การสนทนาของถังเฉากับหลินโป๋หลายจบลงด้วยความรวดเร็ว
ด้านนอกของเงาต้นไม้ หลินจิ่วจิ่วกับหงโฝมาคอยอยู่นานแล้ว
พอเห็นหลินโป๋หลายออกมา หลินจิ่วจิ่วก็เข้าไปต้อนรับทันที
“พี่โป๋หลาย พี่ไม่ใช่ศัตรูกับเขาหรอกหรือ? ทำไมถึงได้คุยกันนานขนาดนี้ล่ะ?”
เธอมองสองคนที่เดินออกมาด้วยกันด้วยใบหน้าสงสัย รู้สึกหาคำตอบไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง
หลินโป๋หลายยิ้ม “เป็นศัตรูก็ไม่สามารถคุยกันได้อย่างนั้นหรือ?”
“เป็นศัตรูจะสามารถคุยกันได้อย่างไร?”
หลินจิ่วจิ่วเอ่ยโต้แย้งว่า “ศัตรูก็ควรจะเป็นศัตรูต่อกัน จะสามารถคุยกันเหมือนเพื่อนได้อย่างไร?”
ไม่สามารถเข้าใจการคุยกันเหมือนเพื่อนของหลินโป๋หลายกับถังเฉาได้
ในความเข้าใจของเธอ เพื่อนก็คือเพื่อน ศัตรูก็คือศัตรู ไม่มีทางเปลี่ยนไปตลอดกาล
หลินโป๋หลายยิ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าล้ำลึกยิ่งขึ้น
ไม่เพิ่มความสับสนบนหัวข้อสนทนานี้อีก เดินเข้าไปลูบศีรษะของหลินจิ่วจิ่ว
สามารถมองออกได้ว่าเขาชื่นชอบน้องสาวคนนี้มาก
ถังเฉายิ้ม “นึกไม่ถึงว่าคุณจะมีมุมนี้ด้วย”
“มุมไหน?”
หลินโป๋หลายเอ่ยถามกลับว่า “คนมีหลายด้าน ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นใคร ไม่ใช่ว่าน้องสาวของฉันก็เย็นชากับคนอื่นหรอกหรือ ไม่ใช่ว่าต่อหน้าคุณก็แสดงให้เห็นถึงด้านที่เป็นเด็กสาวหรอกหรือ?”
“แต่เป็นคุณ ควรจะตั้งอกตั้งใจพิจารณาข้อเสนอแนะของผมสักหน่อยนะ”
ส่งรอยยิ้มลึกล้ำหนึ่งให้กับถังเฉาแล้วก็พาหลินจิ่วจิ่วไปจากป่าผืนนี้
ถังเฉากับหงโฝก็ตามอยู่ด้านหลังพวกเขาสองพี่น้อง สายตาลึกซึ้ง ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“คุณเจอความวุ่นวายที่แก้ไขไม่ได้แล้ว”
หงโฝมองสีหน้าของถังเฉาแล้วเอ่ยขึ้น
ถังเฉามองเธอแวบหนึ่ง เอ่ยตำหนิว่า “อย่าพูดแทรก!”
ในสมองของเขากำลังใคร่ครวญอยู่ว่าควรจะเลือกอย่างไร
ที่จริงแล้วเงื่อนไขที่หลินโป๋หลายให้มาถือว่าสบาย ๆ มากแล้ว
นั่นก็คือให้หลินชิงเสว่กดหลินจ้าวหยูนเอาไว้บนศูนย์การค้าก็พอแล้ว เช่นนี้ ต่อให้หลินรั่วหวีอยากจะเอาตำแหน่งผู้นำคนต่อไปให้กับหลินจ้าวหยูนก็ยังต้องชั่งใจอยู่สักหน่อย
เช่นนี้เขาก็จะสามารถได้รับข้อมูลข่าวสารของหว่างเหลี่ยงที่อยากได้
แต่ว่าถังเฉาก็ยังผ่านความคิดในใจไปไม่ได้
สองพี่น้องหลินชิงเสว่กับหลินจ้าวหยูนจะสามารถฆ่ากันเองได้อย่างไร?
ดังนั้นถังเฉาจึงอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนสุดขีด
กลับมาถึงตระกูลหลิน พอมองเห็นหลินโป๋หลายกับหลินจิ่วจิ่วกลับมาแล้ว ถงเจินที่กำลังรออย่างกระสับกระส่ายก็เข็นหลินอิ่นที่นั่งอยู่บนรถเข็นวิ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น
“โป๋หลาย! ใช่โป๋หลายไหม?”
ถงเจินตื่นเต้นมาก มาอยู่ตรงหน้าของหลินโป๋หลาย สังเกตอย่างละเอียด
หลินโป๋หลายพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แม่ ผมเอง ผมกลับมาแล้ว”
รอยยิ้มนั้น ทั้งยังสีหน้านั้น ล้วนแต่เหมือนหันกับลูกชายของเธอในเมื่อก่อน ถงเจินดีใจจัดจนร้องไห้ออกมา กอดหลินโป๋หลายเอาไว้
ดวงตาของหลินอิ่นก็ชุ่มชื้น สายตาที่มองไปยังถังเฉาก็ไม่ได้เต็มไปด้วยเจตนาร้ายอีก
ต่อให้เมื่อก่อนพวกเขาจะเคยมองกันเป็นศัตรูมาก่อน แต่ตอนนี้ถังเฉาพาลูกชายของพวกเขากลับมา ก็ถือว่าทำเรื่องที่ดีเอาไว้
ถังเฉามองหลินโป๋หลายครั้งหนึ่ง สุดท้ายก็หยุดความคิดที่จะบอกเรื่องจริงกับพวกเขาไป
“ดึกมากแล้ว นอนที่นี่เถอะ”
ถงเจินมองไปยังถังเฉาพลางเอ่ยขึ้น
สายตาที่คนอื่น ๆ ในตระกูลหลินมองมายังพวกเขาก็ไม่ได้เต็มไปด้วยเจตนาร้ายอีก
สายตาที่หลินจิ่วจิ่วมองมายังถังเฉาก็ยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
สำหรับเธอ ผู้ชายคนนี้ลึกลับมากเกินไป
“ไม่ล่ะครับ”
ถังเฉายิ้มน้อย ๆ ครั้งหนึ่ง เอ่ยปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
เพียงแต่มองหลินโป๋หลายอย่างลึกล้ำครั้งหนึ่งก่อนที่จะจากไป “อีกไม่กี่วันผมยังจะต้องมาพบคุณอีก”
“จะรอฟังข่าวดี ไม่ส่งนะ”
หลินโป๋หลายมองส่งถังเฉากับหงโฝจากไปด้วยรอยยิ้ม
บรื้น!
ในตอนนี้เอง รถสปอร์ตทรงโค้งโฉบเฉี่ยวคันหนึ่งก็ขับเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้า ไฟหน้าใหญ่ ๆ ทั้งสองดวงเปิดจนแสบตา
มองเจ้าของรถคันนั้นแล้ว ถังเฉาก็หยุดฝีเท้า มองเธอด้วยใบหน้าประหลาดใจ
เจ้าของรถก็มองเห็นถังเฉาแล้วเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นมาก รีบจอดรถแล้วกระโดดลงมาทันที ประจันหน้าเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี
“พี่เขย!”
“ดูเหมือนคิดถูกจริง ๆ ที่กลับมาวันนี้ คุณอยู่ที่ตระกูลหลินจริง ๆ ด้วย!”
ผู้หญิงงดงามคนหนึ่งที่สวมชุดทำงานสีดำวิ่งเข้ามาปะทะหน้า
บนใบหน้าแต่งหน้าอ่อน ๆ ใบหน้ามุ่ย ๆ อย่างเด็ก ๆ อย่างก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว เติบโตเป็นสาวงามสูงโปร่งสะโอดสะองแห่งมหานคร
เธอก็คือหลินจ้าวหยูน น้องสาวของหลินชิงเสว่
ถังเฉาคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับหลินจ้าวหยูนที่นี่ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
“จ้าวหยูน คุณมาได้ยังไงครับ?”
“บางครั้งก็ต้องกลับมาเยี่ยมบ้านบ้างสิ”
หลินจ้าวหยูนมองคนในตระกูลหลินครั้งหนึ่ง ตอนที่มองเห็นหลินโป๋หลายเธอเองก็แปลกใจมาก
แต่ก็เบะปากอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ให้ความสนใจ กลับเข้ามากอดแขนของถังเฉาอย่างสนิทสนมเป็นอย่างมาก “พี่เขย ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราจะได้พบกันสักครั้ง ไม่ดื่มเป็นเพื่อนฉันสักแก้วเหรอ?”
“นี่…”
ใบหน้าของถังเฉาปรากฏสีหน้าลำบากใจ “ดึกมากแล้ว ผมกลัวว่าพี่สาวของคุณ…”
“พี่สาวของฉันต้องดูแลลูก ตอนนี้น่าจะกำลังกล่อมเสี่ยวลี้นอนแล้วล่ะ ไม่มาสนใจคุณหรอก”
หลินจ้าวหยูนเอ่ยกระตุ้น “คุณแค่พูดมาว่าจะไปไหม ให้คำตอบที่ชัดเจนมา!”
มองดูหลินจ้าวหยูนที่แสร้งทำใบหน้าเดือดดาลเล็กน้อยแล้ว ถังเฉาก็ทำได้เพียงตอบตกลง “อย่างนั้นก็ได้! ดื่มนิดเดียวนะ!”
ได้ยินอย่างนั้น หลินจ้าวหยูนก็เปลี่ยนท่าทีเป็นหัวเราะคิกคัก กอดแขนถังเฉาเอาไว้แน่น “ถ้าอย่างนั้นยังจะรออะไรอยู่ล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”
แล้วก็เอ่ยทักทายกับตระกูลหลินครั้งหนึ่ง “คืนนี้ฉันจะกลับมานอนที่นี่!”
แล้วก็ลากถังเฉาขึ้นรถไป
ส่วนหงโฝก็เรียกรถกลับบ้าน
มองดูถังเฉาขึ้นรถ มุมปากของหลินโป๋หลายก็ยกขึ้น ปรากฏเป็นรอยยิ้มหยอกเย้า
สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีมาก ๆ
ตกลงแล้วจะเลือกหลินชิงเสว่หรือจะเลือกหลินจ้าวหยูน
ถังเฉา ผมอยากจะรู้คำตอบของคุณจริง ๆ
หลินจ้าวหยูนกลับเหยียบคันเร่งในทีเดียว รถยนต์ขับเร็วจนเหมือนจะเหาะไปบนถนนทันที
หลินจ้าวหยูนยังเปิดประทุน ทันใดนั้น ลมแรง ๆ ก็พัดเข้ามา
สบายมาก ๆ ไม่หนาวเลยสักนิด
หลินจ้าวหยูนยังดึงปิ่นปักผมที่มัดอยู่บนศีรษะออก ปล่อยให้ผมยาวดำเงางามพัดไปตามแรงลม
ถังเฉามองใบหน้าด้านข้างของหลินจ้าวหยูน ในใจคิดถึงตัวเลือกที่หลินโป๋หลายเลือกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
สองพี่น้อง จะมีวันหนึ่งที่ต้องฆ่ากันเองจริง ๆ หรือ?
พอสังเกตได้ถึงสายตาของถังเฉา หลินจ้าวหยูนก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเจิดจ้า ถังเฉามองอย่างใจลอยไปในทันที
ทั้งสองคนมาถึงร้านเหล้าแห้งที่หนึ่งที่อยู่ค่อนข้างห่างจากตัวเมือง เข้าไปนั่งด้านใน
เห็นได้ชัดว่าหลินจ้าวหยูนเป็นสมาชิกของร้านเหล้าร้านนี้แล้ว พอเข้าไปปุ๊บบริกรก็จัดห้องวีไอพีที่เป็นส่วนตัวห้องหนึ่ง
“มาการิต้าสองแก้วค่ะ”
หลินจ้าวหยูนเอ่ยอย่างชำนาญ จากนั้นก็เอ่ยกับถังเฉาอย่างอดใจต่อไปไม่ไหวว่า “พี่เขย คุณรู้ไหม? ตอนนี้ฉันเป็นผู้จัดการใหญ่ของอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลหลินแล้วนะ!”
ตอนที่พูดคำนี้ออกมา น้ำเสียงของหลินจ้าวหยูนเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
สายตาของถังเฉาก็เปลี่ยนไปแล้ว
เขาเองก็ไม่ได้พบหลินจ้าวหยูนมาสักพักหนึ่งแล้ว อย่างน้อยก็ต้องมีสามเดือน
แต่คิดไม่ถึงว่าไม่ได้เจอกันแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ นึกไม่ถึงว่าหลินจ้าวหยูนจะได้เป็นผู้จัดการใหญ่ของอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลหลินแล้ว
ตระกูลหลินไม่เหมือนกับตระกูลอื่น ๆ ที่ไม่สืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อ ๆ กัน
คนไหนมีความสามารถ คนนั้นรับตำแหน่ง ง่ายเพียงนี้
ดังนั้นการที่หลินจ้าวหยูนได้กลายเป็นผู้จัดการใหญ่ ล้วนแต่เป็นความสามารถของตัวเธอเองทั้งหมด
“มา ยินดีด้วยที่คุณได้เป็นผู้จัดการใหญ่ พี่เขยคารวะให้คุณหนึ่งแก้ว”
ถังเฉายกแก้วเหล้าขึ้นมา พูดด้วยรอยยิ้ม
กิ๊ง!
แก้วเหล้าชนกัน ส่งเสียงดังกังวาน
หลินจ้าวหยูนดื่มอึก ๆ จนหมดในทีเดียว ดื่มจนหมดแก้วอย่างกล้าได้กล้าเสียเป็นอย่างมาก
สะอึกขึ้นมาครั้งหนึ่ง เอ่ยด้วยใบหน้าเล็กแดงมึนเมาว่า “นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นหนึ่งเท่านั้น เป้าหมายของฉันก็คือเหนือกว่าพี่สาวของฉัน”
“…”