เจียงสือเหนียนน้ำเสียงเศร้าสร้อย สีหน้าดูไร้ทางเลือก
ทุกคนใช้ชีวิตในโลกกันไม่ง่ายนัก แต่ละคนต่างมีวิถีชีวิตเป็นของตัวเอง เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่เป็นที่เข้าใจของคนอื่น
ถังเฉาคิดในใจว่า ตอนนั้นที่เขาเลือกอยู่ที่ตระกูลเจียงต่อแทนที่จะออกไปกับเจียงไป๋เสว่ ก็คงมีเหตุผลของเขา
คิดมาถึงตรงนี้ ถังเฉาแอบมองเจียงไป๋เสว่
เจียงไป๋เสว่สีหน้านิ่งเฉย แต่สายตาเธอก็เหลือบมองเจียงสือเหนียน
แน่นอนว่าเจียงสือเหนียนเองก็สังเกตเห็น เขายิ้มจางๆและพูดต่อ “ในเวลานั้นผมได้เริ่มเรียนรู้วิชาแพทย์แล้ว เพียงแต่ไม่เป็นผลเท่าไหร่ ผมต้องเห็นแม่ที่ป่วยหนักทุกวัน จึงอยากรักษาแม่ด้วยมือตัวเอง”
“แต่น่าเสียดาย สุดท้ายเธอก็ต้องลาโลกไปเพราะปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้บางอย่าง”
ฟังมาถึงตรงนี้ เจียงไป๋เสว่สีหน้าเปลี่ยนไปมาก อ้าปากเล็กน้อยหมายจะบอกอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
เจียงสือเหนียนเห็นและมีความเสียใจในสายตาของเขา
“บางที ตอนนั้นผมน่าจะไปด้วยกันกับไป๋เสว่ เราเป็นลูกสามัญชนทั้งคู่ คิดจะลืมตาอ้าปากด้วยตัวเองนั้นเป็นเรื่องยากเกินไป”
“แต่เพราะเหตุนี้แหละ ผมจึงไม่อยากให้ใครต้องถูกพรากชีวิตไปด้วยโรคร้ายอีก”
ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้บ้าการแพทย์ในภายหลัง
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่องที่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ผมของเขาก็คงไม่กลายเป็นสีขาวในชั่วข้ามคืน
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการไถ่บาปด้วยทั้งชีวิตที่เหลือ เขาก็คงไม่ได้เป็นผู้บ้าการแพทย์ที่เป็นที่ชื่นชมของผู้คนนับหมื่น
แน่นอน ก็คงไม่ได้พบถังเฉา
ฟังจบแล้ว ถังเฉาเองยังอดถอนหายใจไม่ได้
คิดไม่ถึงเลยว่า ผู้บ้าการแพทย์จะเป็นพี่ชายของเจียงไป๋เสว่
พวกเขามีคนกลางที่ช่วยติดต่อหากันตลอด นั่นก็คือถังเฉา
แต่ พวกเขาไม่เคยคุยกันแม้แต่ประโยคเดียว
บางทีอาจเพราะล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันแล้ว แต่ไม่เคยอยากเปิดเผย
“เจียงสือเหนียน ถ้าแกยังเป็นคนของตระกูลเจียงของเรา ก็รีบมายืนอยู่ข้างเราซะ แล้วบอกให้น้องสาวแกออกไปจากที่นี่!”
ในเวลานั้น เจียงหลงเจ๋อปริปากอย่างโกรธเกรี้ยว ตวาดใส่เจียงสือเหนียน
ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่คนอื่นๆในตระกูลเจียงต่างมองเจียงสือเหนียนด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่ได้มีความเคารพต่อเขามากเพราะเขาเป็นผู้บ้าการแพทย์
เจียงสือเหนียนสีหน้าอึมครึม เขากวาดตามองทุกคน และพูดอย่างช้าๆ “คุณเจียง อย่าล้อเล่นนักเลยครับ สือเหนียนออกจากตระกูลเจียงไปนานมากแล้ว ต่างคนต่างอยู่กับตระกูลเจียงมานาน มีสิทธิ์อะไรจะไปยืนอยู่ข้างพวกคุณกันครับ?”
“แกว่าอะไรนะ?”
เสียงหัวเราะกึกก้อง แฝงไว้ด้วยความแดกดันสะท้อนอยู่ในสวนลานตระกูลเจียง คนในที่นี้จำนวนไม่น้อยเลยที่เกิดอาการโกรธขึ้นมา
เจียงหนานซานในฐานะท่านผู้นำ หน้าเหี่ยวๆของเขาอึมครึมประหนึ่งฝนจะตก
“สือเหนียน แม้ว่าแกจะออกจากตระกูลเจียงไปแล้ว แต่ตระกูลเจียงของเราก็ยังเป็นบ้านที่แกเกิดและโตมา ใบไม้ร่วงหล่นต้องคืนสู่ราก หรือว่าตระกูลเจียงจะด้อยกว่าการออกไปตากแดดตากลมข้างนอกนั่นหรือไง”
เจียงหนานซานมองเจียงสือเหนียน น้ำเสียงยังถือว่าเคร่งขรึม เขากล่าวเสียงเข้ม
เจียงสือเหนียนได้ฟังแล้วหัวเราะลั่น “ท่านผู้นำเจียง ท่านกำลังดึงผมเข้าเป็นพวกหรือเปล่าครับ”
ไม่ว่าจะเป็นถังเฉาหรือเจียงไป๋เสว่ ต่างฟังออกจากน้ำเสียงของเจียงหนานซานว่าเขาต้องการดึงเจียงสือเหนียนเข้าพวกสุดๆ
เจียงหนานซานเป็นคนหน้าด้านหน้าทน อยู่มาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว คำพูดแบบนี้ไม่ทำให้เขาเจ็บแสบได้หรอก
เขาแค่นเสียงแล้วเอ่ย “ไม่ใช่แค่แก น้องสาวของแกก็ด้วย พวกแกต่างเป็นลูกของอาเหยา เธอเป็นสาวใช้ของตระกูลเจียง ถือว่าเป็นคนของตระกูลเจียงแกเหมือนกัน พวกแกไม่อาจหลุดพ้นได้”
เจียงสือเหนียนยิ้มบางๆ “ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่ผมต้องทำหลังจากกลับเข้าตระกูลเจียงคืออะไรครับ”
เจียงหนานซานกล่าว “แน่นอนว่าคือให้น้องสาวแกออกไปจากที่นี่”
“ออกไป? ท่านผู้นำชักชวนผมเข้าตระกูลเจียง แต่ไม่แยแสต่อน้องสาวของผม แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นะครับ”
เจียงสือเหนียนยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะชำเลืองเจียงไป๋เสว่และเอ่ยเรียบๆ “ท่านผู้นำ เมื่อกี้ผมพูดไปแล้วครับว่าขอให้ไว้หน้าผม ตอนนี้เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงก็จะถึงเที่ยงคืน ไปรวมตัวสมาชิกทั้งหมดของตระกูลเจียงแล้วไปคุกเข่าสำนึกผิดที่หน้าหลุมศพแม่ผม เรื่องนี้ผมจะปล่อยให้ผ่านไป เป็นไงครับ?”
“ไม่เป็นไง”
เจียงหนานซานเอ่ยเรียบๆ สายตาเย็นชาลงเยอะ สายตาที่เขามองเจียงสือเหนียนแฝงความกราดเกรี้ยวมาด้วย
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าที่เจียงสือเหนียนมานี่ ไม่ได้มาเพื่อช่วยตระกูลเจียง แต่มาช่วยเจียงไป๋เสว่
ขณะที่โกรธเกรี้ยวอยู่ เขาเองก็กดดันในใจมากขึ้น
รวมถึงมีอารมณ์เสียใจด้วย
เจียงเหยาเป็นแค่สาวใช้เล็กๆของตระกูลเจียง แต่ลูกสองคนที่คลอดออกมาเก่งกาจเกินมนุษย์กันทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นมังกรหงส์ในหมู่มนุษย์
เจียงสือเหนียน เผยให้เห็นพรสวรรค์สุดยอดทางการแพทย์ตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นการแยกกลิ่นของยา หรือตำราการแพทย์ต่างๆ ล้วนเก่งที่สุดในตระกูลเจียง
แม้แต่เจียงหนานซานในตอนนั้นยังให้ความสำคัญกับเจียงสือเหนียนมาก คิดว่าเขาจะเป็นหน้าตาของตระกูลเจียงในอนาคตได้
เวลาแบบนี้ การที่ฐานะเดิมไม่ดีเท่าไหร่ดูจะไม่สำคัญขนาดนั้นแล้ว ตระกูลเจียงทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่ออบรมคนเก่งกาจน่าปั้นอย่างเจียงสือเหนียน
ส่วนเจียงไป๋เสว่ ดูจะไม่โดดเด่นเช่นนั้น
ดูแลแม่ที่ป่วยหนักตั้งแต่เด็ก แม่เป็นสาวใช้ แต่ทำงานหนักไม่ได้ เจียงไป๋เสว่จึงต้องทำแทน
ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดหรือต้มน้ำถูพื้น เธอทำอย่างตั้งใจทั้งนั้น
แต่สิ่งที่ได้คืนมามีเพียงค่าจ้างน้อยนิดอันน่าสงสาร ไม่พอค่ายารักษาแม่ด้วยซ้ำ
หมดหนทาง ถึงไปขโมยสมุนไพรหายากที่ถวายให้ราชวงศ์ สุดท้ายบีบคั้นให้เจียงเหยาต้องตาย
เจียงไป๋เสว่ก็ถูกไล่ออกจากตระกูล
ตอนนั้น ไม่มีใครจะคาดการณ์ได้ว่าเด็กผู้หญิงมอซอในวันนั้น จะเติบโตมาได้ขนาดนี้ในเวลาต่อมา
เจียงหนานซานนึกเสียใจ
เสียใจที่ตอนนั้นไม่ฆ่าเธอซะ!
ตระกูลเจียงในตอนนี้ แข็งแกร่งแค่ภายนอก แต่ภายในอ่อนแอหมดแล้ว
“เฮอะ เจียงสือเหนียน ฉันรู้ว่าตอนนี้แกเป็นผู้บ้าการแพทย์ผู้โด่งดัง แต่ แกไม่กลัวว่าฐานะเดิมของแกจะถูกเปิดเผยหรอ”
เจียงหนานซานตาเป็นประกายเย็นเยียบ เขาจ้องเจียงสือเหนียนและถาม
เจียงสือเหนียนยิ้ม “แค่ชื่อเสียงภายนอกเท่านั้น ตั้งแต่ที่ผมออกท่องโลกกว้าง คอยช่วยเหลือผู้คน ผมก็ไม่สนใจสายตาของคนอื่นแล้วครับ”
“แม้ว่าแม่ผมจะลาโลกไปยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่สือเหนียนยังคงจดจำคำสั่งสอนของเธอได้—-เป็นหมอที่ดี ช่วยคนให้มากกว่านี้”
“นี่คือคำปรารถนาของเธอ ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว ผมจะเป็นคนสืบทอดเจตนารมณ์ที่เหลืออยู่ของเธอเอง”
“ฉันด้วย”
เจียงสือเหนียนพูดจบ เสียงเย็นยะเยือกอีกเสียงก็ดังขึ้น
ทุกคนทอดสายตาไปที่เจียงไป๋เสว่อีกครั้ง
สายตาของเธอเย็นยะเยือก คมกริบดั่งมีด มองทุกๆคน
การเดินทางมาตระกูลเจียงครั้งนี้พบเรื่องราวผันผวนมากมาย แต่เธอยังไม่ลืมความตั้งใจเดิมที่มาที่นี่
นั่นก็คือให้ทุกคนในตระกูลเจียงไปคุกเข่าขอโทษหน้าหลุมศพแม่
เจียงสือเหนียนหน้าตาอึ้งไป เขาเหลือบมองเจียงไป๋เสว่ สายตาอ่อนโยนขึ้น
“จริงสิ ยังมีเธอด้วย”
เขาหัวเราะจากใจ “ต่อให้เธอเกลียดฉัน แต่เรื่องที่เราทำอยู่ก็เหมือนกัน”
เจียงไป๋เสว่ไม่พูดจา
ทุกคนในตระกูลเจียงตะลึง สีหน้าเจียงหนานซานอึมครึมถึงขีดสุด
“ไม่มีใครสั่งให้ตระกูลเจียงของเราก้มหัวได้!”
“งั้นหรอ? ในเมื่อคุณเห็นศักดิ์ศรีสำคัญขนาดนั้น งั้นจงชดใช้ความผิดด้วยความตายเถอะ”
ขณะนั้นเอง ถังเฉาที่ยังไม่ได้พูดอะไรจู่ๆก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“วางใจเถอะ คุณตายเมื่อไหร่ ผมจะสลักอักษรบนหลุมฝังศพของคุณว่า ลูกผู้ชายกระดูกเหล็กไหลเจียงหนานซาน”
ตู้ม!
ถ้าบอกว่าเจียงสือเหนียน ‘เชิญ’ คนทั้งตระกูลเจียงไปคารวะสำนึกผิดหน้าหลุมศพ ถังเฉานั้นเรียกว่าขู่กันซึ่งๆหน้า
เจียงหนานซานแก่มากแล้ว ลงดินไปครึ่งตัวแล้วด้วยซ้ำ
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากตาย
ตรงกันข้าม เขายิ่งอยู่นานยิ่งกลัวความตาย
นอกจากนี้ ทุกคนมีลางสังหรณ์ว่าถ้าพวกเขาไม่ทำตาม ไม่ใช่แค่ท่านผู้นำของพวกเขาจะโดนกำจัด ทุกคนที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้นคงจะหลีกเลี่ยงความตายไปไม่ได้!
ก่อนหน้านี้ถังเฉาเคยบอกว่า ไม่ถือสาจะช่วยให้เก้าตระกูลหลวงในเยี่ยนตูกลายเป็นแปดตระกูลหลวง ตอนนี้ดูแล้วไม่ได้เป็นเพียงคำพูดโอหัง
ถังเฉามองเวลา “ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มพอดี ซึ่งหมายความว่าพวกเราเสียเวลากับคุณมาทั้งคืนแล้ว จากที่นี่ไปถึงสุสานภูเขาเป่าใช้เวลาอย่างน้อยสี่สิบนาที รวมเวลาคุกเข่ากราบไหว้ด้วย พวกคุณเหลือเวลาคิดเพียง ห้านาที”
“จะเอายังไงครับ จะไปกราบไหว้ทั้งตระกูลหรือ…..”
“ตาย!”
หลังจากคำว่าตายถูกเอื้อนเอ่ยออกไป จิตสังหารอันรุนแรงถาโถมออกมา
ลมในค่ำคืนโหมกระหน่ำประหนึ่งมีดขูดกระดูก ขูดจนทุกคนในตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงไม่อาจยืนตัวตรงได้ สายตาที่พวกเขามองถังเฉา แฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวจากเบื้องลึกลงไปในวิญญาณ
ตระกูลเจียงได้ใช้ไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาไปแล้ว: ขอให้หัวหน้าของสมาคมการต่อสู้ออกโรง
ถังเฉากลับไม่แม้แต่จะลงมือ เจียงไป๋เสว่คนเดียวก็เล่นงานกู่ชิงจนราบคาบ
ตระกูลเจียงจะสู้ได้ยังไง?
ในขณะที่หน้าเหี่ยวแห้งของเจียงหนานซานเป็นสีม่วงบ้างสีเขียวบ้าง จู่ๆเจียงสือเหนียนก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกคุณเชื่อฟังที่ท่านอาจารย์พูดจะดีกว่า มิฉะนั้น หากอาจารย์โกรธขึ้นมาจริงๆ แม้แต่ผมก็ไม่สามารถช่วยพวกคุณได้”
ฟึ่บ!
หลังจากเขาพูดแบบนี้ออกไป คนทั้งตระกูลเจียงสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
รวมถึงเจียงหนานซานด้วย เขามีสีหน้าเลื่อนลอย มองเจียงสือเหนียนอย่างเหลือเชื่อ
ถึงกับเสียงสั่นนิดหน่อย
“แก…..แกเรียกเขาว่าอะไรนะ?”
“ท่านอาจารย์?”
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนที่จ้องมองมา เจียงสือเหนียนพยักหน้านิ่งๆ “คุณถังที่พวกคุณดูแคลนที่สุดในตอนแรก เขาคือท่านอาจารย์ของผม มีบุญคุณต่อผม”
ช็อก!
ตะลึง!
ทุกคนในตระกูลเจียงอึ้งกันหมด
ในตอนที่เจียงสือเหนียนยอมรับว่าถังเฉาเป็นท่านอาจารย์ของเขา หัวใจของเจียงหนานซานไหววูบอย่างแรง เกือบตาเหลือกและเป็นลมหมดสติไป
เจียงเทียนโหย่วและเจียงหลงเจ๋อก็อึ้งไปด้วย เนิ่นนานไม่ได้สติ
เขยแต่งเข้าตระกูลหลินที่ทุกคนไม่เห็นอยู่ในสายตา กลับเป็นมังกรเหนือมนุษย์ แถมยังเป็นท่านอาจารย์ของผู้บ้าการแพทย์อีก
นี้มันน่าตกใจเกินไปแล้ว!
หัวใจของทุกคนเกือบแหลกลาญเพราะความตะลึง!
แม้แต่เจียงไป๋เสว่ยังมองถังเฉาและเจียงสือเหนียนด้วยดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้าง อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“พวกนาย……”
ถังเฉายิ้มเล็กน้อย “เรื่องนี้ถ้าให้เล่าคงยาว อีกหน่อยมีเวลาแล้วค่อยบอกเธอ”
สายตาของเจียงสือเหนียนเป็นประกาย เขามีลางสังหรณ์ว่าถังเฉาอาจเป็นตัวการสำคัญช่วงให้เขาและน้องสาวของเขาคืนดีกัน
พูดจบ ถังเฉาหันไปมองเจียงหนานซาน เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เจียงหนานซาน ตระกูลเจียงบอกพวกคุณเหลือเวลาไม่เยอะแล้ว จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับคุณแล้ว”
“แก….แกแก….พรวด!!!”
เจียงหนานซานโกรธจนตาค้าง มองถังเฉาอย่างตะลึงงัน สุดท้ายก็ควบคุมความโกรธเกรี้ยวที่พลุ่งพล่านในจิตใจไม่ได้ กระอักเลือดออกมาคำโต
เจียงหลงเจ๋อแขนขาเย็นเยียบ ฟันกระทบกันกึกกัก
ส่วนเจียงเทียนโหย่วเข่าอ่อนและล้มตึงลงกับพื้น ตกใจจนเอ๋อไปเลย
ตาคู่สวยของเจียงเค่อเอ๋อร์เบิกกว้าง เป็นประกายที่แตกต่างออกไป
เธอตื้นตัน เธอตะลึง ถ้าเป็นไปได้—–เธออยากพุ่งเข้าไปถามว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ทุกคนคิดว่าคนที่ตัดสินชะตากรรมของตระกูลเจียงได้คือเจียงไป๋เสว่ แต่ที่จริงแล้วคือถังเฉาต่างหาก!!!
เจียงเค่อเอ๋อร์มองอย่างเคลิบเคลิ้ม จะแต่งงานต้องแต่งกับคนแบบนี้แหละ!!
แม้แต่ผู้บ้าการแพทย์ยังเป็นนักเรียนของถังเฉา ศึกนี้ยังจำเป็นต้องสู้กันอีกหรอ
บางทีพวกเขาตระกูลเจียงไม่มีความเป็นไปได้ที่จะชนะเลยตั้งแต่แรก
น่าขำ พวกเขากลับวางมาดประหนึ่งผู้มีสิทธิ์บงการตัดสินมาโดยตลอด
“พวกเราคุกเข่า!! พวกเราคุกเข่า!!”
เจียงหนานซานที่ได้สติแล้วคำรามลั่น ล้มลงกับพื้นและเงยหน้าตวาดใส่ท้องฟ้าอย่างเศร้าสร้อย
“สวรรค์ไม่โปรดตระกูลเจียง “สวรรค์ไม่โปรดตระกูลเจียง!!!”