เจ้ามังกรพรีเมี่ยม – บทที่ 769 ตระกูลถังเรียนเชิญ

บทที่ 769 ตระกูลถังเรียนเชิญ

เปิดใจพูดความในใจออกมา หลินชิงเสว่แหงนหน้าสบตาเขาอย่างไม่หลบสายตา

สายตาของเธอจริงใจ ไม่เหมือนเสแสร้งแกล้งทำ และนี่เป็นความปรารถนาของเธอมาตลอด

เธอรอให้ถังเฉาพยักหน้ายอมรับ

ถังเฉากลับตกอยู่ในความเงียบ

เขารู้ใจของหลินชิงเสว่ดีอยู่แล้ว ชายหญิงที่โตแล้วล้วนต้องแต่งงาน

การแต่งงานต้องมีสินสอดจากทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว—-หลังจากที่ทั้งสองแต่งงานกันแล้วหลินชิงเสว่กลับไม่เคยมีสินสอดให้

แต่ตอนที่เพิ่งกลับไปอยู่หมิงจู เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลินชิงเสว่ นอนบนเตียงของหลินชิงเสว่ หลินชิงเสว่ทำกับข้าวซักผ้าให้เขา ไม่เคยโอดครวญอะไรเลยตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย

เท่านี้ยังไม่พออีกหรอ?

ถังเฉาไม่ใช่คนตื้นเขินเช่นนั้น

หลินชิงเสว่ก็ไม่ได้เห็นแก่ประโยชน์เช่นนั้น—-เธอแค่อยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดของเธอให้ตัวเอง เพียงเท่านั้น

แต่ไม่รู้ทำไม ถังเฉาถึงรู้สึกผิดในใจ

เขาไม่กล้าเงยหน้ามองตาของหลินชิงเสว่

เขากลัวว่าตัวเองจะถูกแผดเผา

วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะผ่านไปสักห้าปีหรือสิบปี เขาก็ไม่มีวันลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในโกดังท่าเรือหมิงจูในคืนนั้น

คนที่ทำร้ายเธอมากที่สุด สุดท้ายแล้วก็คือตัวเอง

แล้วตัวเองจะมีสิทธิ์อะไรไปรับสมบัติที่หลินชิงเสว่ต่อสู้ได้มาอย่างยากลำบาก?

เขาไม่ดีพอจะรับ!

ถังเฉาส่ายหัว “ขอโทษนะ ผมไม่สามารถรับไว้ได้”

“ทำไม?”

คำตอบนี้เหมือนไม่ได้เกินความคาดหมายของหลินชิงเสว่ แต่เธอก็ยังคงถามเบาๆว่าทำไม

เงียบไปเนิ่นนาน ถังเฉาไม่ได้ตอบว่าทำไม เพียงแต่กล่าวว่า “คุณยังมีความฝันที่ทำไม่สำเร็จ ผมจะช่วยให้คุณทำตามฝันเอง”

หลินชิงเสว่ส่ายหัวเล็กน้อย “คุณไม่ต้องมีภาระทางจิตใจหรอกค่ะ เรื่องในอดีตได้ผ่านไปแล้ว และห้าปีที่แล้วฉันเองเป็นฝ่ายอยากช่วยคุณเอง—- ฉันไม่เกลียดคุณหรอกค่ะ”

“แต่ผมผ่านด่านในใจตัวเองไม่ได้”

ถังเฉาขัดจังหวะหลินชิงเสว่และบอก “ห้าปีมานี้คุณเองก็ลำบาก ผมก็เหมือนกัน—-เรื่องนี้ได้กลายเป็นความเชื่อที่พยุงให้ผมมีชีวิตต่อไป ที่ผมกลับมาอยู่ข้างคุณมีจุดประสงค์เดียวเท่านั้น: ชดใช้ ไม่ใช่ร้องขอ”

“สินสอดนี้ ผมรับไว้ไม่ได้”

ถังเฉาหันหน้าออก เดินไปเปิดหน้าต่างและมองทิวทัศน์กลางคืนอย่างเหม่อลอย

หลินชิงเสว่ก็ตกอยู่ในความเงียบ

เนิ่นนาน เธอหัวเราะด้วยความเย้ยหยันในตัวเอง “ในเมื่อคุณเอาแต่ชดใช้ให้ฉันมาตลอด แล้วฉันอยู่ในฐานะอะไร? คุณกลับมาหาฉันเพื่ออะไร?”

“เพื่อให้ตัวคุณเองรู้สึกดีขึ้น? หรือเห็นฉันเป็นภรรยาจริงๆ?”

หลินชิงเสว่เดินมาอยู่ตรงหน้าถังเฉาและถามคาดคั้น

ถังเฉายิ้มเฝื่อนๆอยู่ที่มุมปากเมื่อเจอกับคำถามคาดคั้นของหลินชิงเสว่ พลางอธิบาย “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่ของของคุณผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ”

“คุณไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งที่คนสองคนควรทำหลังจากที่อยู่ด้วยกันแล้วคืออะไร”

หลินชิงเสว่ทิ้งประโยคนี้ไว้ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะกลับไปที่เตียงห่มผ้าห่มเตรียมนอน

ถังเฉาอ้าปากเล็กน้อย อยากจะพูดบางอย่าง แต่หลินชิงเสว่พลิกตัวไปอีกด้านและหันหลังให้เขา ไม่อยากฟังเขาอธิบาย

ถังเฉาหัวเราะเฝื่อนๆ จนปัญญา ได้แต่ล้มตัวลงนอนเหมือนกัน

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ถังเฉาหลับไปแล้ว แต่หลินชิงเสว่กลับลืมตาขึ้น

เธอพลิกตัว มองถังเฉาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกซับซ้อน และถอนหายใจเบาๆ

วันรุ่งขึ้น หลังจากไปส่งถังเสี่ยวลี้ที่ชั้นเรียนความสามารถพิเศษแล้ว ถังเฉาและหลินชิงเสว่ไปรับหลินฉ่ายเวยที่สนามบินเยี่ยนจิง

เมื่อพวกเขามาถึงสนามบิน เครื่องบินลำหนึ่งกำลังลงจอดพอดี

สิบนาทีต่อมา ครอบครัวที่มีสมาชิกสามคนเดินออกจากห้องรอผู้โดยสาร

คนที่เดินนำเป็นผู้หญิงผมยาวสวมหน้ากากและสวมเสื้อคลุมยาว

หลินฉ่ายเวยนั่นเอง

คู่สามีภรรยาวัยกลางคนที่เดินตามมาด้านหลังก็คือหลินเจิ้นสงและเหวินเฉี่ยวหรู

ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่ ถังเฉาพบว่าหลินเจิ้นสงกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่าเดิม สวมชุดสูทขับให้หุ่นดูสูงโปร่ง

“เสี่ยวเฉา ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

หลินเจิ้นสงเข้ามาสวมกอด

“พ่อ”

ถังเฉาและหลินชิงเสว่ต่างกล่าวทักทาย

ถังเฉาแอบมองเหวินเฉี่ยวหรูผู้อ่อนโยนที่ยืนอยู่ข้างๆ และเอ่ยยิ้มๆ “พ่อครับ ฤดูวสันต์ผลิบานเป็นครั้งที่สองหรอครับ?”

เหวินเฉี่ยวหรูหน้าแดงเมื่อได้ฟัง หลินเจิ้นสงถลึงตาใส่เขาและด่าไปหัวเราะไป “ไอ้เด็กบ้า พูดเหลวไหลอะไรเนี่ย”

หลินฉ่ายเวยหัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ สายตาทอดไปที่ถังเฉาและหลินชิงเสว่ “ถังเฉา อีกหน่อยพวกเราย้ายเข้ามากันหมด จะไม่ไปรบกวนนายกับพี่หลินใช่มั้ย?”

พูดจบแล้วยังขยิบตาให้ด้วย

“ไม่……”

ถังเฉาหัวเราะและกำลังจะตอบ

หลินชิงเสว่ชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มโดยไม่ให้เสียมารยาท “ไม่หรอก พวกเรายุ่งกันมากทุกวัน ไม่เหมือนแต่ก่อน พวกเธอเข้ามาอยู่ก็ดีแล้ว จะได้ครึกครื้น”

“…..”

หลินชิงเสว่พูดจบ หลินฉ่ายเวย หลินเจิ้นสงมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขามองถังเฉาอย่างประหลาดใจด้วยสีหน้าพิศวง

ถังเฉาก็ผงะไปเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าหลินชิงเสว่จะพูดแบบนี้

แม้ว่าเธอกำลังยิ้มอยู่ แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งเหลือเกิน

ถังเฉาพลันนึกไปถึงความขัดแย้งเมื่อคืน เขาอ่อนใจและอยากจะดึงมือของหลินชิงเสว่มา

“ชิงเสว่ เลิกเล่นได้แล้ว…..”

หลินชิงเสว่กลับถึงมือออกไปอย่างแผ่วเบา กวาดตามองเขาเรียบๆและถามกลับ “ฉันเล่นอะไรหรอคะ หรือที่ฉันพูดมันไม่ถูก?”

“คุณเป็นสามีของฉัน จะทำอะไรก็ต้องชดใช้ให้ฉันอยู่แล้วไม่ใช่หรอคะ”

หลินชิงเสว่ทิ้งประโยคเย็นชาไว้ ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มและคุยกับหลินเจิ้นสง

ถังเฉาถูกละเลยไว้ เป็นที่น่าอึดอัดใจ

นี้เป็นครั้งแรกที่หลินชิงเสว่ทำให้ถังเฉาขายหน้าต่อหน้าคนอื่นขนาดนี้

หลินฉ่ายเวยมองอึ้งๆอยู่ด้านข้าง เธอกระเถิบเข้าใกล้ถังเฉาและถาม “ถังเฉา นายกับพี่หลินมีปัญหาหัวใจอะไรกันหรือเปล่า”

“เปล่านี่”

ถังเฉาเชื่อฝ่ายเดียวว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหา

คิดไม่ถึงว่าหลินฉ่ายเวยทำหน้าเคร่งเครียด “ถังเฉา นี่เป็นเรื่องปกตินะ อย่างไรซะพวกนายก็แต่งงานกันมานานแล้ว ต้องเข้าสู่ระยะเรียบนิ่งเป็นธรรมดา ตราบใดผ่านพ้นระยะเรียบนิ่งนี้ไปได้ก็ไม่มีปัญหา ”

เห็นหลินฉ่ายเวยอธิบายด้วยความเคร่งขรึมเช่นนี้ ถังเฉาก็ผงะไป นึกอะไรไม่รู้จึงถามขึ้นมา “ถ้าผ่านไปไม่ได้ล่ะ”

“พวกนายก็เลิกรากันไปน่ะสิ”

หลินฉ่ายเวยพูดอย่างสมเหตุสมผล “ถังเฉา ประสบการณ์ชีวิตของนายไม่ได้เป็นสิ่งที่คนทั่วๆไปจะมีได้—-คนอื่นเขารักกันก่อนแล้วค่อยแต่งงาน นายกลับมีลูกก่อนแล้วค่อยแต่งงาน ค่อยรักกัน หากข้อผิดพลาดในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง พวกนายก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยกันมากที่สุด”

“นิสัย! นิสัยของพวกนายสามารถอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตได้หรือไม่เป็นสิ่งสำคัญมาก”

หลินฉ่ายเวยตามหลินเจิ้นสงไปเยี่ยมชมซอยตงเฉิงแล้ว แต่คำพูดของเธอยังคงสะท้อนในหูของถังเฉา

เขาและหลินชิงเสว่แต่งงานกันมานานมากแล้ว แต่อยู่ๆก็มีคำถามที่ไร้สาระโผล่เข้ามาในหัวของเขา: นิสัยของเขากับหลินชิงเสว่เหมาะสมต่อกันมั้ย?

ตอนเพิ่งกลับมาอยู่ในเมือง ถังเฉาแทบจะตามใจหลินชิงเสว่อยู่ตลอด กลิ่นอายหนาวเหน็บนั่นแทบจะแช่แข็งเขา

โชคดีที่เขาละลายภูเขาน้ำแข็งได้ หลังจากคุ้นเคยกับหลินชิงเสว่แล้ว ก็จะพบว่าจริงๆแล้วนิสัยของเธอไม่ได้เย็นชาอย่างที่เห็น

ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่สันติมากที่สุดในชีวิตหลังแต่งงาน

ตอนนี้ เขากำลังคิดถึงปัญหาที่ว่าเหมาะสมกันหรือไม่

ความเหมาะสมนี้ไม่เพียงแต่ในเรื่องของนิสัย แต่ต้องมีตรรกะที่เหมือนกันด้วย

เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์

หลังจากส่งหลินชิงเสว่ไปที่สำนักงานย่อยของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปในเยี่ยนจิง เพิ่งจะเดินลงมาโทรศัพท์ของถังเฉาก็ดังขึ้น

พอเห็นสายที่โทรเข้า ถังเฉาขมวดคิ้ว มาจากเบอร์แปลก

นี่เป็นเบอร์ส่วนตัวของเขา ใครกันนะ?

เขากดรับสาย เสียงเย็นชาของผู้ชายคนหนึ่งดังผ่านสายมาอย่างรวดเร็ว

“ถังเฉา?”

“…..”

ถังเฉาสายตาชะงัก ก่อนจะเป็นประกายคมกริบ “ถังฮันเจี๋ย?”

“ฉันเอง”

คนที่โทรหาถังเฉาก็คือถังฮันเจี๋ยจากตระกูลถังแห่งตระกูลหลวง นี่เป็นเรื่องที่ถังเฉาคิดไม่ถึง

“นายมีเบอร์ฉันได้ยังไง?”

ถังฮันเจี๋ยยิ้มบางๆ “ถึงยังไงตระกูลถังของฉันก็เป็นหนึ่งในเก้าตระกูลหลวง หากตั้งใจจะตามหาอะไรสักอย่างมีอะไรที่ไม่เจอบ้าง? อย่าว่าแต่แค่เบอร์โทรศัพท์เลย”

ถังเฉาจึงไม่พูดอะไรอีก ถามเสียงเย็น “พูดมาเถอะ โทรหาฉันมีเรื่องอะไร”

“ฉันอยู่ในร้านกาแฟที่ห่างจากนายห้าร้อยเมตร”

พูดจบก็วางสายไป

ถังเฉาขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนแรกเขาไม่อยากยุ่ง แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ชะงักฝีเท้า และเดินไปทางที่ถังฮันเจี๋ยอยู่

จากนี้ไปไม่ไกลมีห้างขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ช่วงพักผ่อนมีพนักงานออฟฟิศมาดื่มชายามบ่ายและคุยธุรกิจที่นี่ไม่น้อย เวลานี้จึงยังมีคนมากอยู่

ถังเฉาเดินเข้ามาปุ๊บก็มีพนักงานหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามานำทางด้วยท่าทีนอบน้อม

“คุณถัง เชิญทางนี้ค่ะ”

เธอพาถังเฉาไปที่บาร์ส่วนตัว

ชั้นสองกว้างขวางกว่า แสงไฟก็มืดมนกว่า มีคนหนึ่งนั่งอยู่ กำลังคนกาแฟบลูเมาท์เทนด้วยท่าทางเบื่อๆ

ถังเฉานั่งลงข้างเขา ถังฮันเจี๋ยเงยหน้าและยิ้มให้เขา “เก็บความเขม่นของนายไปเถอะ วันนี้ฉันมาหานายไม่ได้มาในนามตัวเอง แต่มาในนามตระกูล—-ผู้นำเชิญนายไปตระกูลถัง บอกว่ามีเรื่องจะคุย”

ถังเฉาได้ฟังแล้วหัวเราะเบาๆ “พวกนายให้ฉันไปฉันก็ต้องไปหรอ? นี่หรือมารยาทในการเชื้อเชิญผู้อื่นของพวกนาย?”

ตู้ม!

ถังฮันเจี๋ยวางแก้วกาแฟในมือลงอย่างแรง ความโกรธเกรี้ยวพลุ่งพล่านอยู่ในแววตา “ถังเฉา ไว้หน้านายแล้วหัดเจียมบ้าง!!”

“จะเชื้อเชิญผู้อื่น ก็ต้องมีมารยาทของการเชิญ”

ถังเฉาไม่โมโห กลับนั่งลงนิ่งๆ

ถังฮันเจี๋ยในตอนนี้อยากจะบอกจุดประสงค์ที่ผู้นำให้เขามาออกมามาก แต่เนื่องจากพูดต่อหน้าไม่ได้ จึงได้แต่อดทนไว้เอง กัดฟันกรอดพลางลุกขึ้น

“คุณถัง เชิญ!”

เขาโค้งตัวเก้าสิบองศา ผายมือทำท่าเชิญ

คราวนี้ถังเฉามีสายตาประหลาดใจขึ้นมา

นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ถังฮันเจี๋ยยอมอ่อนข้อให้ตัวเอง หรือว่า มีเรื่องสำคัญจริงๆ?

เงียบไปครู่หนึ่ง ถังเฉาพยักหน้า “งั้นฉันจะไปหาพวกนายสักครั้ง”

ถึงยังไงเขาก็มีแผนจะไปตระกูลถังสักครั้งอยู่แล้ว ที่นั่นต้องมีเบาะแสเกี่ยวกับตัวตนของตัวเองแน่ๆ

เมื่อเห็นถังเฉาตกลง ถังฮันเจี๋ยโล่งอก ทั้งสองขึ้นรถตู้คันหนึ่งและแล่นเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลถัง

ที่ถังเฉาประหลาดใจคือไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร คนทั้งสามรุ่นในตระกูลถังแห่งตระกูลหลวงอยู่กันพร้อมหน้า สายตาคมกริบบ้างสงสัยบ้างต่างจ้องมองมาที่ถังเฉา

นี่หรือ เด็กหนุ่มที่พัวพันกับพวกเขาตระกูลถัง?

“ผู้นำอยู่ข้างใน”

ถังฮันเจี๋ยพูดจบก็ถอยออกไป

ถังเฉาผลักประตูเข้าไป ก็เห็นถังเหนียนหู่นั่งตัวตรงอยู่ที่โต๊ะเขียนพู่กันจีน กำลังอ่านหนังสือโบราณเล่มหนึ่งอยู่

เมื่อเห็นถังเฉามาแล้ว เขารีบวางหนังสือโบราณลง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “ถังเฉา วันนี้ฉันเรียกแกมามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งขอให้แกช่วย—-คนจากราชวงศ์ต้าเซี่ยมานี่ ขอให้แกมอบตราตัวตนออกมาด้วย”

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน ถูกว่าที่ภรรยาใส่ร้าย ในเวลาที่เกือบจะตาย มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยเขาอย่างสุดชีวิตห้าปีต่อมา อำนาจและทรัพย์สมบัติของโลกล้วนตกอยู่ในมือของเขา การกลับมาของม้าศึก แค่เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณในคืนนั้น แต่กลับพบว่า เธอได้คลอดลูกสาวคนหนึ่งสิ่งที่เป็นหนี้คุณไม่สามารถลบล้างให้หมดไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ปกป้องพวกคุณสองแม่ลูก……ทั้งชีวิตเลยแล้วกัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท