หลังจากถังเฉารู้เรื่องนี้แล้ว สีหน้าก็แข็งทื่อไปในทันที
“ไม่มีความเป็นมนุษย์กันเลยจริงๆ ถึงขั้นลงมือโหดร้ายขนาดนี้กับนาย นายวางใจเถอะ มีเวลาเมื่อไหร่ฉันจะมาช่วยนายอย่างแน่นอน ฉันรู้จักหมอเก่งๆอยู่คนหนึ่ง เขาน่าจะช่วยนายแก้ปัญหานี้ได้” ถังเฉาพูดด้วยสีหน้าที่อ่อนลง
หลังจากได้ยินประโยคนี้แล้ว ชายคนนั้นก็มีสีหน้าที่ยากจะอธิบาย “จริงหรอ? นายช่วยฉันรักษาโรคนี้ได้จริงหรอ?”
“ว่ากันว่ายาพิษของตระกูลถัง หากโดนเข้าแล้วก็จะไม่สามารถรักษาได้ นายปลอบใจฉันอยู่รึเปล่า?”
ทว่าหลังจากถังเฉาฟังแล้วเพียงแค่ยิ้มบางๆ มองชายตรงหน้าและเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ “ไม่ใช่ว่าฉันมั่นอกมั่นใจหรอกนะ แต่คนคนนี้ที่ฉันรู้จักมีวิชาการแพทย์ที่ล้ำเลิศมากจริงๆ ฉันถึงเชื่อมั่นได้ขนาดนี้”
แต่หลังจากได้ฟังประโยคนี้แล้วกลับมีสีหน้าผิดหวัง ยิ้มเยาะตัวเอง
“คนที่คิดว่าวิชาการแพทย์ของตัวเองล้ำเลิศนั้นมีถมไป ทว่าคนที่รักษาฉันได้ในโลกใบนี้เห็นทีจะมีเพียงผู้บ้าการแพทย์เท่านั้น คนอื่นฉันคงไม่พิจารณา แต่ก็ขอขอบคุณนายมาก นายไปซะเถอะ ฉันจะทำเป็นไม่เคยพบนายมาก่อน”
พูดจบ ชายคนนั้นก็หันหลังเตรียมกลับเข้าไปในห้องของบ้านไม้
“ขอโทษนะ แต่คนที่ฉันพูดถึงก็คือผู้บ้าการแพทย์”
รอยยิ้มบนใบหน้าถังเฉากว้างกว่าเดิม พร้อมกล่าว “ในเมื่อตัวนายเองยังบอกว่าเขารักษาโรคของนายให้หายได้ แล้วทำไมนายไม่ลองดูหน่อยล่ะ?”
ฟึ่บ!
หลังจากได้ยินประโยคนี้แล้ว ชายคนนั้นรู้สึกเหมือนโดนยิงเข้าที่หัวใจ เลือดในตัวไหลเวียนอย่างรวดเร็ว อะดรีนาลีนพลุ่งพล่าน
“นายพูดจริงหรอ? นายรู้จักผู้บ้าการแพทย์จริงๆหรอ?”
เห็นสีหน้าดีใจแทบบ้าของชายคนนี้แล้ว ถังเฉาเพียงแต่พยักหน้านิ่งๆ “คำพูดของวิญญูชนคำไหนคำนั้น สิ่งที่ฉันพูดไว้ฉันมั่นใจว่าทำได้ อีกอย่าง ก็แค่แนะนำคนคนหนึ่งมานี่เท่านั้น”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว ชายคนนั้นผงกหัวอย่างบ้าคลั่ง
“แต่เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้ฉันต้องออกไปก่อน ถึงยังไงคนที่บอกให้ฉันเข้ามาไม่ได้ให้ฉันมาคุยเล่น แต่อยากให้ฉันตายอยู่ที่นี่”
หลังจากได้ฟังแล้วสีหน้าของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันที เขาขมวดคิ้ว ราวกับมีคำพูดบางอย่างติดอยู่ในคอ
“คนที่นายพูดถึง คือถังเย่ใช่มั้ย”
ชายคนนั้นเดาออกในพริบตา
ถังเฉายิ้มพลางพยักหน้า “ดูท่าไม่ใช่แค่ครั้งแรกแล้วสินะที่เขาทำเรื่องแบบนี้”
แม้ว่าถังเฉาจะมีท่าทางสบายๆ แต่ชายคนนั้นกลับมีสีหน้ากังวลสุดๆ “นายต้องระวังเขาหน่อยนะ คนๆนี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย ตอนนั้นที่ฉันต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพราะโดนเขาลอบกัด”
“วางใจเถอะ”
ถังเฉายิ้มบางๆ เขาตั้งท่าระวังถังเย่มานานแล้ว
พูดจบเขาก็ไปจากบ้านไม้
บัดนี้ไม่เหลือใครสักคนที่หน้าประตู ท้องฟ้าเริ่มจะมืดลง
ถังเฉามาถึงห้องโถงตระกูลถังตามทิศทางของเสียง
และในห้องโถงมีเสียงเซ็งแซ่ ดูเหมือนกำลังคุยอะไรบางอย่างกันอยู่
“ถังเฉานั่นน่าจะตายอยู่ในบ้านไม้แล้วแหละ ไม่อย่างนั้นได้มีตัวปัญหามากขึ้นอีกหนึ่งแน่ ตอนนี้พวกเรากำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันสมาคมบูโด ไม่มีพลังใจจะไปเสียกับคนมีความผิดนั่นหรอก”
“นั่นสิ แต่ถึงแม้ว่าจะจัดการเรื่องถังเฉาได้แล้ว แต่เรื่องการแข่งขันสมาคมบูโดเราจะจัดการกันยังไงดีล่ะ ปัญหานี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของพวกเราตระกูลถังเชียวนะ”
“ไม่อย่างนั้นเราส่งถังโจ่ออกไปสู้มั้ย ถึงยังไงในบรรดาลูกศิษย์ของเราก็มีเขานี่แหละที่แข็งแกร่งที่สุด ถังยวนไม่เหมาะจะออกไปสู้”
คนชราที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พูดช้าๆ และคนคนนี้ก็คือผู้นำตระกูลถัง ถังซานฉ่าย
แต่ถังยวนได้ยินแล้วใบหน้าฉายความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ได้ครับ ผู้นำ ผมยังอยากร่วมสู้อยู่ ยังไงซะทั้งตระกูลถัง คนรุ่นผมก็มีผมนี่แหละที่มีฝีมือดีสุด ถ้าผมไม่ออกสู้ แล้วใครจะออกสู้ครับ?”
แม้ว่าที่เขาพูดมาไม่ผิด แต่ผู้นำฟังแล้วก็ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด แกเป็นคนรุ่นหลังของพวกเราตระกูลถัง ต้องสืบทอดตำแหน่งผู้นำ ถ้าแกแพ้การประลองครั้งนี้ วันหน้าแกได้สืบทอดตำแหน่งของฉันจะเหลืออำนาจสั่งการน้อยลงนะ”
“อยากโดนไอ้หนุ่มที่เคยเอาชนะแกได้ แถมยังไม่ได้เป็นผู้นำเย้ยหยันหรือไง?”
ประโยคนี้มีเหตุผล ถังซานฉ่ายไม่คิดจะส่งถังยวนออกไปสู้เพราะหน้าตาของตระกูลตัวเอง
ส่วนถังยวนหลังจากไตร่ตรองถึงตำแหน่งของตัวเองแล้วก็ค่อยๆสงบลง ไม่พูดอะไรอีก
“ก็ได้ครับ ขอโทษนะครับ ผมคิดตื้นไปเองครับผู้นำ ผมจะสงบเสงี่ยม”
ถังเฉายืนฟังบทสนทนาด้านในห้องโถงอยู่ตลอดโดยไม่ได้ขัดอะไร เพียงแต่หลังจากได้ยินปฏิกิริยาของถังยวนแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ในเมื่อเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำ ทำไมต้องกลัวว่าจะพ่ายแพ้ด้วยล่ะ”
“หรือว่าว่าที่ผู้นำตระกูลถังของเรามีดีแค่เปลือกนอกอย่างนั้นหรอ?”
“ผมคิดว่าในเมื่ออยากเป็นผู้นำ ก็ต้องมีความสามารถในระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นหากแค่เดินออกไปก็เจอคนมากมายที่สามารถฆ่าผู้นำได้ ขืนใครรู้เข้าได้หัวเราะเยาะกันพอดี”
การปรากฏตัวของถังเฉาทำให้ทุกคนในที่นี้หุบปากลง
บรรยากาศอึดอัดไปพักใหญ่ อากาศตอนนี้เปรียบเสมือนน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ กระทั่งกระดูกยังสั่นอย่างอดไม่ได้
“ทำไมแกถึงยังมีชีวิตอยู่ เป็นไปไม่ได้ ไอ้เด็กนั่นไม่ได้ฆ่าแกหรอ?”
ถังเย่พลั้งปากพูดออกมา สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ถังเย่พูดจบแล้วต้องรีบเอามือปิดปากตัวเอง
“คุณลุงถังครับ ไหนคุณลุงบอกว่าผู้นำตระกูลของเราอยู่ในนั้นยังไงล่ะครับ? แต่หลังจากผมเข้าไปแล้วพบว่าคนข้างในนั้นไม่ใช่ผู้นำตระกูลถังของเรานะครับ”
ประโยคที่แกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้วนี้ทำเอาถังเย่กระอักกระอ่วนมาก
โชคดีที่ทุกคนในที่นี้ล้วนอยู่ข้างเดียวกับถังเย่ และรู้หมดว่าถังเย่ทำอะไรลงไปบ้าง
ถังเย่ได้สติทันที
“โอ๊ย ถังเฉา ฉันจำผิดน่ะสิ ไม่เป็นไรหรอก ของที่อยู่ข้างในไม่ได้ดุร้าย แกดูสินี่ก็ปล่อยแกออกมาแล้วไง แต่ฉันอยากรู้นะว่าแกได้พบกับเขามั้ยหลังจากเข้าไป?”
จนถึงบัดนี้ถังเย่ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าถังเฉาสามารถกลับออกมาอย่างปลอดภัยหลังจากได้พบกับคนที่อยู่ในห้องดำนั่นแล้ว
คิดไม่ถึงว่าถังเฉาเพียงพยักหน้าพร้อมบอก “ผมได้เจอคนที่อยู่ข้างในแล้วครับ เขานิสัยใช้ได้ และยังนั่งลงพูดคุยกับผม แบ่งอาหารให้ผมด้วย เชื่อว่าเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ครับ”
ถังเฉาบอกอย่างโจ่งแจ้งว่าตัวเองและคนในห้องดำอยู่แนวรบเดียวกัน
หลังจากได้ฟังสิ่งที่เขาพูด ทุกคนในห้องก็ตาโตอย่างไม่น่าเชื่อ สีหน้าทึ่งกันหมด
เจ้าสิ่งที่น่าสยองขวัญขนาดนั้นกลายเป็นเพื่อนกับถังเฉาหรือนี่
และถังยวนเมื่อได้ฟังแล้วก็อึ้งมากเช่นเดียวกัน แต่ไม่นานนักเขาก็กลอกตาไปมา มีแผนอื่นงอกขึ้นมาในใจ