โชคชะตาเป็นสิ่งที่อัศจรรย์มาก
อัศจรรย์ขนาดที่ว่าคุณคิดว่าคุณควบคุมมันได้ หารู้ไม่ คุณยังอยู่ในการควบคุมของมัน
หลังจากทราบต้นสายปลายเหตุแล้ว ถังเฉาพอจะคาดเดาอนาคตได้นิดหน่อย
เขากับพ่อตาต่างเป็นกำลังรบให้กับฝ่ายหนึ่ง วันใดวันหนึ่งจะต้องสู้กันแน่นอน และต้องมีฝ่ายหนึ่งตายอย่างแน่นอน
เมื่อรู้ผลแล้ว ปฏิกิริยาแรกของถังเฉาคือพยายามหลีกเลี่ยง แต่ไม่นานนักเขาก็พบว่านี่เป็นเกมที่ไร้ทางแก้
เวลานี้ ถังเฉานึกถึงหลินรั่วหวีที่เคยใช้สารพัดวิธีเพื่อพรากเขาและหลินชิงเสว่จากกัน
จวบจนนาทีนี้ เขาถึงเข้าใจว่าหลินรั่วหวีหวังดีขนาดไหนที่ทำเช่นนี้
ที่พยายามพรากเขาและหลินชิงเสว่ออกจากกันไม่ใช่เพราะเขาไม่พอใจกับลูกเขยคนนี้
ตรงกันข้าม เขาพอใจมาก
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งต้องพรากถังเฉาและหลินชิงเสว่ออกจากกัน
เพราะหลินรั่วหวีรู้ฐานะของถังเฉานานแล้ว เขาคือเจ้ามังกรแห่งต้าเซี่ย เป็นศัตรูตัวฉกาจของหว่างเหลียง ศัตรูตัวฉกาจของตระกูลกู่
ลูกเขยของเขาจะเป็นใครก็ได้ แต่จะเป็นถังเฉาไม่ได้!
ยิ่งถังเฉาเป็นคนยอดเยี่ยมเพียงใด ความเป็นไปได้ที่ระหว่างพวกเขาอาจต้องสู้กันถึงชีวิตก็ยิ่งสูง—-สำหรับหลินชิงเสว่ เรื่องนี้โหดร้ายเกินไป
โชคชะตาเล็งเห็นอนาคตส่วนนี้ไว้นานแล้ว และเริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน
ถังเฉานั่งอยู่บนขั้นบันไดใต้ตึกโรงพยาบาล สูบบุหรี่ไปหลายตัว บัดนี้เขาได้แต่ใช้วิธีกระตุ้นหลอดลมด้วยบุหรี่เพื่อรักษาสติ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ถังเฉารู้สึกว่ามีคนกำลังมองตัวเองจากด้านหลัง
เขาหันกลับไปด้วยสัญชาตญาณ ก็เห็นคุณนายงามล้ำคนหนึ่งกำลังมองตัวเองอยู่
ถังเฉาดูออกว่าสายตาของเธอฉายแววเป็นห่วงอย่างมาก
“แม่ยาย”
ถังเฉายิ้มและสวัสดี
“เด็กดี แกรู้หมดแล้วใช่มั้ย?”
ลั่วเย่นหัวเดินมาอยู่ข้างกายและถามด้วยรอยยิ้ม
ถังเฉาไม่พูดอะไร เขาทิ้งบุหรี่ลงพื้นก่อนจะดับด้วยการเหยียบ
“เฮ้อ……”
เมื่อเป็นเช่นนั้น ลั่วเย่นหัวถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย กุมมือของถังเฉาไว้และเอ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อน “แม่ยายต้องขอโทษแกด้วย เราสองคนผิดต่อแก และผิดต่อชิงเสว่ด้วย”
“หลังจากนี้ไม่ว่าแกวางแผนจะทำอะไร แม่ยายก็สนับสนุนแกหมด”
เธอตบมือถังเฉาเบาๆ และเอ่ยขึ้น
เงียบไปนานมาก ถังเฉาคลี่ยิ้มกว้าง “อาบอกไว้แล้วว่าลูกสาวคนแรกเป็นตัวแทนของความแค้นที่ทวีคูณ ชีวิตวัยเด็กของเสี่ยวลี้ถึงขมขื่นมาก แต่ลูกคนที่สองเป็นตัวแทนของการหยุดยั้ง—-ความแค้นของคนรุ่นก่อนไม่เกี่ยวข้องกับคนรุ่นใหม่ ถึงเวลาที่จะต้องหยุดยั้งได้แล้วครับ”
“แกทำใจฆ่ารั่วหวีได้หรอ?”
ลั่วเย่นหัวถามอย่างอดไม่ได้
ถังเฉายิ้มน้อยๆ และส่ายหัว “ทำใจไม่ได้ครับ แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าจะต้องมีวิธีแก้ปัญหาที่สมปรารถนาทั้งสองฝ่าย โลกนี้จะมีหนทางที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย ไม่ผิดต่อฉันและไม่ผิดต่อคุณ—-แม่ยายครับ คุณก็พยายามดูแล้วไม่ใช่หรอครับ? ”
ลั่วเย่นหัวเงียบไปในบัดดล ใบหน้าฉายอารมณ์ซับซ้อน
ใช่แล้ว เธอเคยลองมาแล้ว เพียงแต่ เธอล้มเหลวก็เท่านั้น
ตอนนี้ ถังเฉารับเอาคบเพลิงของเธอมาและพยายามแก้ปมที่ไร้ซึ่งคำตอบ
“ไม่มีใครโทษคุณ และไม่มีใครโทษอาหลิน”
ถังเฉายิ้มอย่างสงบ “ชิงเสว่ก็คิดแบบนี้เหมือนกันครับ”
พูดจบ ถังเฉาก็หันหลังกลับไปมองเงาเพรียวบางที่ยืนอยู่บนบันไดไม่ไกล
ลั่วเย่นหัวก็หันกลับไปเช่นกัน
หลินชิงเสว่มองพวกเขาด้วยหน้าตาเย็นยะเยือก ทันใดนั้นมุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย ยิ้มเบาๆราวกับแมลงปอที่จุ่มหางลงกับน้ำ
“ไปกันเถอะ กลับบ้านไปทำกับข้าว”
เธอเดินมาอยู่ข้างกายถังเฉา คล้องแขนเขาและเอ่ยยิ้มๆ
รอยยิ้มนั้นเป็นดั่งแสงอาทิตย์ที่ทำให้น้ำแข็งอบอุ่น สร้างผลกระทบอย่างมาก
ลั่วเย่นหัวยืนอยู่ที่เดิม มองตาค้างอยู่เนิ่นนานถึงได้สติ อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มบนใบหน้า
“บางที พวกเขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงๆ”
สายตาของลั่วเย่นหัวมั่นใจขึ้น พึมพำกับตัวเอง
“พ่อคะ แม่คะ หนูสอบได้คะแนนเต็มร้อยอีกแล้ว นี่เป็นดอกไม้สีแดงเล็กๆที่ครูให้เป็นรางวัลค่ะ”
ถังเฉาและหลินชิงเสว่มารับถังเสี่ยวลี้ตอนเลิกเรียนที่หน้าประตูโรงเรียน
เจ้าตัวน้อยถือดอกไม้สีแดงดอกเล็กและพูดด้วยความภูมิใจ
“เก่งขนาดนั้นเลยหรอ?”
ถังเฉาอุ้มลูกสาวขึ้นก่อนจะกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ครอบครัวของเราก็มีเรื่องน่ายินดีถึงสองเรื่องเลยน่ะสิ”
“มีอะไรอีกหรอคะ?”
ถังเสี่ยวลี้เอียงคอมองหลินชิงเสว่และถามอย่างสงสัย
ถังเฉายิ้ม “ลูกกำลังจะมีน้องชาย!”
ถังเสี่ยวลี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างตื่นเต้น “จริงหรอคะ? หนูกำลังจะมีน้องชายหรอคะ?”
“แม่คะ หนูขอลูบหน่อยได้มั้ยคะ?”
เจ้าตัวน้อยมองท้องของหลินชิงเสว่ด้วยสายตาคาดหวัง
หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว เธอรีบเอามือลูบท้องของหลินชิงเสว่เบาๆ
“น้องชาย หนูจะมีน้องชายแล้ว!”
ถังเสี่ยวลี้ยิ้มกว้างจนปากไม่หุบ ใบหน้าของหลินชิงเสว่ก็เผยรอยยิ้ม
บางที นี่แหละคือชีวิตที่เธอใฝ่ฝัน
คนทั้งครอบครัวไปซื้อของที่ห้างก่อนแล้วจึงกลับบ้าน
หลินชิงเสว่ตั้งใจจะเข้าครัว ถังเฉากลับจับเธอกดลงโซฟา
“คุณอยู่เฉยๆรักษาครรภ์ตัวเองไป ตั้งแต่นี้ไปงานบ้านทุกอย่างผมจะเป็นคนทำเอง”
“แล้วก็ พรุ่งนี้ไม่ต้องเข้าบริษัทแล้วนะ ผมจะรับตำแหน่งของคุณและดูแลจัดการทุกอย่างของลี่จิงกรุ๊ป!”
ถังเฉาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง นำ้เสียงไม่อนุญาตให้ปฏิเสธเลยสักนิด
“……”
หลินชิงเสว่กะพริบตา ก่อนจะส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
เธอยังไม่ถึงขั้นท้องโตขนาดที่ไม่สามารถเดินได้
แต่ความรู้สึกแบบนี้ทำให้หลินชิงเสว่มีความสุขมาก
ถังเฉาลงมือทำกับข้าวเอง เขาปรุงอาหารไว้เต็มโต๊ะ ทั้งครอบครัวทานอาหารร่วมกันอย่างมีสุขสันต์ จากนั้นถังเฉาจึงส่งตัวหลินชิงเสว่ขึ้นไปข้างบน
เมื่อกี้ตอนที่กำลังจะอาบน้ำ อยู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
พอดูจอแสดงสายเข้าแล้ว ถังเฉาก็ขมวดคิ้วทันที
ฉินผู่หยาง
เขาโทรมาทำไม?
“ขอแสดงความยินดีกับลูกคนที่สอง”
พอรับสายโทรศัพท์ปุ๊บ เสียงหัวเราะอึมครึมของฉินผู่หยางก็ดังเข้ามา
ถังเฉาพูดอย่างรำคาญใจ “มีอะไรหรอ?”
“ดูนายพูดเข้าสิ ไม่มีอะไรก็ไม่สามารถโทรมาทักทายหรอ ถึงยังไงเราก็ยังเป็นพันธมิตร—-”
เมื่อเห็นว่าถังเฉายังคงไม่พูดอะไร ฉินผู่หยางจึงเข้าเรื่อง “ฉันอยู่ที่แม่น้ำไป่ชวน ฉินกวนฉีก็อยู่”
“แล้ว?”
ปลายสายเงียบไปนาน ฉินผู่หยางถึงพูดต่อ “ฉินกวนฉีตั้งใจจะลงมือกับฉันแล้ว นายจะไม่มาหน่อยหรอ?”
“……”
เมื่อได้ฟัง ถังเฉาก็มีสีหน้าตะลึง เรื่องที่ฉินกวนฉีและฉินผู่หยาง แย่งชิงตำแหน่งยิ่งใหญ่อย่างผู้นำของตระกูลฉินเป็นเรื่องที่รู้กันทั้งเมืองซื่อจิ่ว
แต่คิดไม่ถึงว่าฉินกวนฉีจะอดทนรอไม่ไหวขนาดนี้
ก็ไม่แปลก บัดนี้ตระกูลถังก็ศิโรราบแด่เขาแล้ว ตระกูลเย่ก็เป็นของเย่หรูอี้ เป็นคนของเขาเช่นกัน—-เห็นศัตรูของตัวเองกลืนกินอำนาจของตระกูลหลวงต่างๆประหนึ่งปลาวาฬยักษ์ขนาดนี้ ฉินกวนฉีทนไหวสิแปลก
ขั้นแรกก็ต้องกำจัดฉินผู่หยาง
พวกเขาคือพันธมิตรกัน หากฉินผู่หยางดึงถังเฉาเข้ามาด้วยถึงจะมีคุณสมบัติพอจะสู้กับฉินกวนฉี
ถังเฉาเงียบไปครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็คลี่ยิ้มกว้าง “ฉินผู่หยาง นายลืมอะไรไปหรือเปล่า ความเป็นพันธมิตรของเราจบลงแล้ว”
“จบแล้ว? จบตอนไหน?”
ฉินผู่หยางใจหาย น้ำเสียงค่อนข้างไม่พอใจ
“ฉันช่วยให้นายรักษาชีวิตไว้ได้เมื่อครั้งประชุมแดนเหนือ แต่ไม่ได้บอกว่าจะเป็นพันธมิตรกับนายไปตลอด แค่นี้แหละ ฉันต้องวางแล้ว”
พูดจบเขาก็วางสายโทรศัพท์
ดวงตาฉายแววเย็นเยียบ พึมพำกับตัวเอง “ไอ้โง่ โดนดักฟังโทรศัพท์แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
พูดจบก็บอกกล่าวกับหลินชิงเสว่ สวมเสื้อคลุมและหายไปในค่ำคืน