วิ้วๆๆๆ!
คืนนี้ในเยี่ยนจิง ดังกระหึ่มไปด้วยเสียงไซเรน รถตำรวจที่กะพริบไปด้วยไฟสีแดงน้ำเงินสามารถมองเห็นทุกที่บนท้องถนน
พวกเขาทั้งหมดขับรถไปในทิศทางเดียวกัน ไปที่สถานีตำรวจ
คดีนี้แม้ว่าทางฝั่งตำรวจจะพยายามปกปิด แต่มันยังคงมีรั่วไหลออกไปบ้าง
ด้วยความสามารถของหน่วยข่าวกรองของตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ข่าวได้ถูกส่งไปให้กับเก้าตระกูลหลวงในเยี่ยนตู
ตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง ในคฤหาสน์ต้นตระกูลของตระกูลเย่
ดึกมากแล้ว แต่ว่าผู้นำตระกูลเย่เย่หยวนซานยังคงไม่ได้นอน
เขาที่ยกเก้าอี้เตี้ย ร่างกายพันไว้ด้วยผ้าห่ม ไปนั่งผิงไฟอยู่ข้างเตา
อายุแปดสิบปีแล้ว ไม่เหมือนกับฉินโช่ววงไอ้คนหัวโบราณที่เข้าใจทุกอย่างแต่แกล้งเลอะเลือนอย่างตระกูลฉิน เย่หยวนซานยังคงดูแลและบำรุงร่างกายได้อย่างดี ไม่เพียงแต่ไม่ป่วย กลับยิ่งแก่ยิ่งดูดี
ขณะนี้ เขากำลังเหม่อมองท้องฟ้าที่มืดมิด นัยน์ตาเปล่งประกายด้วยแสงแห่งปัญญา
ก๊อกๆ
เวลานี้ ด้านนอกประตูก็ดังขึ้นด้วยเสียงเคาะประตู ดังขึ้นด้วยเสียงหัวเราะของชายหนุ่มคนหนึ่ง
“คุณปู่ ดึกป่านนี้ คุณปู่ยังไม่นอนอีกหรอ?”
ประตูถูกเปิดออก เย่จงซือเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า
เมื่อเห็นคุณปู่กำลังนั่งผิงไฟอยู่ข้างเตา ทันใดนั้นก็เกิดความสนใจ ก็นั่งลงยื่นมือออกไปผิงไฟด้วย
เย่หยวนซานยิ้ม “จงซือ นายรู้สึกว่าน้องสาว(ลูกพี่ลูกน้อง)ของนายเป็นอย่างไรบ้าง?”
เย่จงซือไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับยิ้มแล้วกล่าว “คุณปู่ คำถามของคุณปู่กว้างมากเลย น้องสาวผมมีตั้งหลายคน ไม่รู้ว่าคุณปู่หมายถึงคนไหน?”
“คนที่แกติดค้างมากที่สุด”
“……”
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เย่จงซือตกอยู่ในความเงียบ
เสียงของไม้ที่ถูกเผายังคงดังมาจากใต้เตา แต่เย่จงซือกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลย
เขาดึงมือมากลับมาอย่างเงียบๆ “จงซือชีวิตคนเราต้องประพฤติตนถูกต้อง มีคุณธรรม สำหรับพี่น้องแล้วยิ่งต้องรักใคร่ ห้ามติดค้างใครแม้แต่คนเดียว”
“แต่พ่อนาย จงเวิ่นน่ะ?”
สายตาที่คมกริบของเย่หยวนซานจับจ้องอยู่ทเย่จงซือ ราวกับว่าได้มองทะลุเข้าไปในวิญญาณของเขา
เย่จงซือเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง เพียงแต่ครั้ง ไม่นานก็คิดออกว่าจะตอบอย่างไร
“คุณพ่อเมื่อก่อนอาจจะเคยทำผิด แต่เวลาก็ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น อีกอย่าง ความแค้นของพ่อ ไม่ควรมาให้ลูกชดใช้”
น้ำเสียงเย่จงซือเคร่งขรึม มีความรู้สึกต่อต้านเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่หยวนซานก็หยุดพูด มองใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวของเย่จงซือ จู่ๆก็รู้สึกได้ถึงร่องรอยของความเย็นชา
“ตอนนี้มันเป็นโลกของคนหนุ่มสาว”
เขาถอนหายใจเบาๆแล้วกล่าว “ปู่น่ะถอนตัวออกจากการเป็นผู้นำของตระกูลนานแล้ว ใครจะเป็นผู้นำคนต่อไป การแย่งชิงที่ดุเดือด ต่างคนต่างซ่อนความเก่งของตัวเองเอาไว้ ปู่เองก็รอคอยอยู่เหมือนกัน”
สายตาที่จริงจังในดวงตาของเย่จงซือค่อยๆจางหายไป และเขาก็ยิ้มเล็กน้อย “คุณปู่ ผมจะพยายาม”
หลังจากการสนทนาระหว่างคุณปู่กับหลานชายสิ้นสุดลง เย่จงซือเดินออกจากห้อง และหายตัวไปในทางเดิน
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูตู้เสื้อผ้าของเย่หยวนซานก็เปิดออกอย่างเงียบๆ และเรียวขาขาวราวกับหยกก็ยื่นออกมา
เย่เซ่าเตี๋ยออกมาจากในตู้เสื้อผ้า ถอนหายใจกล่าว “เธอยังคงทำจะเช่นนี้จริงๆ”
“เธอไม่ทำแบบนี้ไม่ได้”
เย่หยวนซานนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดขึ้น “วิธีการก่อนจะลงมือทำการใหญ่ได้ตัดหนทางรอดออกไปหมดจากนั้นก็ลงมืออย่างแน่วแน่ เพื่อให้ได้รับซึ่งชัยชนะ มันเหมือนพ่อของเธอเลย”
“เย่จงเวิ่น?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยเต็มไปด้วยประหลาดใจ
เย่หยวนซานพยักหน้าเบาๆ “เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง ไม่เช่นนั้น เขาก็คงไม่ถูกราชวงศ์เซี่ยเลือก จนได้เลื่อนเป็นราชวงศ์ในกรณีพิเศษ”
น้ำเสียงของเย่หยวนซานมีความอิจฉาเล็กน้อย
“สองพ่อลูก อนาคตต้องสู้กันอย่างแน่นอน”
เย่เซ่าเตี๋ยยิ้มแล้ว “คุณปู่ คุณก็มองเธอสูงเกินไปแล้ว หนูก็เป็นหลานของคุณปู่ หนูยังไม่ได้บอกว่าจะสละการแย่งชิงตำแหน่งผู้นำเลย อีกอย่าง ยังมีเย่จงซือคน”
เย่หยวนซานมองเย่เซ่าเตี๋ยไปแวบหนึ่ง เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้น เขาอ้าปากเล็กน้อย เหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไร
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดมันออกมา
เขาทนไม่ได้ที่ทำลายความเชื่อมั่นของเย่เซ่าเตี๋ย
“ไม่ว่าเย่หรูอี้จะสูญเสียพรหมจรรย์หรือไม่ งานแต่งงานของตระกูลถังกับตระกูลเย่ยังคงดำเนินการต่อไป เธอไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบ เป็นครั้งที่สองที่เธอเสียสละงานแต่งงานของตัวเอง เธอจะได้ผลลัพธ์ที่เธอต้องการอย่างแน่นอน”
“งานแต่งงานจะกลายเป็นโรงฆ่าสัตว์มั้ย”
เย่เซ่าเตี๋ยออกเสียงถาม
เย่หยวนซานพยักหน้าที่แก่ “งานแต่งงานจะกลายเป็นโรงฆ่าสัตว์”
ฮู้……….
เปลวไฟดวงสุดท้ายในเตาดับลง และห้องก็เย็นลงในทันใด
อย่าว่าแต่เย่หยวนซานเลย แม้แต่หญิงสาวอย่างเย่เซ่าเตี๋ย ก็ยังรู้สึกเย็นจนแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณ
ฝั่งตระกูลถัง ถังฮันเจี๋ยสุดท้ายก็ได้โทรไปหาถังเหนียนหู่
ถังเหนียนหู่ที่เงียบไปนาน คำพูดที่พูดกับถังอันเจี๋ยเหมือนจะคลุมเครือ แต่กลับมีความเข้าอกเข้าใจ
“ฮันเจี๋ย พายุเข้าแล้ว จะหาปากแห่งสายลมได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับทางเลือกของนายแล้ว”
“นายจำไว้เพียงคำพูดเดียว เย่หรูอี้ เธอเกือบจะเป็นภรรยาของเจ้ามังกร ก็พอแล้ว”
“……”
ที่ปลายสาย ใจของถังเจี๋ยสั่นอย่างรุนแรง หัวใจเต้นแรงมาก ราวกับว่าจะกระโดดออกมาแล้ว
ความเยือกเย็นในแบบเดียวกันได้แทรกซึมเข้าสู่จิตวิญญาณ ได้แผ่นไปทั่วร่าง
“ท้องฟ้าของเยี่ยนจิงกำลังจะเปลี่ยนไป”
ตระกูลฉินแห่งตระกูลหลวง
นายท่านฉินเพิ่งเล่นหมากรุกกับหลานชายสองคนเสร็จไปคนละตา
หมากทั้งสองตา ฉินผู่หยางกับฉินกวนฉีต่างก็เป็นผู้แพ้
คนยิ่งแก่ยิ่งมากประสบการณ์จริง
ฉินผู่หยางเดินกะเผลกออกจากบ้านไม้ของฉินโช่ววงด้วยไม้เท้า ก็เห็นชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่ใต้ไม้แก่ที่อยู่ไม่ไกล
ฉินผู่หยางหยุดฝีเท้าไปครู่หนึ่ง แล้วเดินต่อไปราวกับเขามองไม่เห็นมัน
“นายก็แพ้แล้ว”
ฉินกวนฉียิ้มแล้วเดินเข้ามา พูดกับฉินผู่หยาง
“นายก็แพ้แล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
ฉินผู่หยางขมวดคิ้วกล่าว
“แต่มันไม่เหมือนกัน”
ฉินกวนฉียิ้ม “ฉันนั้นแพ้หวุดหวิด แต่นายนั้นแพ้อย่างราบคาบ”
“……”
แววตาของฉินผู่หยางสั่นไหว ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เดินผ่านร่างของฉินกวนฉีไป
“จริงๆแล้วนายเดินตัวที่สำคัญผิดไปหนึ่งก้าว”
ฉินกวนฉีตะโกนจากด้านหลัง “ม้าสองตัวข้ามสะพาน น่าจะพุ่งชนโดยตรง ไม่ใช่หยุดหรือไม่เดินหน้า ทหารห้าคนข้ามสะพาน มันคือพาหนะรุ่นต่ำ แต่นายยังคงข้ามสะพานไม่ได้”
ฉินพู่หยางที่ถือไม้เท้าอยู่ ไม่ได้หันหน้ากลับมา กลับเดินเร็วมากขึ้น
สีหน้าของเขาบิดเบี้ยว ใบหน้าขุ่นมัว และดวงตาของเขาดูน่ากลัวราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังเลือกจะกินคน
แม่น้ำคืออะไร?
คือพึ่งพิง
ที่พึ่งพิงของเขาก็คือถังเฉา และที่พึ่งพิงของฉินกวนฉี ก็คือราชวงศ์ต้าเซี่ย
ถังเฉาถูกจับ ที่พึ่งของเขาไม่มีแล้ว ผลที่เห็นได้ชัดเจน
เขาแพ้ให้กับฉินกวนฉีอย่างราบคาบ
เว้นแต่ว่า ถังเฉาจะได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย
เขาไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะทำอย่างไร ชีวิตของเขากับถังเฉาถูกมัดไว้ด้วยกัน เขาจำเป็นต้องออกหน้า
แต่ว่า เมื่อออกหน้า นั่นก็เท่ากับว่ามันจะขัดกับความหมายของฉินโช่ววงในการนั่งอยู่บนภูเขาเพื่อดูเสือต่อสู้…….
คืนนี้ สำหรับถังเฉาแล้ว มันเป็นเกมจับมังกร
สำหรับเขาฉินผู่หยาง ก็เช่นกัน
บางที
อาจจะไม่ใช่แค่เขาคนเดียว
มีคนมากกว่านี้ที่กำลังลังเล สับสน
……
โครม โครม โครม
รถเบนซ์สีดำคันหนึ่งที่วิ่งอยู่บนถนนด้วยความเร็วสูง แซงรถคันแล้วคันแล้ว
บนถนน หลินชิงเสว่มองเห็นรถตำรวจมากมาย สถานการณ์รุนแรงกว่าที่เธอคิด
ฝ่ามือเธอเย็นมาก เหยียบคันเร่งจนมิด มุ่งหน้าขับรถไปยังทิศทางของคฤหาสน์ตระกูลหลิน
สิบนาทีให้หลัง เธอก็มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลหลิน
ในเวลานี้ตระกูลหลินมืดสนิท ไม่มีดวงไฟที่เปิดอยู่เลย
เห็นได้ชัด ทุกคนนอนกันหมดแล้ว
หลินชิงเสว่ที่กระวนกระวาย กดออดประตูอย่างไม่ยอมหยุด
ติ๊งตอง ติ๊งตอง………
ในที่สุด ดวงไฟดวงหนึ่งก็สว่างขึ้นมา
จากนั้นก็เห็นหญิงสาวที่สวมชุดนอนลายการ์ตูน เดินออกมาอย่างงัวเงีย
“ใครน่ะ? ดึกแล้วยังไม่ให้คนอื่นนอนอีกเหรอ?”
“จ้าวหยูน ฉันเอง”
หลินชิงเสว่พูดส่งเสียง
ความง่วงของหลินจ้าวหยูนหายไปทันที แทนที่ด้วยความประหลาดใจ “พี่เองเหรอ?”
เขารีบเปิดประตู ให้หลินชิงเสว่เข้ามา จับมือเธออย่างกระตือรือร้น “พี่ ขอโทษนะ ช่วงนี้ฉันยุ่งมากเลย ไม่ได้ติดต่อพวกพี่เลย……..ฉันสามารถยืนได้ด้วยความสามารถของตัวเองแล้วนะ…….”
“พี่เขยของแกถูกจับ”
หลินจ้าวหยูนกำลังจะคุยหลินชิงเสว่เกี่ยวกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเธอในช่วงเวลานี้ แต่หลินชิงเสว่ที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก และคำพูดที่เยือกเย็นนี้ออกมาจากปากของเธอ
“……”
ทันใดนั้น อากาศก็จับตัวกันทันที
หลินจ้าวหยูนอึ้งอยู่กับที่ “พี่ พี่ว่าอะไรนะ?”
“เย่หรูอี้เสียพรหมจรรย์แล้ว ทางตำรวจตัดสินว่าคนร้ายคือถังเฉา เรื่องนี้มันทำให้เบื้องบนตื่นตระหนกกันแล้ว”
โครม!
ทันใดนั้น ใบหน้าที่สวยงามของหลินจ้าวหยูนก็ซีดลง
“เขาอยู่ไหน?”
หลินชิงเสว่สอบถาม
ใครก็รู้ เขาที่เธอพูดคือใคร
“ตามฉันมา!”
หลินจ้าวหยูนรีบพาหลินชิงเสว่ไปที่ห้องหนังสือของหลินรั่วหวีโดยตรง
หลินรั่วหวีก็เข้านอนแล้ว แต่เมื่อเห็นลูกสาวสองคนของตัวเองมาหา เขาก็ลุกจากเตียงทันที
“ถังเฉาถูกจับแล้วค่ะ ไปช่วยเขาด้วย”
หลินชิงเสว่มองหลินรั่วหวี พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“……”
หลินรั่วหวีนิ่งเงียบ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ส่ายหัว “ขอโทษด้วย พ่อทำไม่ได้”
หลินชิ่งเส่วกลั้นหายใจไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“หนูบอกว่า ไปช่วยเขา!”
เสียงนี้ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆในตระกูลหลิน พวกเขาต่างทยอยลงมาข้างล่างเพื่อมาดูสถานการณ์
เมื่อเห็นหลินชิงเสว่นั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที
“เธอมาทำอะไร……….”
ในกลุ่มคน ใบหน้าของเว่ยหมิงจวินเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
แต่ว่าหลินชิงเสว่กลับไม่รู้สึกอะไร สองตายังคงจับจ้องอยู่ที่เขา
หลินจ้าวหยูนก็ร้อนใจแล้ว ก็ขอร้องแทนเธอ
“พ่อคะ พ่อช่วยพี่เขยด้วยเถอะ พี่เขยถูกใส่ร้าย เขาจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง?”
ทว่า หลินรั่วหวียังคงไม่แยแส
“หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็ไปนอนเถอะ”
พรึบ!
ในขณะที่เขาหันหลัง หลินชิงเสว่ก็คุกเข่าลง โขกหัวคำนับหลินรั่วหวีไปหนึ่งที
ตูบ
เสียงดังมาก หน้าผากที่เงางามของหลินชิงเสว่ ก็เต็มไปด้วยรอยเลือดในทันที
“หนูขอร้องพ่อล่ะ!”
หลินชิงเสว่กัดฟันแน่น อดทนต่อความเจ็บแล้วพูด
“……”
ด้วยเหตุนี้ สีหน้าของหลินรั่วหวีก็เปลี่ยนไปอย่างมาก แววตาสั่นไหว
“แกเพื่อเขาแล้ว ถึงกับยอมคุกเข่าคำนับพ่อ?”
“แม้พ่อจะเอาชีวิตหนูก็ยังได้”
หลินชิงเสว่เงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยเลือดที่เต็มหน้า
ในบ้านเงียบกริบไปในทันที!
สีหน้าของหลินรั่วหวีมืดมนอยู่ครู่หนึ่ง และในใจของเขากำลังต่อสู้กัน
ในใจเธอ ความสำคัญของตัวเขาเองสู้เขาไม่ได้จริงๆ
“ได้”
หลินรั่วหวีหัวเราะเจื่อนๆไปหนึ่งที
เมื่อได้คำตอบ หลินชิงเสว่ไม่ได้อยู่ต่อเลย รีบลุกขึ้นหันหลังเดินจากไป
ก็ไม่มีเวลามาสนใจเลือดที่หน้าผาก แล้วก็โทรไปยังหมายเลขหนึ่ง ซึ่งเป็นหมายเลขที่เธอไม่ได้โทรมาเป็นเวลายี่สิบปีแล้ว
“โหล?”
ในโทรศัพท์ น้ำเสียงของผู้หญิงที่จิตสงบ สงบเหมือนคนที่ปลงแล้ว
“ถังเฉาถูกจับ”
คำพูดนี้พูดจบ หลินชิงเสว่ก็เก็บความรู้สึกไม่ไหวแล้ว น้ำตาไหลลงมาทันที ดวงตาแดงก่ำ
“ช่วยเขาด้วย!”
“……”
ปลายสายเงียบไปนานมาก
ในที่สุดก็ดังขึ้นด้วยเสียงสังหารของลั่วเย่นหัว
“ได้”