“ตอนนี้คนที่มีความทรงจำเกี่ยวกับตำราเล่มนี้ทั้งโลกใบนี้มีอยู่ไม่มากแล้ว น้ากับแม่ของหลานเป็นหนึ่งในนั้น ส่วนหลานก็เป็นคนที่ได้รับตำราเล่มนี้มาพอดี พอจะเรียกได้ว่าสวรรค์เอาใจใส่ล่ะนะ”
“แต่ว่า น้าจะบอกหลานให้นะ หลังจากที่หลานมีกังฟูประเภทนี้แล้ว หลานเองก็ไม่สามารถดูถูกศัตรูได้ เพราะว่าในราชวงศ์แปด สมาชิกของตระกูลเหล่านั้นล้วนแต่น่าสะพรึงกลัวกันทั้งนั้น อีกทั้งพวกเขายังมีตำราโบราณเป็นของตัวเองเช่นกัน พอถึงตอนนั้นก็ต้องดูแล้วว่าหลานจะใช้ตำราล้ำค่าของหลานโจมตีพวกเขาจนพ่ายแพ้ได้อย่างไร”
พูดตามความจริง ถังเยว่เหมยเป็นห่วงถังเฉามาก ถึงจะพูดอย่างไร เขาก็เป็นคนที่คุ้มค่าที่จะให้ถังเยว่เหมยคุ้มครอง ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นละก็ ถังเยว่เหมยอาจจะไม่สามารถให้อภัยตัวเองไปได้ตลอดชีวิต ดังนั้นจึงใช้ชีวิตอยู่ในเงามืด
“น้าวางใจเถอะ คุณน้า ผมไม่เหมือนคนของตระกูลแปดเหล่านั้น ผมจะต้องทำอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะเอาแชมป์นี้มาให้ได้ จากนั้นก็จะใช้กำลังทั้งหมดช่วยชีวิตแม่ของผมออกมาให้ได้”
หลังจากที่ถังเยว่เหมยได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ไม่รู้ว่าทำไมในใจถึงได้ปลื้มอกปลื้มใจขนาดนี้
“จริงสิ ครั้งนี้น้าส่งคนคนหนึ่งไปคุ้มครองหลานนะ ศักยภาพของเธอไม่เลวเลย อีกทั้งน้าดูอายุของเธอแล้ว ก็ควรจะออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว อยู่กับน้ามาจะยี่สิบปีแล้ว น้าเองก็ไม่อาจจะกักเธอเอาไว้ได้ตลอด”
หลังจากที่เด็กผู้หญิงคนนั้นได้ยินประโยคนี้แล้วก็มองหน้าอาจารย์ของตัวเองด้วยใบหน้าหาคำตอบไม่ได้ ส่วนถังเฉาก็ประหลาดใจอยู่บ้าง
ชื่อของเธอชื่อว่าน้องน้อยโจว เป็นเด็กกำพร้าที่ถังเยว่เหมยเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากค่อนข้างซื่อสัตย์ ดังนั้นถังเยว่เหมยจึงรับเธอมาอยู่ในสำนัก สอนศิลปะการต่อสู้ให้กับเธอ
หลังจากที่น้องน้อยโจวได้ยินคำพูดนี้ของอาจารย์ของตัวเอง ก็รีบวิ่งไปอยู่ตรงหน้าของอาจารย์ของตัวเอง คุกเข่าร้องห่มร้องไห้พลางเอ่ยว่า
“อาจารย์คะ อย่าทิ้งหนูเลยนะคะ ถ้าหากว่าหนูทำอะไรผิด อาจารย์ก็พูดกับหนูเลย ต่อไปหนูจะแก้ไข หนูไม่กล้าอีกแล้ว”
เห็นเพียงถังเยว่เหมยยิ้มพลางเอ่ยว่า “เด็กโง่ ทำไมฉันจะไม่ต้องการเธอล่ะ ฉันแค่อยากจะให้เธอออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองข้างนอก ให้เธอได้รู้บ้างว่าสังคมมันเป็นอย่างไร เธอไม่สามารถจะฝึกอยู่บนเขากับฉันได้ตลอดชีวิตหรอกนะ”
“ออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยกันกับถังเฉา เขาจะต้องปกป้องเธอแน่ ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรที่จัดการไม่ได้จริง ๆ ละก็ มาบอกฉันได้ตลอดเวลา ฉันจะไปทันที”
“แต่ว่าเธออย่าลืมไปล่ะ ว่าฉันยังเป็นอาจารย์ของเธออยู่ ถ้าหากเธอมีเวลาละก็ จะต้องตามถังเฉากลับมาพบฉัน ไม่อย่างนั้นรอจนฉันลงเขาไป ฉันคงจะไม่ใช่แค่อบรมเธอง่าย ๆ อย่างนั้นแล้ว”
ตอนนี้ถังเฉาจึงได้รู้ว่า ที่จริงแล้วน้าของตนไม่ได้จะกักขังน้องน้อยโจว เพียงแต่กำลังรอจังหวะ ให้ออกจากเขาในจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม
ส่วนถังเฉา หลังจากที่ได้ยินข่าวนั้นแล้ว ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะว่าถึงอย่างไรน้องน้อยโจวก็เป็นลูกศิษย์ของน้าของตนเอง ฝีมือก็คงจะมีบ้างแหละ
มาถึงด้านล่างของภูเขา ยากจะเลี่ยงที่จะขาดคนช่วยเหลือ และการให้น้องน้อยโจวติดตามถังเฉาก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย
“ได้ครับน้า น้าวางใจเถอะครับ ผมจะดูแลลูกศิษย์ของน้าให้ดีอย่างแน่นอน”
ว่าแล้วถังเฉาก็เตรียมจะไปแล้ว ในตอนนี้เอง น้าของถังเฉาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าขึ้นมาว่า
“น้าจะบอกหลานให้นะ ลูกศิษย์ของน้าคนนี้อยู่ในวัยแต่งงานพอดี หลานอย่าไปรังแกเธอล่ะ ถึงน้าจะรู้ว่าผู้ชายสมัยนี้มีเล็กมีน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่หลานจะเอนเอียงไม่ได้นะ เธอเป็นลูกศิษย์ที่น้าภาคภูมิใจเชียวนะ”
ขวับ!
หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้แล้ว ทั้งใบหน้าของน้องน้อยโจวก็แดงขึ้นมาราวกับพระอาทิตย์ในยามเย็น
“อาจารย์คะ ท่านกำลังพูดอะไรน่ะ? หนูลงเขาไปก็เพื่อที่จะไปดูสักหน่อยว่าโลกนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ไม่ได้ลงไปทำอะไรเสียหน่อย อีกอย่างนะ หนูก็ไม่ได้รู้จักเขาด้วยซ้ำ”
ดูท่าทางเขินอายของน้องน้อยโจวแล้ว ถังเยว่เหมยก็ปิดปากหัวเราะใหญ่
“ดูเธอเข้าสิ เอาเถอะ เอาเถอะ รีบไปเถอะ คนเขาเคยดูเธออาบน้ำมาแล้ว เธอยังจะมีอะไรที่จะต้องพูดอีก?”
เดิมทีถังเฉายังสามารถรับได้ไหว แต่หลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นแล้ว ตนเองก็เขินอายแทบไม่ไหว จึงรีบหันกลับไปพาน้องน้อยโจวลงเขาไป
“คำพูดของอาจารย์ฉันเมื่อกี้ คุณอย่าเอาไปคิดเป็นจริงเป็นจังนะคะ เธอเพียงแค่พูดเล่นเท่านั้น คุณเองก็รู้จักนิสัยของเธอดี”
น้องน้อยโจวกลั้นเอาไว้จนเกือบหนึ่งชั่วยามแล้วจึงโพล่งออกมาประโยคหนึ่ง ถังเฉาเองก็จำใจเป็นอย่างมาก
“คุณวางใจเถอะ ผมไม่เข้าใจผิดหรอกครับ คุณลงมา ผมก็แค่ดูแลคุณนิดหน่อย ไม่ได้ไม่สะดวกอะไร ส่วนเรื่องอื่น ๆ ผมคงไม่ถามและไม่ทำอะไรมาก”
ประโยคที่ไร้ความรู้สึกเช่นนี้ของถังเฉา ไม่รู้ว่าทำไมน้องน้อยโจวถึงรู้สึกว่าเป็นเศร้าโศกอยู่ในใจอย่างคาดไม่ถึง
มองดูน้องน้อยโจวที่เล่นดอกไม้ใบหญ้าข้างทางไม่หยุด ถังเฉาเองก็ไม่ได้สนใจมากขึ้นอีก
จนกระทั่งถึงตอนกลางคืน ในที่สุดถังเฉาก็กลับมาถึงตระกูลถัง
ไม่กลับมายังไม่เป็นไร หลังจากที่กลับมาแล้วจึงค้นพบว่าถังเชียนเชียนรอตนเองอยู่ที่หน้าประตูมาตลอดอย่างคาดไม่ถึง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เชียนเชียน ทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?”
เดิมทีถังเชียนเชียนมองเห็นถังเฉาแล้วก็มีใบหน้าคึกคัก แต่พอค้นพบผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังของถังเฉาตรงนั้นที่กลับมาพร้อมกับถังเฉา สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากในทันที
“เกิดอะไรขึ้นคะพี่ คนคนนี้เป็นใครกันแน่?”
ถังเฉาเองก็จนปัญญา มองคนที่อยู่ข้างหลังตนเอง แม้แต่ชื่อก็ยังลืมไปแล้ว
ส่วนน้องน้อยโจวกลับคิดว่าคนช่วยชีวิตของตนเองมาแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน ก็น่าจะพูดกันเยอะหน่อย แต่น้องน้อยโจวคิดไม่ถึงว่าในสังคม ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะไม่ได้บริสุทธิ์ขนาดนั้น
น้องน้อยโจวเพิ่งจะยื่นมือออกมา ถังเชียนเชียนกลับสะบัดมือของน้องน้อยโจวทิ้ง
“เธอมันเป็นตัวอะไรกัน? ฉันเป็นถึงคุณหนูของตระกูลถัง เธอคิดว่าใคร ๆ ก็สามารถจับมือกับฉันได้อย่างนั้นหรือ? ฉันไม่ชอบมือสกปรก รีบไปหัวไปซะ”
ถังเฉามองถังเชียนเชียนอย่างแปลกใจ ถังเชียนเชียนมีใบหน้าที่บริสุทธิ์งดงาม แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไม นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นอำมหิตขนาดนี้
ถังเฉาตีหน้าขรึม มองดูถังเชียนเชียนที่อยู่ที่อยู่ตรงหน้า หลังจากที่ถังเชียนเชียนหันหน้ากลับมามองไปยังถังเฉาจึงค้นพบว่าถังเฉาในตอนนี้กำลังโมโห ทันใดนั้นก็ม้วนตัวเป็นก้อน ๆ หนึ่ง เหมือนกับลูกแมวตัวน้อย ๆ ที่ทำผิดไป
“เชียนเชียน ต่อไปไม่อนุญาตให้เธอพูดแบบนี้กับน้องน้อยโจวอีก เข้าใจไหม? ต่อไปพวกเธอทั้งสองคนก็ล้วนแต่เป็นผู้ติดตามของผม ดังนั้นผมไม่อนุญาตให้พวกเธอทะเลาะกันอีก”
ถังเชียนเชียนมองถังเฉาด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ ส่วนถังเฉากลับถลึงตาใส่ถังเชียนเชียน
“ฉันรู้แล้วค่ะ แต่ว่า… พี่ถังเฉา พี่อย่าลืมไปนะคะว่าฉันเป็นศิษย์คนแรกของพี่ อีกทั้งฉันยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ด้วย พี่จะต้องดูแลฉันมาก ๆ หน่อย ถูกไหมคะ”
หลังจากที่พูดจบ ถังเชียนเชียนก็ไม่ลืมที่จะเอาศีรษะของตนเองพิงอยู่บนไหล่ของถังเฉา จากนั้นมือทั้งสองข้างก็กอดแขนของถังเฉาแน่น ๆ
ถังเฉาก็ไม่ได้ต่อต้าน กลับมองลูกพี่ลูกน้องของตนเองอย่างเอื้อเอ็นดู
“ฉันจะบอกเธอให้นะ ถ้าหากเป็นเวลาปกติ ฉันยอมให้เธอก็ได้ แต่ตอนที่ฝึกการต่อสู้ ฉันไม่ได้อ่อนโยนขนาดนั้นหรอกนะ”