“ถังหลิน?คุณกลับมาทำไมอีก?”
พอเห็นชัดคนที่มาแล้ว เย่หรูอี้สีหน้าเปลี่ยนจนดูไม่ได้
ก่อนหน้านี้เพิ่งไล่ถังหลินไป ไม่คิดว่าถังหลินจะกลับมาอีก
ดูสภาพเหตุการณ์ที่อยู่ข้างหน้านี้ คงจะเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดแล้ว
แววตาเย่เทียนหลงตื่นลุก แต่ใจหายลงวูบ
“เขาเป็นใคร?”
ถังหลินจ้องตรงไปที่เย่เทียนหลง ท่าทีโกรธเกรี้ยวสุด ๆ
หากไม่ยั้งใจเพื่อให้รู้ดำรู้แดงของเรื่อง เขาคงต้องกระโดดเข้าถล่มเย่เทียนหลงแล้ว
ตอนนี้น่าจะมีเรื่องคลี่คลายไปหนึ่งเรื่อง เขาเข้าใจผิดจริง ๆ ในกรณีถังเฉา
วันนั้นที่ชิงตัวเย่หรูอี้ไปจากออฟฟิศครั้งแรก ไม่ใช่ถังเฉา แต่เป็นเย่เทียนหลงคนนี้
แต่ทว่า การสังหารเอาชีวิตถังเฉา ถังหลินก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องผิดคาใจ
สำหรับเขาเองแล้ว การตายของถังเฉาก็เป็นเรื่องดีเสียอีก
แววตาเย่เทียนหลงเยือกวูบขึ้น เตรียมจะลงมือ เย่หรูอี้กลับรั้งขวาง ส่ายหน้าห้ามไว้
เห็นกันจะ ๆ ต่อหน้า เย่หรูอี้ยังมาทำส่งสัญญาณสายตากัน ยิ่งทวีเพิ่มความโกรธใส่
“แกมันนังแพศยา ข้าก็มีคิดอยู่แล้วว่าที่อยากรีบมาโรงแรม ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ถ้าข้าไม่สอดส่องปล่อยให้คลาดตาไป คงได้พากันหนีไปแล้ว”
“รีบบอกมาเดี๋ยวนี้ ไอ้ชู้แกคนนี้เป็นใคร!”
ถังหลินหน้าโกรธจนหน้าเขียว ชี้หน้าตะคอกใส่เย่เทียนหลง
เย่หรูอี้พูดเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “เขาเป็นใคร มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ฉันก็บอกแล้ว ฉันแต่งงานกับคุณได้ แต่ไม่ได้หมายถึงใจฉันต้องอยู่ด้วย”
“แก…”
คำพูดนี้ช่างแทงใจดำกระตุ้นอารมณ์ฆ่าของถังหลินขึ้นมาโดยแท้
คำพูดนี้กำลังบอกให้ว่า ฉันจะแต่งงานกับคุณได้ แต่หลังแต่งงานแล้ว ฉันต้องนอกใจคุณ หาหัวเขียวครอบให้คุณแน่
นี้เป็นการเหยียดย่ำศักดิ์ศรีถังหลินอย่างรุนแรง นี้เป็นเรื่องที่ทนไม่ได้เด็ดขาด
เย่หรูอี้กลับก้าวขึ้นไปขวางกั้นอยู่หน้าเย่เทียนหลง ใช้สายตาคมเฉียบจ้องหน้าเขา “เขาเป็นใคร ไม่เกี่ยวใด ๆ อะไรกับคุณ ปล่อยเขาไปซะ”
“แค่คิดก็ยังไม่ต้องคิดเลย”
ตาของถังหลินฉายประกายเหี้ยม เห็นภายในดวงตา มีแต่การจะฆ่าเต็ม ๆ
“เย่หรูอี้หนอเย่หรูอี้ แกนี่มันหิวโหยหนักขนาดเลยนะ แม้คนด้วนพิการแขนขาดไปข้างยังจะเอา”
“ในเมี่อมันมาแล้ว งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องไปไหนอีก เฝ้ามันอยู่ที่นี่ตลอดกาลไปเลย”
เขาตบมือเบา ๆ สองที ออกคำสั่งไปอย่างเยือกเย็น “จับมันเอาไว้ ทำลายแขนขามันทั้งสี่ท่อน แล้วโยนมันลงให้จมตายไปในแม่น้ำนั่น!”
ฮูว์ ๆ ๆ!
คำสั่งจบ กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำกรูกันเข้ามาจากช่องทางเดิน ตรงเข้าล้อมเย่หรูอี้กับเย่เทียนหลงไว้
บรรยากาศในทันใดนั้น หนักหน่วงไปด้วยกลิ่นอายของการฆ่า
เย่หรูอี้กลับเฉยนิ่งไม่ตกตื่นแม้แต่น้อย พูดเสียงเบา ๆ ว่า “ตอนนี้บอกฐานะของเธอได้แล้ว”
เย่เทียนหลงเข้าใจได้ในทันที
การที่เย่หรูอี้ไม่ให้ตนแสดงตัวตั้งแต่ต้น ก็เพราะต้องการพาถังหลินหลงเข้าไปในทางเข้าใจผิด
ให้คิดไปว่าเย่เทียนหลงเป็นชายชู้มั่วเล่นกันอยู่ จนสติแตก
พอหลังจากสั่งคนให้ลงมือกับตน จึงค่อยเปิดเผยฐานะ ให้รู้ว่าเขาเป็นน้องชายของเย่หรูอี้ ขณะที่ถังหลินได้ขาดการยั้งคิดแล้ว
ดังนั้น เขาจึงหัวเราะอย่างเยือกเย็น พูดว่า “ผมเป็นน้องชายของหล่อน คุณกล้าจะลงมือกับผมหรือ ?”
ตูม!
พอพูดคำนี้ออกไป ถังหลินชะงักหยุด ตามด้วยความเกรี้ยวกราด
“แกว่าแกเป็นน้องชายของหรูอี้เรอะ?เป็นไปได้ยังไง รูปร่างหน้าตาไม่มีส่วนให้เลย!”
ได้ยินดังนั้น เย่เทียนหลงก็เข้าใจได้เลยว่าเขาเอาตัวเขาไปสลับสับสนกันกับซ่งหมิงเวย จึงหัวเราะว่า “ผมเป็นน้องชายแท้ ๆ ของพี่สาว”
“อะไร?น้องชายแท้ ๆ อะไร?”
ใบหน้าถังหลินออกอาการกระตุกรุนแรง ทำสีหน้าบอกไม่ถูกหันไปมองเย่หรูอี้ เหมือนตั้งคำถาม
เย่หรูอี้ผงกหัวรับด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เขาเป็นน้องชายแท้ ๆ ของฉันอย่างแท้จริง”
“……”
ถังหลินรีบโบกมือ ให้ลูกน้องหยุด ในขณะเดียวกันก็จ้องมองเย่หรูอี้ด้วยสีหน้าสนเท่ห์ไม่แน่ใจ
โดยข้อเท็จจริง แม้เย่หรูอี้เป็นคู่หมั้นหมายของเขา แต่ในเชิงเหลี่ยมของเขากับเย่หรูอี้นั้นต่างกันแค่เศษส่วนจุดทศนิยม เรียกว่ากินกันไม่ลง
ตอนนี้เย่หรูอี้มาบอกว่าเย่เทียนหลงเป็นน้องชายแท้ ๆ ของหล่อน ในสภาพนี้ จะให้เขาเชื่อได้หรือไม่?
“เธอโกหกฉันให้มันน้อย ๆ หน่อย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอหลอกฉันนะ เธอมีแค่ลูกพี่ลูกน้องคนเดียว ไปเอาน้องชายแท้ ๆ มาจากไหน?”
ลองชั่งใจผลได้เสียดูแล้ว ไฟโกรธลุกโขนขึ้นมาเต็มหน้าถังหลินอีก
“อา!”
เย่หรูอี้ยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ฉันกำลังจะแต่งงานกับคุณใกล้ ๆ นี้แล้ว คำพูดเพียงแค่นี้คุณก็ไม่ยอมเชื่อ แล้วฉันยังจะแต่งงานกับคุณทำไมอีก?”
“ฉัน………”
“เธออะไรเธอ?ฉันก็จะแต่งงานกับคุณอยู่นี่แล้ว ไม่นานก่อนหน้านี้ก็ได้พบเจอน้องชายแท้ ๆ อย่างไม่ได้ง่าย ยังจะต้องรอผ่านการอนุญาตจากคุณด้วยหรือ?”
“เขาเป็นน้องชายของฉัน ถ้าไม่แล้วยังจะให้คิดให้เป็นยังไงให้ได้หรือ?”
“ในเมื่อคุณไม่เชื่อ ฉันก็หมดปัญญา งานแต่งงานนี้ก็ยกเลิกกันเถอะ”
คำพูดใส่ออกมาเป็นชุด พูดจนถังหลินใบ้กินตอบไม่ถูก
โดยเฉพาะเห็นหน้าที่เยือกเย็นเป็นหิมะของเย่หรูอี้ เขาให้รู้สึกเสียใจอยู่ในใจ รู้สึกผิดไม่น่าไปสงสัยว่าเย่หรูอี้ไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น
“คุณเมียจ๋า….”
ถังหลินดูอ่อนลงไปหน่อย กำลังจะกล่าวขอโทษ
แววตาเย่หรูอี้กลับเย็นชาไปอีก “ไม่ต้องเรียกฉันว่าเมีย ในเมื่อแค่นี้ยังไม่เชื่อฉัน ก็ไปหาคนอื่นใหม่”
มาคราวนี้ถังหลินวุ่นวายเข้าจริงแล้ว รีบสั่งลูกน้องของเขาให้ถอยออกไปให้หมด
พฤติกรรมนี้ทำให้เย่เทียนหลงต้องนึกนับถือเอาอย่างเต็มใจ ไม่เสียทีที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นนางมารที่ใครเห็นใครก็กลัวเกรงในถิ่นแดนหมิงจู ใช้วาทะสองสามคำ เล่นงานจนถังหลินสยบหงอเรียบเป็นผ้าพับ
ในขณะที่ต่างคิดว่าได้ทำให้ถังหลินยอมสยบแล้ว พลันมีเสียงฝีเท้าหนักหน่วงดังมาจากโถงทางเดิน
“มีเรื่องอะไรคึกคักกันดีจัง?”
เสียงพูดเรียบ ๆ ดังมาจากผู้ชายคนหนึ่ง
“……”
พอได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของเย่หรูอี้เปลี่ยนไปอย่างลุ่มลึก ร่างกายตึงเครียดขึ้นมาในฉับพลัน พรวดลุกยืนขึ้น
เย่เทียนหลงก็หันมองตาม เห็นเป็นชายหนุ่มยืนหยีตาอยู่ตรงหน้าประตู สรวมชุดทักซิโดบนร่างหุ่นที่ดูให้รู้สึกมีความลุ่มลึก ยืนมองสภาพรอบ ๆ ห้องด้วยสีหน้าเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม
“พี่เย่”
ถังหลินหันกลับไปมองเย่จงซือ สีหน้าตื่นงง
“เย่จงซือ……”
แววตาเย่หรูอี้เปลี่ยนดูอึมครึม จ้องนิ่งที่เย่จงซือ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
เย่เทียนหลงยังไม่ได้เข้าไปในบ้านตระกูลเย่ จึงแน่นอนว่ายังไม่เคยเห็นเย่จงซือ
แต่จากที่ดูแววสายตาของเย่หรูอี้ ก็ยังพอให้เห็นเค้าเรื่องอะไรได้อยู่บ้าง
“พี่สาว เขาคือ…..”
เย่หรูอี้ผงกหัวเล็กน้อย พูดเยือก ๆ ว่า “นั่นแหละคือสายเลือดของไอ้ผู้ชายคนนั้น คนที่ไม่ต้องการเห็นแกกลับเข้ามาในตระกูลเย่มากที่สุด ก็เขานี่แหละ”
“……”
ทันทีนั้น แววการฆ่าในตาของเย่เทียนหลงพลุ่งพล่านขึ้น แต่คงยังไม่บุ่มบ่ามออกอาการใด ๆ
ตัวเขาเองนั้นก็อยู่ในวงการนักบู๊ มองทีเดียวก็รู้ว่าเย่จงซือมีพลังที่แกร่งกล้าเอาการ
“แกมานี่ทำไม?”
เย่หรูอี้ถามด้วยน้ำเสียงยะเยือก
เย่จงซือหัวเราะ “น้องสาวลูกพี่ลูกน้องที่รักของผมแต่งงาน คนที่เป็นพี่ชาย จะไม่มาดูแลงานให้เรียบร้อยได้ยังไง?”
ว่าแล้ว เย่จงซือทิ้งสายตาไปที่เย่เทียนหลงที่อยู่ข้าง ๆ เย่หรูอี้ หรี่ตาเล็กน้อย “ท่านผู้นี้ ดูคุ้นตาอยู่นะ……”
“……”
พริบตานั้นเอง เย่เทียนหลงให้รู้สึกมีแรงกดดันอย่างหนัก
เย่จงซือเดินมาที่ข้างหน้าเย่เทียนหลง ยิ้มชืด “คิดออกละ แกก็คือไอ้เศษเดนชั้นสองคนนั้น?”