เธอรู้จักฉันเหรอ?
เธอเป็นใคร?
หลังจากที่หลี่เห้าถามสองคำถามนี้ออกมา เจียงไป๋เสว่ตะลึงค้างทันทีเลย
ลูกตาทั้งสองข้างหดลงเหลือนิดเดียวโดยตรง มองคนคุ้นเคยตรงหน้าคนนี้ด้วยความอึ้งทึ่ง และเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ชายแปลกหน้าที่สุด
“นาย……เมื่อกี้พูดอะไรนะ?”
เธอมองหลี่เห้าตาไม่กะพริบ ถามด้วยเสียงสั่นเครือ “นายไม่รู้จักฉันแล้วเหรอ? ฉันคือเจียงไป๋เสว่ เจียงไป๋เสว่ไง!”
“ทำไมถึงเป็นนาย? หลายปีมานี้ นายทำงานให้หว่างเหลี่ยงจริงเหรอ?”
ถนนสวนสาธารณะที่มืดมิด ปกคลุมด้วยเมฆดำ บดบังดวงจันทร์ไว้แล้ว นอกจากไฟข้างทางที่ส่องสลัวอยู่สองข้างทาง ก็ไม่มีแหล่งของแสงที่อื่นอีก
ยังมีเสียงอีการ้องกาๆ สองรอบอยู่ไม่ขาดสาย ทั้งหมดทุกอย่างนี้ ล้วนแทรกซึมด้วยกลิ่นอายโศกเศร้าและผิดปกติ
หลินชิงเสว่ หลินจ้าวหยูน ยังมีหญิงสาวชุดกิโมโนที่ชื่อโอดะไอ สมองประมวลผลเข้ามาไม่ทัน มองเจียงไป๋เสว่ที่อารมณ์ใกล้จะเสียการควบคุมอยู่ตรงนี้อย่างมึนงง
พวกหล่อนไม่รู้ว่าทำไมเจียงไป๋เสว่ถึงฮึกเหิมขนาดนี้ แต่พวกหล่อนรู้มานิดหน่อยว่าเจียงไป๋เสว่และผู้ชายเสื้อโค้ตตรงหน้าคนนี้มีเรื่องความรักความแค้นพัวพันกันลึกซึ้งมาก
เยี่ยนซื่อเฉิงมองเจียงไป๋เสว่ด้วยสายตาสงสาร สุดท้ายยังเดินมาถึงขั้นนี้จนได้
น่าเสียดายที่เจียงไป๋เสว่เดาถูกแค่ครึ่งเดียว
ความจริงที่แท้จริงยังโหดร้ายกว่านี้มาก
“นายพูดอะไรบ้างสิ!”
แวบหนึ่งเสียงเจียงไป๋เสว่ดังขึ้นแปดหลอด สายตาค่อยๆ โกรธแค้นอยู่บ้าง จ้องหลี่เห้าไม่ขยับ “ทำไมไม่พูดจาบ้าง? นายไม่รู้จักฉันได้ยังไง ฉันกับถังเฉาตามหานายมาสามปีแล้ว นายรู้ไหมว่าสามปีนี้ฉันผ่านมันมายังไง?”
เสียงตะคอกของเจียงไป๋เสว่มีความเศร้าเสียใจนิดหน่อย ดังสะท้อนอยู่ทั่วทั้งสวนสาธารณะเชิงนิเวศ ค่ำคืนที่ลมเย็นโชยมา ยิ่งเพิ่มความรู้สึกหนาวเย็นระดับหนึ่ง
หลินชิงเสว่ที่ช่วยสิ่งใดไม่ได้เลยทั้งสิ้นรู้ว่าสถานการณ์เวลานี้สูญเสียการควบคุมอยู่บ้าง หล่อนท่องอยู่ในใจไม่หยุด หวังว่าถังเฉาจะรีบมาหน่อย
หลังจากเจอหลี่เห้าเข้า ก็เอาพละกำลังและจิตใจส่วนใหญ่ในเวลานี้ของเจียงไป๋เสว่ไปจนเกลี้ยง
ดูขึ้นมาแล้วเธอเหมือนกับวิญญาณหลุดลอยไป อาศัยเพียงพลังชีวิตเฮือกเดียวพยุงตัวไว้ มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นลมหมดสติไปได้ทุกเมื่อ
เธอหายใจหอบ ถลึงตาใส่หลี่เห้าไม่ขยับ หวังอย่างแรงกล้าว่าหลี่เห้าจะสามารถพูดอะไรบ้าง
เกี่ยวกับการพบกันอีกครั้งของเธอกับหลี่เห้านั้น เธอเคยซักซ้อมภาพนับไม่ถ้วนเอาไว้ในหัวสมอง แต่ไม่มีภาพที่เป็นแบบนี้เลยสักอัน
การพบกันอีกครั้งระหว่างพวกเขาไม่ควรเป็นแบบนี้สิ!
ที่น่าเสียดายคือเผชิญหน้ากับเจียงไป๋เสว่ที่อารมณ์หวั่นไหวตกใจอยู่บ้าง แต่หลี่เห้ากลับเพียงแค่นิ่งเงียบอย่างมาก
ในสายตาของเขามีความฉงนสนเท่ห์ และมีความไม่เข้าใจนิดๆ
เขาดูขึ้นมา—-เหมือนว่าไม่รู้จักเจียงไป๋เสว่จริงๆ!
“ขอโทษนะ ฉันไม่รู้จักเธอจริงๆ”
ในที่สุดหลี่เห้าก็เอ่ยปาก มองเจียงไป๋เสว่ด้วยท่าทางที่ดูขึ้นมาแล้วรู้สึกผิดอยู่บ้าง พูดกับเธอว่า “แต่เธอให้ความรู้สึกที่น่าแปลกมากกับฉัน พวกเราเหมือน……รู้จักกันมานานมาก ฉันลืมอะไรแล้ว ใช่หรือไม่?”
“……”
คำพูดพวกนี้ ทำให้เจียงไป๋เสว่ถอยหลังไปสามก้าวทันที
เธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี เพียงแค่ยืนอยู่ก็กินแรงมากแล้ว
“อย่าถามเลย เขาคือหลี่เห้า แต่ไม่ใช่หลี่เห้าคนนั้นที่เธอรู้จักมา”
ในที่สุดเยี่ยนซื่อเฉิงก็เอ่ยปาก พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
คำพูดประโยคนี้ทำให้ร่างกายเจียงไป๋เสว่สั่นเทา ในใจผุดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น
“หมาย……หมายความว่าอะไร?”
“เขาคือ‘เหล่าครอบครัว’ของหลี่เห้า”
ค้างคาวพูดด้วยสายตาซับซ้อน “เขาเป็นแค่ร่างโคลน หมายเลข10032 ก่อนหน้าเขายังมีร่างโคลนที่เหมือนกันอย่างกับแกะ10031อีกคน”
ครืน!
คำพูดนี้มีจำนวนข้อมูลที่แฝงเร้นมากเหลือเกิน มากจนเจียงไป๋เสว่เดิมทีไม่ตอบสนองกลับมาเลย
“ร่าง……ร่างโคลน?”
“ถูกต้อง”
ค้างคาวพูดเสียงทุ้ม “ไป๋เสว่ เธอตามสืบ‘หว่างเหลี่ยง’ของพวกฉันได้สักพักหนึ่งแล้ว น่าจะรู้ว่าพวกฉันทำการทดลองบางอย่างอยู่”
“ผลลัพธ์ของการทดลองนี้ ถ้าเกิดวิจัยสำเร็จ พอจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบของทั้งโลกได้—-ไม่ผิด นี่คือ‘อาวุธสงคราม’!”
เสียงของค้างคาวดูตื่นเต้นขึ้นมา “ครั้งก่อนที่สนามกีฬาแห่งเมืองเจียงเฉิง เธอกับถังเฉาน่าจะได้รับรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่า‘อาวุธสงคราม’คืออะไร พวกมันมีร่างกายแบบกึ่งเครื่องจักรกล ไม่หวั่นปืนผาหน้าไม้ ไม่กลัวเปลวไฟ และซื่อสัตย์แน่นอน การมีตัวตนของพวกเขาเปลี่ยนแปลงรูปแบบสงครามในประวัติศาสตร์มนุษย์ในระดับใหญ่มาก”
“ที่น่าเสียดาย พวกเขาเป็นของล้มเหลว แม้กระทั่งยังไปไม่ถึงเกณฑ์ด้วยซ้ำ”
ค้างคาวถอนหายใจเบาๆ รู้สึกเสียใจมาก
เจียงไป๋เสว่จิตใจสั่นไหว คาดไม่ถึงจะสั่นเทาไปทั้งตัวแบบไม่มีเหตุผล
วินาทีนี้ เธอรู้สึกถึงความหวาดกลัวแล้ว
เพราะจนกระทั่งตอนนี้ เธอถึงสำนึกได้ว่าตลอดเวลาเรื่อยมานี้ตนเองทำการต่อสู้กับอิทธิพลอย่างไรกันแน่
“เพราะอาวุธสงครามรูปร่างคนพวกนั้น ว่ากันโดยธรรมชาติแล้วไม่มีความแตกต่างอะไรกับรถถัง เครื่องบินรบที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ขอเพียงมีไฟฟ้า มีแหล่งพลังงาน พวกเขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้—-ผลลัพธ์เทคโนโลยีแบบนี้ เป็นสิ่งที่ถูกขโมยได้ง่ายมาก แม้กระทั่งลอกเลียนได้ง่ายด้วย”
ค้างคาวพูดต่อไปว่า “สิ่งที่พวกฉันต้องการคืออาวุธที่มีเอกลักษณ์ ดังนั้นจึงเกิดขึ้นได้เหมาะสมในรุ่นที่สอง”
“สามปีก่อน หลี่เห้าถูกพวกฉันจับไป ความจริงครั้งนั้นเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะตอนนั้นพวกฉันวิจัยตัวอย่างยีนของเธอ หลี่เห้า ยังมีถังเฉาทั้งสามคน สุดท้ายได้ผลสรุปออกมาอันหนึ่ง ถังเฉา ถึงเป็น‘แม่แบบ’คนนั้นที่สมบูรณ์แบบที่สุด น่าเสียดายคือกิจกรรมครั้งนั้นหลี่เห้าไปเข้าเข้าร่วมแทนถังเฉาแล้ว ทำให้คนที่โดนจับไปเป็นหลี่เห้า และไม่ใช่ถังเฉา”
ค้างคาวพูดจาด้วยท่าทางเสียใจ “แต่ก็ทำได้เพียงเอาเท่าที่มีไปก่อน เพราะมีหลี่เห้า ถึงมี ‘เหล่าครอบครัว’ของหลี่เห้าไง”
เขายื่นมือชี้ไปยัง‘หลี่เห้า’ที่อยู่ด้านข้าง พูดว่า “ไม่เหมือนกับอาวุธรูปร่างคนก่อนหน้านี้ ร่างโคลนในครั้งนี้มีสำนึกของตัวเอง พวกเขารู้ว่าอะไรควรทำอย่างไร พวกเขาจะครุ่นคิด จะโกรธเคือง และจะเสียใจ—-ที่เหมือนกันคือพวกเขาจะรักษาความทรงจำส่วนหนึ่งของ‘แม่แบบ’เอาไว้ ดังนั้นเขาจะคุ้นเคยกับเธอมาก เพราะความทรงจำก่อนหน้าของหลี่เห้าถูกเฉลี่ยแบ่งให้ร่างโคลนพวกนี้แล้ว เก็บในสมองเขา ประมาณเศษเสี้ยวความทรงจำหนึ่งในหลายหมื่น”
“……”
ฟังพวกนี้จบ หลินชิงเสว่สั่นสะเทือนถึงที่สุดแล้ว
หลินจ้าวหยูนก็ตกตะลึงพรึงเพริด ปิดปากเอาไว้แล้ว ป้องกันตนเองส่งเสียงกรีดร้อง
สำหรับเจียงไป๋เสว่ก็อึ้งทึ่งไปโดยสิ้นเชิง
จากในดวงตาของเธอ น้ำตาใสที่ไม่ยินยอมไหลออกมาสองสาย
เหมือนยืนยันต่อสิ่งนั้นที่ค้างคาวพูดมา หลี่เห้าหมายเลข10032เริ่มหวนนึกถึงประสบการณ์ของตนเอง “ฉันเกิดในตู้ใส่ของขนาดใหญ่ ในตู้ใส่ของบรรจุของเหลวหล่อเลี้ยงที่ติดลบยี่สิบองศา หนึ่งวันยี่สิบสี่ชั่วโมง ฉันแช่อยู่ในนั้นเป็นเวลายี่สิบชั่วโมง ฉันจำได้ว่าตู้ใส่ของนั้นเรียกว่า‘ตู้แช่’”
“ชายหญิงหลายคนที่สวมชุดกาวน์ และใส่ผ้าปิดปากทำการศึกษาวิจัยฉันไม่หยุด ฉันไม่ต้องกินอาหาร และไม่รู้ว่า‘หิว’ที่พวกเธอมักพูดถึงคือความรู้สึกแบบไหนกัน แต่ละวันตอนสี่ทุ่มถึงตีสองจะเป็นเวลาอิสระส่วนตัว”
“ฉันไม่รู้ว่าฉันมาอยู่บนโลกนี้เพื่ออะไรกัน แต่ว่าฉันจำคนคนหนึ่งมาได้ตลอด ผู้หญิงคนหนึ่ง”
หลี่เห้าหมายเลข10032จ้องเจียงไป๋เสว่อยู่ พูดอย่างมั่นใจ “เธอก็คือผู้หญิงคนนั้นที่ฉันคิดถึงทั้งวันทั้งคืน!”