ถึงจะบอกว่าเป็นภัตตาคาร แต่เรียกหอแดงว่าเป็นคลับอำนวยความสะดวกน่าจะเหมาะกว่า
ด้านในมีการบริการอาหาร บริการบันเทิง โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก และอีกมากมาย แถมยังเป็นระบบสมาชิก
สโมสรของเยี่ยนจิงต่างกับที่หมิงจูและเมืองเจียงเฉิง หากเป็นของเอกชน จะเป็นระบบสมาชิกทั้งหมด ทำการคัดกรองได้ดี
คนที่เข้าออกหอแดง ไม่มีใครที่ไม่ใช่คนระดับสูง ร่ำรวยเงินทอง หรือไม่ก็คนใหญ่คนโตที่มีอำนาจในมือ
หลู่เหมิงกลับมีบัตรสมาชิกของหอแดง เห็นได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่งที่มีเส้นสายคนรู้จักในวงกว้างเหมือนกัน
คิดมาถึงตรงนี้ หลินชิงเสว่ชื่นชืมหลู่เหมิงมากขึ้นไปอีก
หลู่เหมิงสาวและสวย อายุยังไม่ถึงสามสิบก็ประสบความสำเร็จขนาดนี้ อนาคตไปไกลได้ไร้ขีดจำกัด
“ที่นี่ค่ะ”
หลู่เหมิงพาหลินชิงเสว่มาถึงห้องวีไอพีที่เงียบสงบในมุม
พอผลักประตูเข้าไป ก็เห็นว่ามีแขกนั่งอยู่เต็มข้างใน
และเป็นนักธุรกิจสาวทั้งนั้น!
พอเห็นหลินชิงเสว่เข้ามา เสียงสนทนาในห้องหยุดไปในบัดดล ทุกคนมองหลินชิงเสว่ด้วยความทึ่ง
รูปโฉมของผู้หญิงเหล่านี้ไม่ได้แย่ แต่ห่างไกลจากหลินชิงเสว่อยู่มากหากต้องเทียบกัน
อาจเพราะทึ่งกับความงดงามของหลินชิงเสว่ พวกเธอนั่งด้วยท่าทีเหม่อลอย ลืมแม้กระทั่งทักทาย
หลู่เหมิงต้องเตือนสติ “ดิฉันจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักนะคะ นี่คือประธานของลี่จิงกรุ๊ป ประธานหลิน”
ทุกคนถึงได้สติกลับมา และปรบมือต้อนรับ
“นี่คือประธานของสรรค์หมัดกรุ๊ป”
“นี่คือรัฐมนตรีหัวหน้าแผนกการค้าระหว่างประเทศของบริษัทเทียนเฉิน”
“นี่คือรองประธานของบริษัทProprietary Trading TM”
“……”
หลู่เหมิงแนะนำผู้หญิงในที่นี้ทีละคนตามลำดับให้กับหลินชิงเสว่
หลินชิงเสว่พยักหน้าทักทาย ก่อนจะเข้านั่งที่
สิ่งที่เธอประหลาดใจคือ ผู้หญิงเหล่านี้ดูจะเชื่อฟังหลู่เหมิงมาก นอบน้อมสุดๆ
หลู่เหมิงยังสั่งอาหารอย่างไม่เก้อเขินอะไร ก่อนจะยิ้มให้หลินชิงเสว่ “ประธานหลินคะ พวกเรากินข้าวกันก่อน กินอิ่มแล้วจะได้มีแรงคุยเรื่องธุรกิจ”
“พวกเธอล้วนแต่เป็นเพื่อนสนิทของดิฉันค่ะ เห็นแก่ดิฉัน การคุยก็เป็นแต่พิธี ทำความรู้จักตามขั้นตอน สุดท้ายต้องเซ็นสัญญาแน่นอนค่ะ”
หลินชิงเสว่ไม่สงสัยอยู่แล้ว เธอยิ้มและเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณหลู่ด้วยนะคะ ดิฉันขอแทนเหล้าด้วยชา ดื่มให้กับผู้จัดการหลู่”
หลู่เหมิงกลับทำหน้าจริงจับ โบกมือปฏิเสธ “โอ๊ย ทุกคนเป็นพี่น้องกันหมด ดื่มชาน่าเบื่อจะตายค่ะ ดิฉันสั่งเหล้าพีชไป เป็นสินค้าพิเศษของที่นี่”
“เหล้าพีช?”
หลินชิงเสว่มีสายตาประหลาดใจ
เธอเห็นหลู่เหมิงหยิบโถเล็กที่มีฝาผนึกปิดอยู่ออกมา พร้อมเอ่ยยิ้มๆ “นี่เป็นสินค้าพิเศษของหอแดง หอมหวานแต่ไม่ชวนเมา เมาแต่ไม่ขม เข้าปากแล้วละลาย ขนาดคนใหญ่คนโตบางคนเวลามาทานข้าวที่หอแดงยังต้องสั่งเหล้าพีชนี่เลยค่ะ”
“แบบนี้นี่เอง”
หลินชิงเสว่กระจ่างทันที ก่อนจะโบกมืออย่างรู้สึกผิด “ขอโทษด้วยค่ะคุณหลู่ ดิฉันไม่ดื่มเหล้า…..”
“พี่หลิน ฉันคุยกับพี่แล้วถูกคอ เลยเรียกพี่ว่าพี่หลิน และพี่น้องทุกคนในที่นี้มองกันอยู่ พวกเราดื่มกันนิดหน่อยพอสร้างบรรยากาศก็พอ”
หลู่เหมิงขัดจังหวะหลินชิงเสว่ ก่อนจะแงะฝาผนึกออกโดยไม่ให้เธอปฏิเสธ และเทให้หลินชิงเสว่หนึ่งแก้ว
ไม่นานนัก กลิ่นหอมหวานของเหล้าฟุ้งออกมา แม้แต่หลินชิงเสว่ยังรู้สึกว่าหอม
อยู่ในแวดวงธุรกิจมาหลายปี ถ้าจะบอกว่าหลินชิงเสว่กินเหล้าไม่เป็นนั้นไม่จริง
แต่ของแบบเหล้าเนี่ยชอบทำเสียเรื่อง หลินชิงเสว่ถือคติถ้าไม่ดื่มได้ก็จะไม่ดื่ม หากผลัดไม่ได้จริงๆค่อยดื่ม
“ในเมื่อคุณหลู่ว่าแบบนี้ ก็ตามนั้นค่ะ”
หลู่เหมิงยิ้มออกทันใด “แบบนี้สิคะถึงจะถูก”
ทันทีที่เห็นหลินชิงเสว่ดื่มเข้าไป มุมปากของหลู่เหมิงเหยียดยิ้มเย็นแห่งแผนสำเร็จ
ดื่มเหล้าไปได้สามแก้ว หลินชิงเสว่ยังไม่เมา เธอกลับคว้ามือของหลู่เหมิงไว้และพูดอย่างดีใจ “คุณหลู่คะ ได้รู้จักเพื่อนอย่างคุณ ดิฉันดีใจมากจริงๆค่ะ”
หลู่เหมิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่สีหน้าเริ่มร้อนรนขึ้น
เพราะหลินชิงเสว่ดื่มเหล้าพีชเข้าไปได้สามแก้วใหญ่แล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะเมาเลย
ควรรู้ไว้ว่าเหล้าพีชนี่มีแรงมาก เธอยังไม่กล้าดื่มเยอะเลย แต่หลินชิงเสว่แค่หน้าแดงนิดหน่อยเท่านั้น
หลู่เหมิงจะรู้ได้ยังไงว่า ตั้งแต่โดนมอมเหล้าที่เมืองเจียงเฉิงครั้งก่อน ถังเฉาฝึกคอของหลินชิงเสว่ไว้ เพื่อป้องกันหลินชิงเสว่จากการถูกมอมเหล้าอีก
เขาเอาเหล้าเหล้าขาวที่เขาดื่มที่แดนเหนือออกมา ตอนแรกหลินชิงเสว่ฟุบตั้งแต่แก้วแรก แต่หลังจากฝึกทุกวันหลังอาหาร เธอก็เริ่มปรับตัวได้
เทียบเหล้าพีชและเหล้าเหล้าขาวแล้ว เหล้าพีชอย่างกับน้ำเปล่า!
อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นความชอบส่วนตัวของถังเฉาล้วน
นั่นก็เพราะตอนหลินชิงเสว่เมาแล้วน่ารักมาก หน้าแดงก่ำ แถมยังจับมือของถังเฉาและเรียกชื่อของถังเฉา อย่างกับลูกแมวน้อย
ถังเฉายังถ่ายภาพหลินชิงเสว่ตอนเมาแอบเก็บไว้ด้วย หลินชิงเสว่ที่วางท่าเย็นชาเข้าหายากตลอด ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าภาพพจน์ของตัวเองในใจของถังเฉาเกิดความแตกต่างขึ้นอย่างมหันต์
หลู่เหมิงชักจะร้อนใจ เหล้าพีชหมดแล้ว แต่หลินชิงเสว่ไม่เป็นอะไรเลย
สั่งเหล้าพีชมาอีกไหดูจะตั้งใจเกินไปหน่อย หลินชิงเสว่จะสงสัยเอาได้
เช่นนั้นแล้ว หลู่เหมิงตาเป็นประกายโหดเหี้ยมไปแวบหนึ่ง “หลินชิงเสว่ หล่อนบีบบังคับฉันเองนะ!”
หลังจากเซ็นสัญญาเรียบร้อย หลู่เหมิงยิ้มกว้างขณะที่พูดกับหลินชิงเสว่ “ประธานหลินคะ ใกล้ได้เวลาแล้ว ดิฉันไปส่งคุณกลับนะคะ”
ภายในรถ หลู่เหมิงเปิดเครื่องปรับอากาศ
ทว่า ลมที่ออกมาจากพัดลมดูดอากาศในรถไม่ใช่ไอร้อน แต่เป็นควันสีขาว
หลังจากสูดเอาควันสีขาวบางๆนี่เข้าไป หลินชิงเสว่เริ่มรู้จักหนักที่เปลือกตา ไม่นานนักเธอก็หลับตาลง และผล็อยหลับไป
หลู่เหมิงมองหลินชิงเสว่ที่สลบไป สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นดูถูก เธอด่าทอออกมา “ผู้หญิงชั้นต่ำคนเดียว ทำเอาเสียเวลาเสียแรงไปมากขนาดนี้เชียว”
พูดจบ เธอก็โทรหาคนคนหนึ่ง “คุณหลินคะ คนถูกจับไว้ได้แล้ว”
“ดีมาก!”
เสียงทุ้มต่ำของหลินอิ่นดังเข้ามาในสายโทรศัพท์ “อย่ามาที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน เดี๋ยวฉันส่งที่อยู่ไปให้ เธอไปที่นั่นได้เลย!”
พอวางสายแล้ว หลู่เหมิงหักพวงมาลัยและขับรถไปในทิศทางตรงข้าม
เธอก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้ต้องกระทำลับๆเท่านั้น จะดึงตระกูลหลวงในเยี่ยนตูเข้ามาเอี่ยวไม่ได้
และหลังจากที่รถของหลู่เหมิงเคลื่อนไปบนสะพานสูง รถบูอิคไม่สะดุดตาคันหนึ่งตามอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
คนขับรถเป็นผู้ชายเลือดเย็นสวมหน้ากากเหล็ก แสงแดดสาดส่องใส่หน้าเขา สะท้อนแสงเย็นเยียบเฉพาะของโลหะ
เขาก็คือนักฆ่าแดนตะวันตกที่ติดตามถังเฉา เถี่ยเมี่ยน
ใต้หน้ากากสะท้อนให้เห็นดวงตาเย็นชาคู่หนึ่ง
เขากดโทรหาถังเฉา “คุณถังครับ สถานการณ์เริ่มไม่ชอบมาพากล คุณนายขึ้นรถของผู้หญิงที่ชื่อว่าหลู่เหมิง แต่รถไม่ได้ขับกลับเข้าเมือง กลับขึ้นสะพานสูงแทน”
“อะไรนะ?”
ถังเฉาที่เพิ่งส่งถังเสี่ยวลี้เข้าคลาสเรียนเสริมสายตานิ่งงันไป จิตสังหารเปล่งประกายอยู่ในแววตา
สุดท้ายถังเฉาก็ไม่สบายใจให้หลินชิงเสว่ออกไปคนเดียว จึงสั่งให้เถี่ยเมี่ยนไปแอบคุ้มกันเธอ คิดไม่ถึงเลยว่า ผลลัพธ์ไม่ทำให้เขา ‘ผิดหวังจริงๆ’
เงียบไปครู่หนึ่ง ถังเฉาออกคำสั่ง “ตามต่อไป ไม่ต้องผลีผลามลงมือ ฉันล่ะอยากจะเห็นว่าใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้ บังอาจพาตัวเมียฉันไป”
เสียงของถังเฉาทุ้มต่ำ ข่มความกราดเกรี้ยวมหาศาลไว้ เถี่ยเมี่ยนผู้อยู่อีกด้านของสายยังตัวสั่น รู้ว่าคุณถังโมโหจริงๆแล้ว
เขาไม่กล้าขัดคำสั่ง คอยติดตามอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
เรื่องนี้ เขาเป็นมืออาชีพ
หลังจากวางสายแล้ว ถังเฉากดโทรศัพท์อีกสายด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“สืบคนหนึ่งให้ฉันหน่อย ชื่อหลู่เหมิง ฉันต้องการข้อมูลทุกอย่างของเธอ”
จะสืบข้อมูลใครสักคนนั้นง่ายมาก ไม่นานนัก ก็มีข่าวกลับมา
“หลู่เหมิง คนในท้องถิ่นเยี่ยนจิง ตอนนี้มีอยู่สองงาน งานหลักคือตำแหน่งผู้จัดการหย่วนหยางกรุ๊ปภายใต้ตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง งานอีกอย่างคืองูเจ้าถิ่นในแวดวงธุรกิจ”
ถังเฉาฟังแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “งูเจ้าถิ่นในแวดวงธุรกิจ?”
“เหมือน ‘ตัวกลาง’ ปกตินั่นแหละ คอยเชื่อมสะพานให้กับธุรกิจต่างถิ่นโดยเฉพาะ ชวนกินข้าวและแนะนำธุรกิจในท้องถิ่นเยี่ยนจิง แต่จริงๆแล้วหลอกลวงทั้งนั้น”
“เธอเชิญพวกผู้บริหารเล็กๆจากบริษัทท้องถิ่นมากินเลี้ยงด้วยกัน อ้างว่าพวกเขาคือผู้บริหารระดับสูงของ บริษัทนั้นๆ มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องการร่วมงาน จากนั้นคนพวกนี้ก็แบ่งเงินกันตามสัดส่วน ธุรกิจต่างท้องถิ่นที่ไม่รู้เบื้องลึกโดนหลอกได้ง่าย”
ได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว สีหน้าถังเฉาอึมครึมลงจนน่ากลัว เห็นได้ชัดว่าหลินชิงเสว่ก็โดนหลอก
หลอกคนอย่างหลินชิงเสว่ได้ การปลอมตัวของหลู่เหมิงต้องล้ำขนาดไหนเชียว?
มีเถี่ยเมี่ยนคอยจับตาดูไว้ ถังเฉาไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลินชิงเสว่ เขาแค่ต้องการจับคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา
“ตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง หย่วนหยางกรุ๊ป….”
ถังเฉาพึมพำเบาะแสทั้งสองอย่างนี้ และเข้ามายังหย่วนหยางกรุ๊ปภายใต้ตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวงอย่างไม่ลังเล
หย่วนหยางกรุ๊ปมีสาขาในเมืองเจียงเฉิง ทว่าสำนักงานใหญ่ที่แท้จริงอยู่ในเยี่ยนจิง
หลังจากทำการนัดเรียบร้อย ถังเฉาตรงดิ่งเข้าไปที่ห้องทำงานประธานบริษัทของหย่วนหยางกรุ๊ป
ทว่า หลังจากผลักประตูเข้าไปแล้ว กลับพบว่าประธานบริษัทของหย่วนหยางกรุ๊ปไม่ใช่เย่หรูอี้ แต่เป็นผู้หญิงที่เขาไม่อยากเห็นหน้า
เย่เซ่าเตี๋ย
เย่เซ่าเตี๋ยที่กำลังดูเอกสารอยู่ถึงกับตกใจ เธอมองถังเฉาบุกเข้ามากระทันหัน กลัวจนหน้าซีดเผือด
“ถังเฉา?! คุณมาทำอะไร?”
ถังเฉาเดินเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
เย่เซ่าเตี๋ยร้องเสียงหลง ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง หน้าตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ถังเฉา คุณจะทำอะไร? ฉันขอเตือนคุณนะ ที่นี่คือหย่วนหยางกรุ๊ป ถ้าคุณกล้าแตะต้องตัวฉัน…..”
แต่แล้วนาทีต่อมา เย่เซ่าเตี๋ยนั่งฟุบลงไปที่พื้น ร้องไห้อ้อนวอน “คุณต้องการอะไร ช่วงนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณนะ”
ถังเฉาไม่ได้ทำร้ายเธอ เพียงแต่จ้องมองไปที่เธอ “ผมมีเรื่องจะให้คุณช่วย”
“หืม? มีเรื่องให้ฉันช่วย”
เย่เซ่าเตี๋ยผงะไปทันที หน้าตาตะลึงงัน
ถังเฉา มีตอนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอด้วยหรอ?
เย่เซ่าเตี๋ยหายกลัวขึ้นมาทันควัน หน้าตาประหลาดใจซะมากกว่า
“เรื่องอะไร?”
ตั้งแต่ได้เห็นสิ่งที่ถังเฉากระทำในวังคริสตัลคืนนั้น เย่เซ่าเตี๋ยเข้าใจในทันทีว่าการเป็นศัตรูกับถังเฉาเป็นสิ่งที่โง่ขนาดไหน
แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยากจะปรับความเข้าใจกันได้แล้ว เย่เซ่าเตี๋ยก็อยากจะใช้ประโยชน์จากถังเฉาเพื่อแย่งชิงอำนาจการตัดสินใจของตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง แต่เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ได้แต่คงเดิมในสถานการณ์ คิดไม่ถึงว่าถังเฉาที่จะเป็นฝ่ายมาหาถึงที่
“ลูกน้องของคุณ มีคนที่ชื่อหลู่เหมิงใช่มั้ย?”
ถังเฉาคาดคั้นเสียงเย็น
เย่เซ่าเตี๋ยมองหน้าของถังเฉา และรู้ได้ในทันทีว่าเกิดเรื่องแล้ว เธอจึงไม่ได้ปิดบัง พยักหน้ารับ
“ใช่ เกิดอะไรขึ้น?”
“เจ้าหล่อนเอาตัวภรรยาของผมไป คุณเป็นเจ้านายเธอ ดูซิว่าเรียกตัวเธอกลับมาได้มั้ย”
ด้วยสถานการณ์ที่ยังไม่รู้ว่าหลู่เหมิงต้องการอะไร ถังเฉาไม่ให้เถี่ยเมี่ยนเป็นคนลงมือโดยตรง ใช้ไม้อ่อนก่อนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“เอาตัวภรรยาของคุณไปหรอ? เธอบังอาจนัก!”
หัวใจเย่เซ่าเตี๋ยหล่นวูบไปด้วย ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ถังเฉาต้องพาลเธออย่างแน่นอน
ไม่จำเป็นต้องให้เย่หรูอี้ลงมือ ตัวถังเฉาเองก็เก็บเธอได้เลย
ตอนที่กำลังจะรับปาก จู่ๆเย่เซ่าเตี๋ยก็ชะงักไป
ตัวเอง สามารถใช้โอกาสนี้ปรับความเข้าใจกับถังเฉาได้ใช่มั้ย และเพิ่มอุณหภูมิให้ความสัมพันธ์
เย่เซ่าเตี๋ยมีความมั่นใจมากในรูปลักษณ์ของตัวเอง และรู้วิธียั่วยวนหัวใจของผู้ชายเป็นอย่างดี
เย่เซ่าเตี๋ยไม่รู้สึกลนอีกต่อไป เธอหัวเราะคิกคัก “ถังเฉา จะให้ฉันช่วยคุณไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่คุณต้องรับปากเรื่องหนึ่งกับฉัน”
“ไปเดทกับฉันสักครั้ง”