“คุณคิดถึงฉัน แล้วฉันต้องคิดถึงคุณด้วยหรือ? อย่ามารบกวนฉัน ตอนนี้ฉันแค่อยากติดตามพี่ถังเฉาเท่านั้น”
ทุกคนรู้ว่าโจวหลี่ชอบถังเชียนเชียนมาตั้งแต่เด็ก ถังเชียนเชียนเป็นสาวงามอันดับต้น ๆในราชวงศ์ต้าเซี่ย ทุกคนต่างคิดว่าสุดท้ายแล้วกิ่งทองใบหยกคู่นี้น่าจะลงเอยกัน
แต่สิ่งที่คนอื่นไม่คาดคิดคือ ไม่รู้ทำไมถังเชียนเชียนถึงได้เกลียดโจวหลี่เป็นอย่างมาก
ไม่ว่าโจวหลี่จะตื้ออย่างไร สำหรับถังเชียนเชียนแล้วมันไม่มีความหมายอะไร
และโจวหลี่ก็เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้เก็บไปคิด แต่คราวนี้ถังเชียนเชียนยืนอยู่ข้างชายคนหนึ่ง ทำให้ใจของโจวหลี่รู้สึกไม่สมดุลทันที
“ไม่รู้ว่าพี่ชายคนนี้ชื่ออะไร ผมไม่เคยเห็นเขาในตระกูลถังมาก่อน”
ถังเฉาเพียงแค่ยิ้มจาง ๆ แล้วค่อย ๆ ใช้มือจับศีรษะถังเชียนเชียน
“ผมเป็นคนที่ปกป้องคุ้มครองเธอ ชื่อถังเซียว และเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้ อีกสักครู่พวกเราอาจพบกันบนเวทีแข่งขัน โปรดชี้แนะด้วย”
ขณะพูด ถังเฉายื่นมือตนเองออกไปเตรียมที่จะจับมือโจวหลี่
แต่โจวหลี่ผู้ที่สุภาพเสมอมา ไม่ได้จับมือของถังเฉาแต่อย่างใด แต่กลับกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ใช่ ผมอยากศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้กับคุณจริง ๆ เพื่อดูว่าคุณมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่นอย่างไร?”
หลังจากกล่าวจบ โจวหลี่หันกลับไปด้วยโกรธเป็นอย่างมาก แล้วเดินจากไปทันที
“เชียนเชียน ทำไมเพื่อนของคุณถึงมีนิสัยก้าวร้าวขนาดนี้ ผมไม่ได้พูดอะไรผิดใช่ไหม”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ถังเฉากล่าว ถังเชียนเชียนก็มองถังเฉาด้วยความอึดอัด
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะฉันก็ไม่ได้สนิทกับเขา ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นเช่นนี้”
“อย่างไรก็ตามพวกเราแค่เตรียมตัวสำหรับการแข่งขันก็พอ”
หลังจากถังเฉาฟังจบ เพียงแค่ยิ้มด้วยความจำใจ จากนั้นก็นั่งอยู่ในโซนรอต่อสู้ของตระกูลถัง
สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกอึดอัดคือโซนรอต่อสู้ของตระกูลอื่นเต็มไปด้วยคน มีเพียงโซนรอต่อสู้ของตระกูลถังที่มีคนอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น
“คุณดูคนของตระกูลถังสิ มีคนเพียงสองคนนั่งอยู่เท่านั้น หมายความว่าแม้แต่อาจารย์ของพวกเขาก็ไม่อยากมาดูพวกเขาแข่งขันหรือ”
“โอ้ คุณอย่าหัวเราะเยาะคนอื่นสิ พวกเขากล้าที่จะมาร่วมการแข่งขันก็ดีแล้ว หากเป็นคนอื่นคงกลัวที่จะถูกฆ่าและคงหนีไม่ไปนานแล้ว”
“ที่คุณพูดก็ถูก ตระกูลถังเป็นตระกูลที่ไร้ประโยชน์ที่สุด พวกเขาสามารถมาที่นี่ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว และพวกเราจะไปหวังให้พวกเขาจะพาคนมากี่คนล่ะ?”
คนตระกูลอื่นวิพากษ์วิจารณ์ และหัวเราะเยาะตระกูลถัง และใช้ตระกูลถังเป็นหัวข้อสนทนาเพื่อความสนุกสนาน
และขณะนี้ มีเสียงเดินที่พร้อมเพรียงดังมาจากนอกสนาม
เป็นเวลานานแล้ว ที่ทุกคนไม่เคยเห็นการรวมตัวทำกิจกรรมของคนจำนวนมากจากตระกูลถัง ทันใดนั้นพวกเขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“เกิดอะไรขึ้น? สมาชิกของตระกูลถังทั้งหมดมารวมตัวอยู่ที่นี่”
“ใช่ ผมไม่ได้เห็นตระกูลของพวกเขามาร่วมงานใหญ่แบบนี้มานานแล้ว การร่วมงานในคราวนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้”
“แต่ผมบอกได้เลยว่า ผลลัพธ์ของพวกเขามีแค่อย่างเดียว นั่นก็คือแพ้การแข่งขันด้วยความอับอาย”
ด้วยคำพูดประโยคเดียว ทำให้ทุกคนที่เตรียมตัวจะชื่นชมตระกูลถัง ต่างก็พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ถังเชียว ทำไมคุณถึงได้มาคนเดียว? คุณช่างเป็นคนที่ใจร้อนจริง ๆ ถึงแม้คุณจะบอกว่าการแข่งขันคราวนี้ง่ายสำหรับคุณ แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
ถึงอย่างไรก็คือคนกันเอง เมื่อถังเย่ได้ยินทุกคนเย้ยหยันตระกูลถัง เขาก็พูดเสียงดังกับถังเฉา
พูดตามจริง ถังเฉาไม่สามารถตอบสนองได้ชั่วขณะหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าถังเย่จะช่วยตนเองกู้หน้าคืน
“ครูถัง ผมขอโทษจริง ๆ ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีคนมากมายมาคอยเชียร์ผม”
การไม่พูดมันก็ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่เมื่อถังเฉาพูดออกมา ได้กระตุ้นความโกรธของผู้คนที่อยู่รอบข้างทันที
“รอสักครู่ เมื่อสักครู่เขาพูดว่าอะไรน่ะ? เขาบอกว่ากิจกรรมนี้เป็นเพียงกิจกรรมทั่วไปที่ไม่สำคัญ”
“ช่างจองหองนัก อีกสักครู่เขาไม่กลัวว่าตนเองจะถูกฆ่าตายหรือไง? นี่เป็นการแข่งขันที่สำคัญที่สุดของราชวงศ์ต้าเซี่ย นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดอย่างไม่แยแส”
“โอ้ สวรรค์ เมื่อมองความมักใหญ่ใฝ่สูงของเขา ผมก็อารมณ์เสีย และอยากจะฆ่าเขาให้ตาย เวลาคนอื่นต่อสู้กับเขา ผมต้องเชียร์คนคนนั้น”
ความคิดเห็นของคนรอบข้างพุ่งเป้าไปที่ถังเฉาทันที แต่สิ่งนี่ไม่มีความหมายสำหรับตระกูลถัง เพราะถึงแม้พวกเขาจะไม่พูดอะไร แต่ความคิดเห็นของคนเหล่านี้ก็ยังคงพุ่งเป้าไปที่ตระกูลถังแน่นอน เพราะอย่างไรเสียตระกูลถังในฐานะตระกูลที่พิเศษ
และแหล่งที่มาของความพิเศษนี้ก็คือ ตอนนี้ตระกูลถังไม่มีหญิงนักบุญคอยปกป้องคุ้มกัน หญิงนักบุญก่อนหน้านั้นก็ถูกจับกุมและกักขังอยู่ในห้องขัง
“เอาล่ะ ในเมื่อคุณมีความมั่นใจขนาดนั้น พวกเราก็จะไม่โทษคุณแล้ว รีบนั่งลงและกินอะไรสักหน่อยเถอะ”
ถังเย่หยิบซาลาเปาจากด้านหลังตนเองแล้วยื่นให้ถังเฉา
เมื่อถังเฉาเห็นภาพนี้ เขาตกตะลึงเล็กน้อย เขายังคงจำได้ติดตากับภาพที่ถังเย่ต่อต้านตนเอง และตอนนี้มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
ที่แท้เมื่อสักครู่ระหว่างทางที่นี่ถังซานฉ่ายได้พูดคุยกับถังเย่
ในระหว่างที่คนทั้งสองสนทนากัน ถังเย่ดูเหมือนจะค้นพบปัญหาสำคัญของตระกูลถัง นั่นคือตระกูลถังไม่มีหญิงนักบุญ
ตระกูลที่ไม่มีหญิงนักบุญ ที่มีเพียงแค่คนในตระกูล เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกคนอื่นรังแกได้
เช่นเดียวกับหมู่บ้านที่ไม่มีหัวหน้าหมู่บ้าน หมู่บ้านนั้นจะไม่มีใครสามารถยืนออกมาเป็นกระบอกเสียงได้ และไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดกับคนอื่น ดังนั้นโดยทั่วไปจะถูกคนอื่นดูถูกเหยียบหยาม
แต่ตอนนี้ ถังเย่รู้ถึงความแข็งแกร่งของถังเฉา และฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ถังเฉา
ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้สถานะของถังเฉาจะไม่เป็นที่ยอมรับ แต่โชคดีที่ถังซานฉ่ายช่วยถังเฉาเปลี่ยนชื่อทันเวลา ทำให้ถังเฉามีสถานะใหม่ และชื่อนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของราชวงศ์ต้าเซี่ยแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่ชื่อของถังเชียวอยู่อันดับที่สิบเอ็ดในรายการจัดอันดับ
“ผมจะบอกคุณว่า ผมไม่ถือสาเรื่องก่อนหน้านั้นได้ แต่ถ้าคุณไม่สามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขันครั้งนี้ได้ ผมจะไม่ปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน”
เห็นได้ชัดว่าถังเย่พูดติดตลก อย่างไรเสียเขาก็รู้ความสามารถของโจวหลี่ และคิดว่าถ้าสามารถได้ห้าอันดับแรกก็ถือว่าโชคดีแล้ว
“วางใจเถอะ ครูถัง ผมคว้าแชมป์ได้อย่างแน่นอน คุณไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นอีก”
ถังเย่มองแวตาที่แน่วแน่ของถังเฉา และไม่อาจสงสัยต่อไปได้อีก
ทั้งที่รู้อย่างชัดเจนว่าโจวหลี่มีความสามารถขนาดไหน ถังเชียวแค่เอาชนะหวางหวู่ได้เท่านั้น ความสามารถนั้นแตกต่างกันมาก ถังเย่เลือกที่จะเชื่อถังเฉา เพียงเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือด และความสัมพันธ์ในตระกูลที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้เท่านั้น
“โอเค ถ้าคุณพูดแบบนั้น ผมก็จะคุยโวโอ้อวดแล้ว”
ตอนแรกถังเฉาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งถังเย่ลุกขึ้นยืน