยคะ?”
“ขาดอะไร?”
ถังเฉาผงะ
หลินชิงเสว่มองไปรอบๆห้องที่ว่างเปล่า “ซื่อเหอย่วนซอยตงเฉินใหญ่เกินไป บ้านเรามีแค่สามคน สิ้นเปลืองเกินไป เราอยู่ที่นี่ยังดี ถ้าพวกเราต้องเดินทางไปทำงานที่อื่นกันหมดล่ะ จะทำยังไง เสี่ยวลี้อยู่บ้านคนเดียวไม่กลัวจนร้องไห้เลยหรอ ?”
ถังเฉารู้สึกว่ามีเหตุผล เขาพยักหน้า “งั้นรับพ่อกับคนอื่นๆมานี่กันเถอะ”
เห็นว่าถังเฉาเข้าใจความหมายของตัวเอง หลินชิงเสว่ยิ้มออกมาทันที “ได้”
ถังเฉากดโทรหาหลินเจิ้นสงอย่างรวดเร็ว
“พ่อครับ ยุ่งกับอะไรอยู่ครับ?”
ไม่นานนักเสียงของหลินเจิ้นสงก็ดังเข้ามาในโทรศัพท์ “เสี่ยวเฉาเองหรอ ชีวิตที่เยี่ยนจิงเป็นยังไงบ้าง?”
ถังเฉาหัวเราะ “เรื่อยๆครับ พ่อ พ่อกับฉ่ายเวยหาเวลาย้ายมาอยู่เยี่ยนจิงเถอะครับ พวกเราซื้อบ้านหลังใหญ่แล้ว คนเยอะจะได้ครึกครื้น”
หลินเจิ้นสงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ย้ายไปเยี่ยนจิงก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่พ่อต้องหารือกับฉ่ายเวยแล้วก็คุณน้าเหวินของแกก่อน”
ถังเฉาไม่รีบ จึงวางสายไป
อาการของหลินฉ่ายเวยเขาพอรู้บ้าง เธอได้รับบาดเจ็บที่ประชุมแดนเหนือเพื่อปกป้องถังเสี่ยวลี้ นอนอยู่ในโรงพยาบาลมาตลอด เพิ่งตื่นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
จากที่หลินเจิ้นสงพูด อาการไม่ดีเท่าไหร่
ไม่พูดเรื่องได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ แต่ในขณะที่ปกป้องถังเสี่ยวลี้ ความเป็นแม่ของเธอถูกกระตุ้นขึ้น
หลินฉ่ายเวยอายุไม่น้อยแล้ว เธออายุน้อยกว่าถังเฉาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น อยู่ในวัยที่แต่งงานได้แล้ว
เธอแค่อยากมีลูก แล้วได้เป็นแม่ไวๆ
แต่เธอก็ไม่อยากแต่งงานสุ่มสี่สุ่มห้า โดยเฉพาะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้ชอบ ให้เธอตายไปเลยยังจะดีซะกว่า
พอเป็นแบบนี้ เธอจึงติดอยู่ในวังวนประหลาด อยากจะข้ามขั้นตอนการแต่งงาน แล้วมีลูกโดยตรง
แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้
ถังเฉารู้ดีว่าใครกันที่หลินฉ่ายเวยมีใจให้ แต่ระหว่างเขากับหลินฉ่ายเวย เป็นไปไม่ได้จริงๆ
ความไร้เดียงสาที่โตมาด้วยกัน เป็นอดีตไปแล้ว
“มาเยี่ยนจิงเถอะ ครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้า”
ถังเฉาพึมพำในใจ
ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเคียงคู่กับหลินฉ่ายเวยได้ แต่เขาสามารถเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตกับหลินฉ่ายเวย
หลินชิงเสว่รับโทรศัพท์สายหนึ่ง และเตรียมออกจากบ้าน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ถังเฉาถาม
หลินชิงเสว่รีบร้อนใส่ชุดทำงาน “ฝ่ายผู้ร่วมทุนโทรมา ลี่จิงกรุ๊ปสาขาเยี่ยนจิงผ่านการรับรองขอลงทะเบียนแล้ว ด้านนู้นจัดหาบริษัทนายหน้าให้ฉันได้รู้จักบริษัทในเยี่ยนจิง เพื่อดูว่าจะร่วมงานกันมั้ย”
“บริษัทนายหน้า?”
ถังเฉาขมวดคิ้ว จะให้ลี่จิงกรุ๊ปก้าวหน้าในเยี่ยนจิง เขาพูดประโยคเดียวก็จบ ไม่เห็นต้องยุ่งยากขนาดนี้เลย
บริษัทของหลินชิงเสว่ สุดท้ายแล้วถือว่าเป็นบริษัทนอกเมือง อยากจะตีตลาดเยี่ยนจิงต้องผ่านการรับรองก่อน หลังจากนั้นจะมีคนกลางที่เชื่อมสายให้ เหมือนบริษัทนายหน้า เพื่อแนะนำคู่พาร์ทเนอร์ร่วมงานที่มีความเป็นไปได้ให้หลินชิงเสว่
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนมั้ย?”
ถังเฉาถาม
หลินชิงเสว่หันไปส่งสายตาให้เขาสบายใจ พร้อมเอ่ยยิ้มๆ “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณพาเสี่ยวลี้ไปคลาสเรียนเสริมเถอะ นายหน้าเป็นผู้หญิง แซ่หลู่ ฉันคุ้นเคยแถวเยี่ยนจิงมากกว่าคุณ”
ถังเฉาได้ฟังก็ไม่ดื้อดึงอะไร
“ระวังตัวด้วยนะ”
ถังเฉากำชับ ก่อนจะพาถังเสี่ยวลี้ไปคลาสเรียนเสริม
ไม่นานนักหลินชิงเสว่ก็มาอยู่ในย่านการค้าอันคึกคักที่ชื่อว่า‘อาคารพาณิชย์’
อาคารพาณิชย์เหมือนกับอาคารกั๋วจี้มาก ถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางย่านการค้า คนสวยในชุดทำงานปรากฏให้เห็นทุกที่
สาขาของกรุ๊ปลี่เจียงในเยี่ยนจิงก็จะตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์แห่งนี้
หลินชิงเสว่มองเวลา เป็นเวลาที่นัดไว้กับคุณหลู่พอดี
เธอชะโงกมองหน้าประตูอาคารพาณิชย์ มีผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งยืนอยู่พอดี
ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดทำงานเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าหลินชิงเสว่รู้สึกไปเองหรือเปล่า นัยน์ตาของเธอส่อแววแพรวพราวเจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอก
อาจเพราะสังเกตเห็นหลินชิงเสว่ ผู้หญิงผมสั้นตาเป็นประกาย เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่ได้จำคนผิด จึงก้าวรองเท้าส้นสูงฉับๆเข้ามาอยู่ตรงหน้าหลินชิงเสว่
เธอยิ้มและยื่นมือออกมา “ท่านคือคุณหลิน หลินชิงเสว่ใช่มั้ยคะ? ดิฉันคือผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทการค้านายหน้า หลู่เหมิง ยินดีมากค่ะที่ได้พบท่าน”
หลินชิงเสว่รีบยื่นมือออกไปจับเข้ากับมือของหลู่เหมิง “ที่แท้ท่านนี่เองผู้จัดการหลู่ ยินดีที่ได้พบกันค่ะ”
“ได้ยินมานานว่าประธานบริษัทของกรุ๊ปลี่จิงเป็นหญิงแกร่งที่ทั้งสาวทั้งสวย วันนี้ได้พบ ไม่ธรรมดาอย่างที่เขาว่าจริงๆ ความงามของประธานหลิน ต่อให้เป็นดาราในประเทศเราที่กำลังดังๆยังสู้ไม่ได้เลยค่ะ”
ใบหน้าของหลู่เหมิงฉายรอยยิ้มเจิดจรัส เอ่ยชมเชยอย่างนอบน้อม
คำพูดแบบนี้หลินชิงเสว่ได้ยินมาเยอะแล้ว แต่ส่วนมากมาจากปากผู้ชายที่ปลื้มเธอ น้อยนักที่จะมีผู้หญิงชม
“คุณหลู่พูดเป็นเล่นไปค่ะ คุณหลู่เองก็มีเสน่ห์มาก แต่งตัวมีรสนิยมสุดๆค่ะ”
หลินชิงเสว่ยิ้มและชมกลับ
มิตรภาพระหว่างผู้หญิงเกิดขึ้นงงๆ แค่ผลัดกันชมอีกฝ่ายว่าสวยสักคำสองคำ มิตรภาพก็เกิดขึ้นแล้ว
ทั้งสองผลัดกันชมอยู่สองสามคำ ก็สนิทขึ้นมากแล้ว ทั้งสองก้าวเข้าอาคารพาณิชย์ตามกันติดๆ
หลู่เหมิงที่ตามมาด้านหลังจ้องแผ่นหลังเพรียวบางของหลินชิงเสว่ รอยยิ้มบนหน้ากลับหายไปในบัดดล สายตาเปล่งประกายเย็นเยียบ
“นังชั้นต่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนให้ฉันจัดการเธอ ใครจะมาต้อนรับเธอยะ”
หลู่เหมิงก่นด่าในใจอย่างดูแคลน ใบหน้ากลับยิ้มแป้น พลางเหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ
“ประธานหลินคะ ท่านดูสินี่ก็สายมากแล้ว ที่จริงดิฉันจัดการให้ประธานของบริษัทที่อยู่ตลาดหุ้นต่างๆไปทานข้าวกันแล้วค่ะ เราทานไปคุยกันไปดีมั้ยคะ”
หลู่เหมิงเอ่ยยิ้มๆ
หลินชิงเสว่ได้ยินว่ามีขั้นตอนนี้แต่แรกแล้ว จึงไม่ได้ปฏิเสธ แต่ถามด้วยความระแวงขึ้นมา
“ไม่ทราบว่าประธานบริษัทที่คุณหลู่จัดสรรไว้ให้ เป็นคนยังไงกันหรอคะ”
คู่พาร์ทเนอร์ร่วมงาน ต้องดูบริษัท และที่สำคัญต้องดูนิสัยของประธานด้วย
พวกนิสัยทราม ดูถูกผู้หญิง หรือถึงขั้นคิดไม่ซื่อกับผู้หญิง หลินชิงเสว่ไม่ร่วมงานด้วยเด็ดขาด
เห็นหลินชิงเสว่มีท่าทีจะคัดเลือกด้วย หลู่เหมิงขมวดคิ้วเบาๆไม่ให้รู้ตัว แต่ใบหน้ายังคงยิ้มอยู่
“ประธานหลิน วางใจเต็มร้อยได้เลยค่ะ ดิฉันเหมือนกับคุณ เป็นผู้หญิงเหมือนกัน การทำธุรกิจไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้หญิงอย่างเรา การถูกเหยียดเป็นเรื่องปกติ แถมชอบมอมเหล้าเราบนโต๊ะอาหารด้วย เป็นการส่อว่าให้เราเปิดห้องกัน คนที่ดิฉันจัดสรรมาครั้งนี้มีแต่นักธุรกิจสาวชื่อดังในเยี่ยนจิง ถือว่าเป็นงานพูดคุยที่เป็นมิตร”
พูดไป หลู่เหมิงควักแฟ้มออกมาจากกระเป๋า
หลังจากเปิดออก หลินชิงเสว่พบว่าเอกสารด้านในล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวของนักธุรกิจสาว และการแนะนำบริษัท
มากมายถึงสิบกว่าหน้า เห็นได้ชัดว่าหลู่เหมิงลงแรงจริงๆ
หลินชิงเสว่ไม่สงสัยอะไรอีก ขอบคุณพร้อมยิ้มให้ “รบกวนคุณหลู่ด้วยนะคะ”
“เป็นเรื่องสมควรค่ะ”
หลู่เหมิงยิ้มและนำทางหลินชิงเสว่ไปที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งชื่อว่าหอแดง