เจ้ามังกรพรีเมี่ยม – บทที่ 823 จับชู้คาเตียง

บทที่ 823 จับชู้คาเตียง

พอเย่จงซือพูดจบ บริเวณงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยเสียงเอะอะ พลันเงียบลง

ในชั่วขณะนั้น แต่ละคนต่างมองหน้ากันไปมา ต่างคนต่างไม่เห็นมีปฏิกิริยาใด ๆ

ให้แม้แต่เด็กรุ่นหลังตระกูลเย่ ก็มองหน้าเย่จงซืออย่างงง ๆ

“เจ้ามังกรอะไรกัน?”

เย่จงซือหน้าเย็นเยือกจนแทบจะระเหยออกเป็นไอ สองตาจ้องเขม็งไปที่ถังเฉา “พวกเรายังจำม้ามืดที่ดังระเบิดในงานประชุมแดนเหนือ ชายหนุ่มใส่หน้ากากที่ใช้ชื่อว่าเจ้ามังกรคนนั้นได้ไหม?”

“ก็คือท่านผู้นี้!”

“อะไรนะ?”

ตูมเดียวเท่านั้น เย่จงซือเพียงแค่พูดจบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในบริเวณงานเปลี่ยนกันไปอย่างสิ้นเชิง

คนที่อยู่ในบริเวณงานทั้งหมดนี้ ไม่ใช่รวยมากก็เป็นคนสูงศักดิ์ ล้วนมาจากตระกูลยักษ์ใหญ่เมืองซื่อจิ่ว กับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศล้วนเป็นเรื่องที่รู้กันชัดแจ้ง

เรื่องที่สำคัญระดับสากลที่เกิดขึ้นใกล้ ๆ นี้ คงต้องยกให้เหตุการณ์ในงานประชุมแดนเหนือที่เจียงเฉิง

ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์การต่อสู้ในช่วงแรก หรือเหตุการณ์ช่วงหลังที่คนทั้งหมดในสนามกีฬาถูกกักเป็นตัวประกัน ล้วนเป็นข่าวระดับยอดนิยม

อันเนื่องมาจากในงานประชุมแดนเหนือครั้งนั้น ทุกคนล้วนจำชายลึกลับใส่หน้ากากคนนั้นกันได้

เขาสู้กับหัวหน้าสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิง สู้กับหลินรั่วหวี ตัวคนเดียวช่วยคนทั้งหมดที่อยู่ในสนามกีฬา—หากครั้งนั้นขณะทำการต่อสู้กับหลินรั่วหวีไม่ถูกเหตุการณ์นั้นขัดจังหวะ เขามีโอกาสอย่างยิ่งที่จะได้ตำแหน่งที่หนึ่ง

คนกล้าแกร่งแบบนี้ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองซื่อจิ่วต่างก็อยากแย่งซื้อตัวมาเป็นพวก ยิ่งแน่นอนไปกว่านั้นก็อยากให้รู้ว่าตัวจริงของคนใส่หน้ากากนั้นเป็นใครกัน แต่ก็ไม่มีร่องรอยแม้วี่แววแต่น้อย

เงียบหายไปพักใหญ่แล้ว กลับมาปรากฏในเมืองซื่อจิ่ว ทั้งยังเป็นการปรากฏตัวในงานมงคลสมรสของตระกูลเย่กับตระกูลถัง

อยู่ต่อหน้าคนระดับที่สามารถท้าเทียบกับหลินรั่วหวี เย่จงซือให้รู้สึกกดดันเพิ่มหนักขึ้นอีกมาก สีหน้ายิ่งเยือกหนักลงอีกถึงสุดขีด

ถึงอย่างไร ในความมั่นใจของเขาก็ไม่มีความมั่นใจในการจะไปเทียบเคียงกับหลินรั่วหวีได้

คนระดับยิ่งใหญ่นี้มาก่อกวนหาเรื่องในงานแต่งงานตระกูลหลวง เขาก็ให้รู้สึกว่าหมดปัญญาจริง ๆ

หวังเจี้ยนหลู้ก็เกิดอาการออกสีหน้าตื่นตระหนก จ้องเพ่งตาจับที่ถังเฉา หน้าแก่ ๆ ออกอาการกระตุก เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากยอม

ส่วนถานหลี้ ยิ่งไปกันเป็นเรื่องตกใจจนโง่ออก คิดถึงคำก่นด่าก่อนหน้านี้ ทำเอาหล่อนช็อกกลัวจนหน้าซีด ทำอะไรไม่ถูก

ในขณะนั้น ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบ ทุกคนต่างรับรู้ถึงความกดดันที่หนักอึ้ง

ยิ่งตอนสายตาของถังเฉากวาดผ่าน มันสะท้อนเห็นความเย็นเยือกในความเด็ดขาด ยังให้คนรู้สึกขนลุกในใจ

นอกจากคนที่อยู่ในโถงงานเลี้ยง ชายหนุ่มแขนด้วนที่ยืนอยู่นอกโรงแรม ก็มองอยู่ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

เย่เทียนหลง นั่นเอง

เขากำลังคิดวางแผนช่วยเย่หรูอี้ยังไง ไม่คิดว่าจะมาพบเห็นถังเฉา

หลังจากตื่นตะลึงแล้ว ก็ได้เห็นถึงโอกาสอันเป็นอย่างดีนี้ จึงรีบลอบเข้าไปทางด้านข้าง เร้นแฝงตัวเข้าไป

…………………….

พฤติการณ์ของเย่เทียนหลง ย่อมรอดไม่พ้นสายตาของถังเฉา เขาทำไม่ใส่ใจแค่นหัวเราะเบา ๆ

ไหน ๆ จะหาเรื่องก่อกวนแล้ว ก็ทำมันให้ถึงที่สุด

และแล้ว ในตาของถังเฉาแวบผ่านแววหนาวเยือก จ้องไปที่เย่จงซือ “ดูท่าแล้ว คุณเหมือนจะออกหน้าแทนพวกเขาใช่ไหม?”

คำพูดที่เหน็บหนาว ทำเอาเย่จงซือสะท้านไปถึงในใจ

ในตอนนี้ เขารู้สึกถึงความกดดันที่แสนหนักหนา

ตัวเขาเองก็รู้สึกใจสะท้านอย่างแรงสุด ถึงยังไงด้วยตัวเขาเองก็เป็นผู้ฝึกแรงภายในมา ก็จัดอยู่ในกลุ่มผู้รู้ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องการชิงตำแหน่งผู้จัดการตระกูลเย่สมัยต่อไป ระหว่างตัวเขาและเย่เซ่าเตี๋ยกับเย่หรูอี้

แต่ว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าของเขาตอนนี้ คนที่เพียงแค่สายตาก็ทำให้เขาหมดสิ้นถึงความคิดจะต่อต้าน คงเห็นแล้วซึ่งพลังและความเก่งกาจ

“สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานในจักรวาลผู้สามารถเทียบทานฝีมือกับหลินรั่วหวี……”

เย่จงซือตระหนักคิดอยู่ในใจว่า จะเป็นศัตรูกับเขาไม่ได้เด็ดขาด

คิดมาได้ถึงนี้แล้ว เย่จงซือรีบส่ายหน้า “มิกล้า ผมคิดว่าน่าจะมีอะไรเข้าใจผิดกันเป็นแน่แท้”

แชว๊ป!

ฟังคำพูดของเย่จงซื่อจบ สีหน้าถังเฉาไม่ได้ผ่อนคลายอ่อนเย็นลง แต่กลับเกรี้ยวกราดขึ้น

ตาทั้งคู่ของถังเฉาทำหรี่ลงเล็กน้อย พูดเหมือนเจาะจงถึงใครว่า “เข้าใจผิด?คนในตระกูลหวังมาเย้าหยอกลวนลามลูกน้องหญิงสาวของข้า หล่อนปกป้องตัวเองอย่างสมเหตุ มันผิดตรงไหน?”

ตูม

พอพูดแบบนี้ออกไป ไม่เพียงเย่จงซือ หวังเจี้ยนหลู้ และทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี

เรื่องราวที่เป็นข้อเท็จจริงชัดเจนแล้ว เรื่องเป็นเพราะทายาทตระกูลหวังไปชมชอบในความสวยของบอดี้การ์ดสาวชาวบ้าน แต่กลับถูกเล่นงานกลับ

เย่จงซือเหงื่อแตกพลั้กให้เห็น หวังเจี้ยนหลู้ยิ่งถึงขนาดตากระตุก

เกี่ยวกับยอดชายนายหวังเชาคนนี้ ทุกคนล้วนรู้จักกันดีในเรื่องคุณธรรมส่วนตัวเป็นยังไง ลองได้เห็นสาวที่สวยต้องใจ ก็จะมีใจคิดเอาให้อยู่มือ หญิงสาวชาวบ้านในเมืองซื่อจิ่วไม่น้อยที่ตกอยู่ในภัยเลวร้ายนี้ ไม่คิดว่าจะมาเจอเข้ากับบอดี้การ์ดสาวคนนี้เข้า

เข้าทางเฟิ่งหวงพอดีกับจังหวะต้องเสียบแทงมีดซ้ำ ทอดถอนใจไปเบา ๆ

“ฉันว่าออมแรงไว้มากแล้วเชียว ไม่คิดว่าจะไม่ได้เรื่องถึงปานนี้ สะกิดนิดก็กระเด็นไปเสียนี่”

“แค่นี้เองเหรอ ที่คิดจะสยบข้า?”

เฟิ่งหวงทำส่ายหน้าอย่างผิดหวัง

“……….”

ต่อหน้าถังเฉา พวกเขามีความกลัวเกรง กับคำพูดไม่กี่คำของเฟิ่งหวง จึงแทบทำให้พวกเขามึนสลบไปได้เลย

โดยเฉพาะกับหวังเจี้ยนหลู้ ตอนนี้ใบหน้าแดงก่ำ ลูกของตัวเองถูกเตะกระเด็นสลบไป ไม่เพียงขอความเป็นธรรมไม่ได้ แต่ยังกลับโดนสมน้ำหน้าเข้าให้

เย่จงซือหายใจเข้าอย่างลึก ฝืนยิ้มออกมา “คุณเจ้ามังกรครับ คนก็ได้ถูกอัดสั่งสอนไปแล้ว ท่านคงสะกดความโกรธลงได้ละ เราเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกันดีกว่านะครับ?พวกเราจัดเตรียมที่นั่งด้านหน้าสุดให้ท่านไว้แล้วครับ….”

เย่จงซือเริ่มวางหมากเกม ตอนนี้ใคร ๆ ก็มุ่งหวังที่จะดึงเจ้ามังกรเข้าเป็นพวก ไม่คิดว่าจะมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงของพวกเขานี้ได้ มันช่างเป็นโอกาสดีมากเหลือเกินในการชวนเชิญ

หากแม้นเขาสามารถสร้างสัมพันธภาพให้ดีได้ เท่ากับตระกูลเย่จะได้นักบู๊ระดับสุดยอดฝีมืออีกคนหนึ่ง—–ไม่ ต้องเป็นเขาเองเย่จงซือจะได้นักบู๊สุดยอดฝีมือมาอีกคนหนึ่ง แล้วในเมืองซื่อจิ่วนี้ ยังจะมีใครมาเป็นคู่ต่อสู้เขาได้อีก?

แต่แล้ว สิ่งที่ถังเฉาจะพูดต่อไปนี้ กลับทำให้ความฝันหวานนี้ล่มสลายมลายสิ้น

“เข้านั่งที่เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้วแหละ แต่ตำแหน่งตรงไหนช่างมันเถอะ ที่มาในครั้งนี้ ข้ามาในนามของตระกูลหลวงตระกูลฉู่”

ถังเฉาเอ่ยปาก พูดด้วยเสียงเรียบ ๆ

ตูม!

พอให้ได้ยินเข้า ทุกคนที่อยู่นั้นสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเย่จงซือ หน้าตาดูเหมือนจะบูดเบี้ยวเอาเลย

“มาในนามตระกูลฉู่?คุณท่าน ท่านกับตระกูลฉู่?”

เขากลืนน้ำลายลงคอไปคำใหญ่

ถังเฉาโบกมือ “คุณฉู่หยังแห่งตระกูลฉู่ได้ให้เกียรติข้า ให้เป็นตัวแทนตระกูลฉู่มางานนี้เท่านั้นแหละ”

“……”

ชั่วเวลาขณะนั้นเอง บริเวณโดยรอบเงียบกริบ บรรดากลุ่มตระกูลที่มุ่งหวังจะดึงถังเฉาเข้าพวกต่างผิดหวังไปตาม ๆ กัน

เย่จงซือหายใจเข้าลึก ๆ พยายามฝืนผลักดันรอยยิ้มออกมา พูดยิ้ม ๆ ว่า “ช่างเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง แต่ก็คงได้แต่เรียนเชิญให้ท่านเจ้ามังกรดื่มกินให้สบายนะครับ”

“งานมงคลสมรสนี้ มันจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นหรือ?”

ในขณะที่เย่จงซือกำลังจะเดินจากไป ถังเฉากลับพูดกลั้วหัวเราะออกเย้ย ๆ

เย่จงซือหยุดชะงักก้าว หันกลับมองอย่างข้องใจ

ถังเฉากลับทำเหมือนแค่คิดสะกิดแต่พองาม ยิ้มจืด ๆ ลุกขึ้นเดินเข้าสู่กลางโถงในงานเลี้ยง

เฟิ่งหวงก็เดินตามติดไป ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

ช่วงเดินเฉียดไหล่ ถังเฉาปราดตามองเย่จงซือแวบหนึ่ง

ด้วยเพียงสายตานี้เอง ทำเอาเย่จงซือเหมือนถูกสะกดอยู่กับที่

เขาไม่กล้าแม้จะขยับตัว ประดุจว่าวิญญาณถูกแช่แข็งไว้ปานนั้น

ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร เขารู้สึกแววตาของคนผู้นี้หนาวเยือกอย่างบอกไม่ถูก

จากคำพูดที่ไม่รู้มีความนัยอะไรตอนสบกันอีกครั้งก่อนหน้านี้ เย่จงซือให้รู้สึกไม่สบายใจ

ลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาต่อโทรศัพท์ไปยังเบอร์โทร.เบอร์หนึ่ง

“ฮัลโหล ประสานกับนักบู๊สมาคมการต่อสู้ด่วน ให้จัดนักบู๊ระดับหัวหน้าอย่างน้อยสิบคนขึ้นไปมาหาข้าที่นี่ทันที เรื่องเงินไม่มีปัญหา!”

พอตัดสายโทรศัพท์ สีหน้าเย่จงซือค่อยคลายกังวลลงบ้าง รูม่านตาส่องประกายหนาวเย็น

ความไม่สบายใจของเขา มาจากผู้ชายใส่หน้ากากคนนั้น เพื่อให้งานแต่งงานดำเนินไปได้อย่างปกติ เขาไม่เสียดายที่จะต้องทุ่มทุน ลงเงินก้อนใหญ่เพื่อเชิญเอานักบู๊ระดับหัวหน้าจากศูนย์กลางสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองซื่อจิ่วมา

รวมกำลังสิบกว่าคน ยังไม่นับนักบู๊ระดับแค่เพียงรองจากหัวหน้าลงไป!

วางกำลังอย่างเหวี่ยงแห!

ลองกล้ามาก่อกวน ก็จะให้ได้ลิ้มรสชาติของการหนีอย่างขี้จุกตูด

……….

ในเวลาเดียวกันนั้น ในห้องสูทหรูชั้นบนสุดของโรงแรม

ที่นี่เป็นห้องพักชั่วคราวสำหรับแต่งตัวเจ้าสาวของเย่หรูอี้

ขณะนั้น หล่อนอยู่ในห้องเพียงคนเดียว เดินไปเดินมาด้วยอาการร้อนรน

ดูสีท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง มืดลง คนที่จะมาช่วยและคนที่จะมาเป็นตัวแทนยังไม่มีวี่แววจะปรากฏ

ตึง ๆ ๆ

ในขณะที่ใจหล่อนกำลังร้อนเป็นไฟลน เสียงเคาะประตูห้องสูทดังขึ้น

เย่หรูอี้ดีใจออกนอกหน้า รีบวิ่งไปเปิดประตู แต่ที่พบเห็น กลับเป็นถังหลินที่ยิ้มบานเต็มหน้า

พริบตานั้นเอง ความดีใจบนใบหน้าเย่หรูอี้หายเป็นลบทิ้ง คงมีแต่ความอึมครึมเย็นชา

“ยังไม่ใช่เวลาที่เราจะพบกัน คุณจะมาทำไมกัน?”

ตามกำหนดการ ต้องหนึ่งชั่วโมงก่อนเข้าพิธี จึงจะเป็นเวลาให้คู่บ่าวสาวได้พบกัน

ถังหลินพูดเสียงหัวเราะ “ไหน ๆ จะช้าหรือเร็วเราก็ได้แต่งงานกันแล้ว ก็มาเจอกันเร็วหน่อยดีกว่า—-เธอก็เป็นคนเสนอเองไม่ใช่หรือ ว่าให้มาโรงแรมเร็วหน่อย”

พูดพลางก็พยายามเบียดตัวเข้าไปในห้อง

เย่หรูอี้รีบขวางทางเข้าเขาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อก็จะแต่งงานเป็นของคุณเร็ว ๆ นี้แล้ว แค่เวลาอีกนิดเดียวคุณก็รอไม่ได้เลยหรือไง?”

“ออกไปก่อน!”

เย่หรูอี้ชี้ไปข้างนอก พูดเสียงไม่มีน้ำ

คงอาจจะเห็นแววตาเย่หรูอี้มีอารมณ์เคืองอยู่ ถังหลินหน้าง้ำลง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้ จึงต้องเลือกที่จะจากไป

หลังจากถังหลินเดินจากไป เย่หรูอี้ก็เดินกลับไปนั่งที่ขอบเตียง มองดูฟ้าที่ค่อย ๆ มืดลง ตรงระหว่างคิ้วส่อความระอาใจ

ตึง ๆ ๆ!

ขณะนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก

เย่หรูอี้นึกฉุนโกรธขึ้นมา เปิดประตูพรวดออก ด่าใส่ออกไป “จะให้พูดกี่ครั้งถึงจะรู้เรื่อง แก…..”

“พี่สาว”

เสียงผู้ชายทุ้มลึกดังมาจากนอกประตู

เห็นเย่เทียนหลงมองไปรอบด้านอย่างระแวดระวัง แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น จึงเดินเข้ามา

เย่หรูอี้ดีใจจนออกหน้า ถามอย่างร้อนรนว่า “เตรียมไว้พร้อมหมดไหม?”

เย่เทียนหลงผงกหัว “คนเตรียมพร้อมแล้ว แต่ว่าพี่… พี่จะทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”

เย่เทียนหลงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“แผนเอาชะมดมาแลกองค์รัชทายาท คงเก็บความลับไว้ไม่ได้นาน พอเจ้าสาวเอาผ้าคลุมหน้าออก ทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผย ถึงเวลานั้นก็จะเป็นสภาพปลาตายในอวนขาดตายกันทั้งคู่นะ”

เย่หรูอี้นิ่งอึ้ง ตามด้วยแววเหี้ยมส่อออกมาทางตา

ตั้งแต่เริ่มคิดวางแผนนี้มา หล่อนก็มองเห็นแล้วถึงผลที่จะเกิดขึ้นในสภาพที่ว่าแบบนี้

แผนใด ๆ ก็ตาม ยิ่งแยบยลก็ยิ่งผิดคาดง่าย

หล่อนคิดไว้พร้อมหมดทุกอย่างแล้ว ขาดอย่างเดียวที่คิดไม่ถึงว่าถังเฉาจะตาย

ณ.ขณะปัจจุบัน คงได้แต่รักษาม้าตายด้วยวิธีเดียวกับรักษาม้าเป็น เป็นการดิ้นหาทางเอาตัวรอดกันให้ถึงที่สุด

“เอา…..งั้นก็ตามผมไป”

เย่เทียนหลงก็คงเห็นถึงการตัดสินใจของเย่หรูอี้แล้ว ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดกับเย่หรูอี้

ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะออกไป เสียงประตูก็ดังขึ้นอีก

เสียงดังครั้งนี้ ทำเอาเย่เทียนหลงกับเย่หรูอี้สะดุ้งโหยง

“ใคร…ใครกัน?”

พยายามข่มใจสงบ เย่หรูอี้ส่งเสียงถามออกไป

ปัง!

แต่ในนาทีเดียวกันนั้น ประตูกลับถูกแรงถีบเปิดออก

ถังหลินเดินหน้าเหี้ยมเข้ามา มองผู้ชายที่เพิ่มขึ้นมาในห้อง ปราดสายตามา “ข้าก็รู้แล้วว่านังแพศยาอย่างแกต้องมีแอบซ่อนผู้ชายไว้!”

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน ถูกว่าที่ภรรยาใส่ร้าย ในเวลาที่เกือบจะตาย มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยเขาอย่างสุดชีวิตห้าปีต่อมา อำนาจและทรัพย์สมบัติของโลกล้วนตกอยู่ในมือของเขา การกลับมาของม้าศึก แค่เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณในคืนนั้น แต่กลับพบว่า เธอได้คลอดลูกสาวคนหนึ่งสิ่งที่เป็นหนี้คุณไม่สามารถลบล้างให้หมดไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ปกป้องพวกคุณสองแม่ลูก……ทั้งชีวิตเลยแล้วกัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท