“เรื่องประลองน่ะช่างมันเถอะครับศิษย์พี่ใหญ่ ความสันติสำคัญที่สุดสำหรับพวกเรา อย่าประลองกันต่อเลยครับ ถึงตอนนั้นไม่ว่าใครได้รับบาดเจ็บก็ไม่ดีทั้งนั้น”
ถังเฉามองถังโจ่นิ่งๆและกล่าวเรียบๆ
ยังไงซะก็เป็นศิษย์พี่ใหญ่ในตระกูลถังของตัวเอง ไม่ว่ายังไงถังเฉาก็ต้องไว้หน้าอีกฝ่ายสักนิด ถึงแม้ศิษย์พี่ใหญ่คนนี้จะสร้างความกระทบอะไรกับตัวเองไม่ได้
“แค่โชคดี คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งกาจจริงๆหรอ?” ถังโจ่พูดด้วยสีหน้าอึมครึม น้ำเสียงโกรธเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าถังโจ่ไม่เชื่อเขา และชักจะพาลด้วยความอับอาย แตะไม่ได้แม้แต่ปลายขนของถังเฉา แล้วยังโดนหยอกอย่างกับเป็นลิงตัวหนึ่ง
แต่ถังโจ่สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหากตัวเองอยากจะโจมตีให้โดนผู้ชายตรงหน้า เห็นทีจะไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่รู้ว่าเพราะตัวเองแสดงความสามารถออกมาได้ไม่ดีหรือวันนี้อยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่ สรุปก็คือถังโจ่รู้ตัวว่าตัวเองจะประลองต่อไปไม่ได้แล้ว
“ถ้าฉันทำให้คุณบาดเจ็บโดยไม่ทันระวังคงเป็นการไม่ดีต่อตระกูลถัง และฉันลงมือแบบไม่รู้น้ำหนักด้วย ฉันเห็นด้วยกับข้อเสนอของคุณ”
ถังโจ่หาทางลงให้ตัวเองอย่างชาญฉลาด และถังเฉาก็ยอมรับทางลงนั้น
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคนในที่นี้ต่างเห็นความหมดสภาพเมื่อกี้ของถังโจ่
ตอนนี้ศิษย์พี่ศิษย์น้องด้านล่างเวทีกำลังพูดคุยกันไปต่างๆนานา
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมศิษย์พี่ใหญ่ถึงไม่ประลองต่อล่ะ เขาไม่น่าเลยนะ ปกติศิษย์พี่ใหญ่ไม่ใช่แบบนี้นี่”
“ฉันเองก็แปลกใจ หรือว่าไอ้หนุ่มนั่นให้ศิษย์พี่ใหญ่กินยาพิษอะไรเข้าไป หรือใช้อุปกรณ์อันตรายสักอย่าง”
“นายดูความเร็วของเขาสิ ใช่ความเร็วของคนธรรมดาที่ไหน คนธรรมดาไม่มีทางตั้งตัวทันหรอก ความเร็วขนาดนี้ เว้นแต่เขาจะใช้อุปกรณ์ไฮเทคบางอย่าง”
เนื่องจากเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ บางคนในตระกูลบูโดเหล่านี้จึงยืมกำลังจากเทคโนโลยีเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง
และใช่ว่าอุปกรณ์ไฮเทคพวกนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ แต่ต้องบอกว่าอุปกรณ์ไฮเทคพวกนี้ไม่อายใช้ได้ในการประลอง ใช้งานได้ในการปฏิบัติภารกิจเท่านั้น หรือตอนที่ต้องไปจับกุมนักโทษ
เพราะมีคนจำนวนมากที่ใช้อุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้ ศิษย์พี่ศิษย์น้องพวกนี้จึงคิดว่าถังเฉาใช้เครื่องมือแบบนี้ถึงหลบการโจมตีของถังโจ่พ้น
ถังเฉาได้ยินอย่างชัดเจน เพียงแต่เขาคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง
ถังเชียนเชียนอีกด้านเห็นว่าถังเฉาไม่เป็นอะไร และออกจะมีท่าทีสบายๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมา
สรุปก็คือ ไม่ว่าถังเฉาใช้วิธีการต่ำช้าอะไร บัดนี้รักษาชีวิตไว้ได้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
และพอเห็นท่าทางโล่งอกของถังเชียนเชียนที่อยู่ด้านข้าง ถังโจ่เดินไปอยู่ตรงหน้าถังเชียนเชียนและพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “เป็นยังไงล่ะศิษย์น้องเล็ก กระบวนท่าเมื่อกี้ของศิษย์พี่ใหญ่ใช่ได้มั้ย ศิษย์พี่ใหญ่ตั้งใจไม่ทำร้ายคนคนนี้เลยนะ มิฉะนั้นเขาคงทนไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวของพี่!”
เห็นได้ชัดว่าถังโจ่หาข้ออ้างให้ตัวเอง ถึงยังไงเขาก็รับปากศิษย์น้องเล็กไว้ว่าจะกำราบถังเฉาในชั่วพริบตา แต่กลับมีผลลัพธ์เช่นนี้ เขาบากหน้าไม่ไหว
“เฉยๆ หนูว่ากระบวนท่าพวกนั้นของศิษย์พี่ใหญ่ก็ธรรมดานี่ นี่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้สักหน่อย”
พูดพลางถังเชียนเชียนก็ล้อศิษย์พี่ใหญ่ตัวเองเล่น
ความจริงในใจของถังเชียนเชียนนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจถากถางอะไร แค่ต้องการหยอกศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองเท่านั้น กลับคิดไม่ถึงว่าถังโจ่จะเก็บไปใส่ใจ
“ถังเฉา ฉันต้องหาโอกาสล้างแค้นให้ได้ แกบังอาจทำให้ฉันขายหน้าต่อหน้าศิษย์น้อง ฉันจะทำให้แกไม่ตายดี”
ถังโจ่บ่นพึมพำในใจ มือกำหมัดแน่นจนกระดูกดังกร๊อบแกร๊บ
“แต่ดีที่พี่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ไม่อย่างนั้นหนูจะจัดการศิษย์พี่”
ถังเชียนเชียนแค่นเสียง คำพูดปกป้องถังเฉาทำร้ายจิตใจถังโจ่อย่างหนักอีกครั้ง
ทั้งตระกูลถังนี้ นอกจากถังเชียนเชียนเอง มีใครไม่รู้บ้างว่าถังโจ่แอบรักถังเชียนเชียนมาโดยตลอด
เพียงแต่ถังเชียนเชียนไม่ได้แสดงอาการอะไร ประหนึ่งว่าไม่รับรู้
เห็นสีหน้าโมโหของถังโจ่แล้วถังเชียนเชียนไม่ได้ใส่ใจอะไร กลับวิ่งไปอยู่ข้างกายถังเฉา
“พี่ถังเฉาคะ พี่เก่งจังเลย หนูไม่คิดว่าพี่จะมีฝีมือดีขนาดนี้ หนูคิดว่าพี่ไม่เคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ซะอีกค่ะ”
ถังเชียนเชียนมองถังเฉาด้วยสายตาปลื้มใจ อย่างกับเห็นไอดอลของตัวเอง
แม้ว่าถังเฉาตรงหน้าจะเป็นคนมีเสน่ห์มากสำหรับถังเชียนเชียน แต่ถังเชียนเชียนก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถังเฉาถึงอยู่บนรายชื่อภารกิจของบ้านตัวเอง
ปกติแล้วคนที่อยู่บนรายชื่อจะต้องถูกฆ่าโดยผู้ได้รับภารกิจ และถังเฉาตรงหน้าก็คงพบจุดจบแบบนั้นเช่นเดียวกัน
คิดมาถึงตรงนี้ ถังเชียนเชียนก็พลันรู้สึกแย่ขึ้นมาในใจ
แต่ไม่รอให้ถังเชียนเชียนพูดอะไร พระอริยามารดรใหญ่ก็เดินเข้ามา
“เป็นยังไงล่ะถังเย่ ลูกน้องของแกได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากแกมาตั้งหลายปี กลับยังสู้ถังเฉาที่ไปเตร็ดเตร่อยู่โลกภายนอกมาหลายปีไม่ได้ ดูท่าศิลปะการต่อสู้ของพวกแกก็ไม่ค่อยเท่าไหร่นะ”
คำพูดแบบนี้หากออกจากปากคนอื่น คนๆนั้นจะต้องถูกถังเย่ปลิดชีวิตอย่างแน่นอน
แต่ช่วยไม่ได้ที่คำพูดนี้ออกจากปากของพระอริยามารดรใหญ่ ต่อให้ถังเย่อยากทำอะไรก็ไม่มีปัญญา
“พระอริยามารดรใหญ่ครับ ดูท่านพูดเข้า ถังเฉาก็เป็นคนของพวกเราตระกูลถังไม่ใช่หรอครับ ฝีมือดีก็เป็นเรื่องธรรมดา ถึงยังไงพวกเราก็เป็นตระกูลแห่งบูโดนะครับ”
เห็นรอยยิ้มเสแสร้งของถังเย่แล้ว พระอริยามารดรใหญ่เพียงแต่ยิ้มเย็นๆ ไม่สนใจอะไรเขาอีก
เวลานี้ ถังเฉาเดินไปอยู่ตรงหน้าถังเย่
“คุณลุงถังครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้ผู้นำตระกูลอยู่ที่ไหนครับ?”
จู่ๆถังเฉาก็ถามขึ้นมา จนถังเย่ทำตัวไม่ถูก
หากผู้นำตระกูลถังได้พบถังเฉา เช่นนั้นผู้นำตระกูลถังต้องลงมือกับถังเฉาอย่างแน่นอน
แต่ดูเหมือนถังเฉาตรงหน้าคนนี้จะไม่เกรงกลัวเลยสักนิด กลับคาดหวังกับการปรากฏตัวของผู้นำตระกูล
เขามองถังเฉา ในเมื่อรนหาที่ ถังเย่ก็จะไม่เกรงใจ เขาพูดออกมาทันที
“แกอยากรู้ใช่มั้ยว่าผู้นำตระกูลของเราอยู่ที่ไหน งั้นฉันพาแกไปก็ได้ ยังไงซะก็ไม่ไกล”
ถังเฉาตามขึ้นไปโดยไม่ลังเล พระอริยามารดรใหญ่และพระอริยามารดรที่สองเห็นท่าคิดจะตามขึ้นไปด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าจะโดนถังเฉาห้าม
“ไม่ต้องห่วงครับทั้งสองท่าน ผมไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ ไม่มีใครทำอะไรผมได้หรอกครับ พวกคุณก็รู้ฝีมือของผมอยู่”
ถึงแม้น้อยครั้งมากที่ถังเฉาจะลงมือ แต่เมื่อกี้พระอริยามารดรใหญ่และพระอริยามารดรที่สองก็ได้เห็นฝีมือของถังเฉาแล้ว จึงไม่กังวลมาก แต่ก็ยังหวาดหวั่นในใจอยู่นิดหน่อย
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นแกระวังด้วยนะตอนไป หากเกิดอะไรขึ้นให้โทรหาฉันทันที ฉันจะไปให้ทันท่วงทีอย่างแน่นอน”
หลังจากพยักหน้าแล้วเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เดินตามถังเย่ไปที่สวนดอกไม้ด้านหลังทันที
สีหน้าของถังเย่ระหว่างทางนั้นพิศวงมาก ราวกับกำลังวางแผนอะไรอยู่ ทว่าถังเฉาดูออก เพียงแต่ไม่ได้พูดเปิดโปง