ดูเหมือนหงเหลียนคิดไม่ถึงว่าไวโอเล็ตจะมาบังอยู่ตรงหน้าถังเฉา และรีบทำท่าทางเพื่อบอกคนของเธอว่าอย่ายิง
มีผู้ใต้บังคับบัญชาบางคนไม่สามารถยับยั้งเจตนาฆ่าได้ นิ้วกดลงไปที่ไกปืน—-แม้ว่าไวโอเล็ตจะไม่ได้รับความเชื่อถือจากองค์กรแล้ว แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นผู้บริหารสูงสุดห้าดาวอยู่ดี ถ้าถูกผู้ใต้บังคับบัญชาฆ่า ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษหลังจากที่เธอกลับไป
ถังเฉามองไปที่ไวโอเล็ตตรงหน้าเขา ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่า เขาก็คิดไม่ถึงว่าไวโอเล็ตจะช่วยชีวิตเขา
“นี่ คุณทำแบบนี้ ไม่กลัวโดนองค์กรสงสัยหรือไง?”
เขาถามจากด้านหลัง เสียงบางเบาได้ยินแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
เขาหนะไม่เป็นอะไร แต่ไวโอเล็ตซวยแน่ หากหว่างเหลี่ยงพบว่าเธอสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู อย่าพูดถึงว่าจะสามารถรักษาตำแหน่งงานไว้ได้ไหม แม้แต่ชีวิตก็อาจจะถูกคุกคาม
เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่า ไวโอเล็ตจะเสี่ยงครั้งใหญ่เพื่อช่วยเขา
“ไม่มีทางอื่นแล้ว”
ไวโอเล็ตพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เป็นผู้บริหารสูงสุดห้าดาวเช่นกัน เมื่อคุณพบฉัน ฉันแค่อยากทำงานให้เสร็จ ฉันจะไม่โจมตีคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ดังนั้นระหว่างเราจึงยังมีที่ว่างสำหรับการบรรเทาความขัดแย้ง แต่หงเหลียนไม่เหมือนกัน… … ”
“เธอเป็นปีศาจชั่วร้าย!”
จู่ๆเสียงของไวโอเล็ตก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา และพูดกับถังเฉาว่า”เจตนาฆ่าของเธอเยอะมาก เมื่อทำภารกิจ เธอจะนำอารมณ์ความรู้สึกของเธอเข้ามาในงานด้วย และมักจะฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย – คุณเกือบจะบีบคอเธอจนตาย ด้วยนิสัยของเธอ เธอจะไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน!”
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”
ถังเฉาเข้าใจในทันที จากนั้นจึงมองไวโอเล็ตด้วยความประหลาดใจอีก”แต่ทำไมคุณถึงต้องช่วยผมด้วย?”
“เรามีความร่วมมือ”
ไวโอเล็ตพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “คุณสัญญากับฉันว่า คุณจะช่วยฉันตามหาพี่สาวของฉัน ก่อนหาเจอ ฉันจะปล่อยให้คุณตายไม่ได้”
“เธอกับฉันต่างก็เป็นผู้บริหารสูงสุดห้าดาว ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่ เธอก็จะไม่กล้าทำอะไรคุณ”
“ใช่เหรอ……”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังเฉาก็เข้าใจความหมายของไวโอเล็ต
เธอไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อโซเฟีย
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งนี้ก็ได้เปลี่ยนมุมมองของถังเฉาที่มีต่อเธอ
“ไวโอเล็ต คุณกำลังทำอะไร?อยากตายเหรอ?”
การโจมตีถูกสกัดกั้น และใบหน้าของหงเหลียนก็มืดมนอย่างมาก และเธอก็ถามเสียงดัง
“ฉันบอกคุณแล้ว คุณห้ามฆ่าเขา”
ไวโอเล็ตพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “ฉันจะติดต่อกับองค์กรเอง และขอให้หัวหน้าให้เวลาฉันมากกว่านี้ ฉันจะพาเป้าหมายกลับมาแน่นอน”
ซ่า!
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สายตาของหงเหลียนก็ฉายแววอาฆาต “คุณหมายความว่า แม่ทัพอยู่ข้างนอก คำสั่งของจักรพรรดิก็ไม่มีผลใช่ไหม?”
“ใช่!”
ไวโอเล็ตยืนอยู่ตรงหน้าหงเหลียนด้วยใบหน้าเย็นชา ทั้งๆที่มีปืนยินจำนวนมากเช่นนี้ เธอกลับไม่กลัวมันเลยสักนิด
“คุณบ้าไปแล้วหรือ?”
ใบหน้าหงเหลียนเต็มไปด้วยความโกรธและตะโกนว่า “ให้ฉันแทนตำแหน่งคุณ นี่คือคำสั่งจากเบื้องบน คุณกล้าขัดขืนหรือ? คุณรู้หรือไม่ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่? คุณพูดแบบนี้ เชื่อไหมว่าฉันสามารถฆ่าคุณด้วย ”
“แน่นอน ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
ไวโอเล็ตหัวเราะอย่างเย็นชาและพูด “ในมุมมองของฉัน ฉันไม่สามารถมอบผลของการทำงานหนักของฉันเป็นเวลานานให้คุณง่ายๆ อีกอย่าง คุณรู้หรือไม่ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่?สิ่งที่คุณทำเมื่อกี้นี้ ก็เพียงพอที่จะนำภัยคุกคามและอันตรายมาสู่องค์กร!”
“อะไร?”
ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธ หรือเพราะตกใจในสิ่งที่ไวโอเล็ตพูด ดวงตาของหงเหลียนเบิกกว้าง และเธอก็ไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
เห็นเพียงเธอชี้ไปที่ถังเฉา เยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า “คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? เขาคือเจ้ามังกรของต้าเซี่ย!”
“ฉันรู้ว่าเขาเป็นจ้าวมังกร ยังต้องให้คุณเตือนหรือ?”
หงเหลียนพูดด้วยความดูถูก คนอื่นที่กลัวสถานะของถังเฉา เธอไม่กลัว!
“รู้แล้วคุณยังกล้ายิงเขาอีก”
ไวโอเล็ตกัดไม่ปล่อย มองหงเหลียนด้วยสายตาที่เย็นชาและพูดว่า”ที่นี่คือต้าเซี่ย คุณยังคงทำงานตามใจตนเองแบบนี้ ไม่รู้จักถ่อมเนื้อถ่อมตัว จะทำอย่างไรถ้าคุณตกเป็นเป้าหมายของกองทัพปราณมังกร? ช่วงนี้พวกเขากำลังสืบการไปไหนมาไหนของเรา ”
หลังจากหยุดชั่วคราว ไวโอเล็ตพูดต่อ “ส่วนคุณ ถ้ายิงถังเฉาจริงๆ ซึ่งเท่ากับการเปิดทำสงครามระหว่างต้าเซี่ยและหว่างเหลี่ยง ไม่ว่าองค์กรจะแข็งแกร่งแค่ไหน สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของประเทศที่ใหญ่โตเช่นนี้ได้หรือ?”
“นี่ไม่ใช่ฉันเจตนาพูดให้คุณตกใจ แต่พฤติกรรมของคุณเกือบนำความหายนะแก่องค์กร!”
ไวโอเล็ตพูดอย่างมีเหตุมีผล คำพูดของเธอหนักแน่น ในเวลานี้ ออร่าของเธอได้กดหงเหลียนอย่างสมบูรณ์
“คุณ……”
หงเหลียนก็ตกตะลึงกับคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที และเธอก็ตกใจและมีเหงื่อที่เย็นยะเยือกไหลออก
เมื่อกี้ เธอไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น แค่อยากจะฆ่าถังเฉาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
ถ้าถังเฉาตาย ต้าเซี่ยก็จะโกรธจัด และกองทหารทั้งหมดก็จะออกมาสู้ตายอย่างแน่นอน
เมื่อยกทัพออกมาจนหมด จะไม่สู้ตายเหรอ?
หงเหลียนที่รู้ว่าตนเองไม่มีเหตุผล พาลโกรธและจ้องไปที่ไวโอเล็ตแล้วพูดว่า “คุณพูดซิว่าจะต้องทำอย่างไร?”
ไวโอเล็ตหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉันกำลังเจรจากับถังเฉาแล้ว ใช้ความร่วมมือ ให้เขาปล่อยโอดะไอออกมา เดิมทีเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว เพราะคุณมาแทรกแซง ทำให้เขาไม่เชื่อใจเราอีก จะทำอย่างไรดี” คุณว่าคุณมีความผิดข้อไหน?”
ว้า!
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หงเหลียนทั้งก็ตกใจและโกรธ
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าไวโอเล็ตจะโจมตีเธอกลับ และโยนความผิดมาที่เธอ
ยังไงเธอก็เป็นผู้บริหารสูงสุดห้าดาวด้วย หากถูกกดเช่นนี้ มันดูตำแหน่งไม่ค่อยตรงกับความสามารถนะ
“ผู้กระทำผิดที่แท้จริงที่ทำให้ภารกิจที่ล้มเหลวคือคุณ คุณยังมีหน้ามาแทนที่ฉัน?คุณเอาหน้ามาจากไหน?”
ไวโอเล็ตผู้ได้เปรียบในคำพูดพูดต่อไม่ยอมปล่อย ชี้ไปที่หงเหลียนแล้วตะโกนด่า
“คุณ……”
ดวงตาของหงเหลียนเบิกกว้าง รู้สึกขุ่นเคือง
ในสายตาของเธอ ไวโอเล็ตเป็นแค่อีนังหนูไม่โต แต่เธอถูกไวโอเล็ตชี้หน้าด่า เธอจะทนกับความคับแค้นใจนี้ได้อย่างไร?
แต่ครู่ต่อมา เธอก็นึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่ง
ทั้งๆที่เธอพบกับถังเฉาก่อน และไวโอเล็ตมาทีหลัง ด้านเวลาผิดไป จะไปมีเวลาไหนไปเจรจากับถังเฉา?
“เกือบจะถูกคุณหลอกแล้วจริงๆ”
หงเหลียนที่คิดได้ก็ไม่โกรธอีกต่อไป เธอหัวเราะอย่างเย็นชา มองไปที่ไวโอเล็ตและถังเฉาด้วยท่าทางขี้เล่น และกล่าวว่า “ไวโอเล็ต ที่คุณไม่ต้องการให้ฉันจัดการกับไอ้เด็กคนนี้มากนัก เพราะคุณสองคนมีความสัมพันธ์บางอย่างที่น่าละอายใช่ไหม? ”
บูม!
ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ ดวงตาของไวโอเล็ตก็เปลี่ยนไปอย่างมาก หัวใจของเธอก็จมลงอย่างต่อเนื่องเมื่อหงเหลียนพูดความในใจของเธอออกมา
แต่ภายนอกยังคงแสร้งทำเป็นสงบ “คุณ คุณพูดมั่วอะไรของคุณ?ฉันจะมีความสัมพันธ์อะไรกับเขา?”
“ในเมื่อไม่มีความสัมพันธ์อะไร ทำไมคุณถึงต้องรีบมาที่นี่ด้วยล่ะ เพราะอะไร?”
หงเหลียนหัวเราะออกมา และเยาะเย้ย“ผู้ชายและผู้หญิง นอกจากความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์แล้วก็มีแต่เรื่องผลประโยชน์แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณคือความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน ฉันพูดถูกไหม?”