หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว น้องน้อยโจวก็มองถังเฉาที่อยู่ข้างๆด้วยสีหน้าข่มขู่ เห็นได้ชัดว่ารู้ว่าถังเฉารู้สึกผิดต่อเรื่องนี้อยู่เล็กน้อย
ถ้าถังเยว่เหมยเป็นผู้ชาย ว่ากันตามตรง ถังเฉาก็ไม่กลัวเลยสักนิด แต่เธอกลับเป็นผู้หญิง มันทำให้ถังเฉารู้สึกหมดหนทางทำอะไรไม่ถูกอย่างเห็นได้ชัด
“อันนี้เหรอ ก็ธรรมดาทั่วไป พอได้อยู่ แต่มีเพียงแค่ข้อเสียข้อเดียวเท่านั้นก็คือไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาของตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องนี้ ครู ฉันคิดว่าคุณควรจะช่วยฉันจัดการเขาซะ”
หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ถังเยว่เหมยก็อึ้งตะลึงไป จากนั้นพูดถามขึ้น“ทำไม เขาให้คำสัญญากับเธอแล้วทำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? หรือว่าไอ้หมอนี่ทำเรื่องชั่วอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
ถังเยว่เหมยสีหน้าดำมืดเล็กน้อย นึกว่าถังเฉาทำอะไรไม่ดีกับน้องน้อยโจว
น้องน้อยโจวไม่ได้พูดอะไร แค่ส่งสายตาไปหาถังเฉาบอกเป็นนัยว่าให้ถังเยว่เหมยถามกับถังเฉาเอง
ถังเยว่เหมยหยิกหูของถังเฉาตรงๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าโมโห“ไอ้เด็กนี่ นี่นายทำอะไรลูกศิษย์ของฉัน ฉันบอกให้นายว่ารับผิดชอบซะ ทำตามคำสัญญาเหล่านั้นที่นายให้ไว้จะดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ฉันจัดการนายแน่”
จริงๆแล้วถังเยว่เหมยยังหวังว่าลูกศิษย์ของตัวเองจะสามารถอยู่ด้วยกันกับถังเฉาได้ แบบนี้ ตัวเองก็จะวางใจลงไปได้ไม่น้อย
หลังจากที่ถังเฉาถูกหยิกหู ก็พูดกับถังเยว่เหมยอย่างหมดหนทาง
“น้า คุณยังไม่ถามอะไรเลยสักนิด ก็มาหยิกหูของผมแล้ว คุณช่วยฟังผมพูดอธิบายสักหน่อยได้ไหม?”
พูดจบถังเยว่เหมยก็ตระหนักได้ว่าเผลอทำเกินไป ก็เลยปล่อยหูของถังเฉาออก
“ว่ามา ฉันจะฟังนายอธิบาย”
ถังเฉาลูบหูที่เจ็บของตัวเอง จากนั้นก็มองน้องน้อยโจวแล้วหันมองถังเยว่เหมยที่อยู่ข้างๆก่อนจะพูดขึ้น
“ผมบอกกับเธอไว้ว่าจะพาไปเดินชอปปิ้ง จากนั้นก็ลืมไปสนิทเลย เธอก็รู้ว่าช่วงนี้ผมยุ่งมากขนาดไหน ผมมีเวลาไปเที่ยวเล่นแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ”
ที่ถังเฉาพูดเป็นความจริง แถมน้องน้อยโจวที่อยู่ข้างๆหลังจากที่ได้ยินที่ถังเฉาพูดแล้ว ก็เชิดคางขึ้นอย่างทะนงตัว แต่ยังปากร้ายใจดีพูดขึ้น
“จริงๆแล้วก็ใช่นะ ช่วงนี้เขาค่อนข้างยุ่งจริงๆ ไม่มีเวลามาสนใจฉัน ช่างเถอะ ฉันอภัยให้เขาแล้วกัน ครู พวกเราไม่ต้องไปสนใจเขาแล้วล่ะ รีบไปรับท่านครูใหญ่กันเถอะ”
น้องน้อยโจวถือว่าถังเยว่หวาเป็นท่านครูใหญ่ของตัวเองมาตลอด แม้ว่าจะไม่เคยเจอหน้ากันเลย แต่กลับเต็มไปด้วยความคาดหวังและตั้งตารอคอย
“พูดได้มีเหตุผล จะบอกนายนะถังเฉา เรื่องนี้ ฉันค่อยกลับมาคิดบัญชีกับนาย ถึงยังไงตอนนี้แม่ของนายก็ใกล้จะออกมาจากคุกแล้ว ถึงตอนนั้นฉันจะมาสืบหาด้วยกันกับแม่ของนาย ว่าเรื่องนี้ควรจะจัดการยังไง”
ถังเฉามองถังเยว่เหมยอย่างอึ้งตะลึง ในใจคิดว่าก็แค่ไม่ได้พาน้องน้อยโจวไปเดินชอปปิ้งเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงขั้นต้องพูดถึงเรื่องพ่อแม่ด้วย?
หรือว่าในฐานะที่ตัวเองเป็นญาติคนสนิทของถังเยว่เหมย สำคัญน้อยกว่าน้องน้อยโจวอย่างนั้นเหรอ?
ในความจริงแล้วถังเยว่เหมยยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับน้องน้อยโจว เป็นคนพูดกับถังเฉาแทนน้องน้อยโจว
ด้านล่างเขาเชลย คนจำนวนมากกำลังรอญาติคนสนิทของตัวเองลงมาจากข้างบน
แต่เพราะว่าเขาลูกนี้สูงเกินไป เลยไม่มีใครกล้าปีนขึ้นมา กลัวว่าจะตกลงมาจากข้างบน
ตอนที่ถังเยว่เหมยพาถังเฉาและน้องน้อยโจวเดินมาถึงที่นี่นั้น คนรอบข้างต่างก็หันสายตามาจับจ้องทั้งสามคนนี้
“นี่มันถังเยว่เหมยไม่ใช่เหรอ? แล้วนั่นก็คือถังเชียวที่กำลังโด่งดังอยู่ช่วงนี้ ทำไมพวกเขาทั้งสองคนถึงมาอยู่ด้วยกันได้ล่ะ?”
“นี่มันพูดยาก ฉันได้ยินมาว่า คนของตระกูลถังกับพระอริยมารดรใหญ่อยู่ในจุดที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ ถังเยว่เหมยคนนี้เอาแต่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อที่จะให้พี่สาวของตัวเองออกมาจากคุกมาโดยตลอด หรือว่าถังเชียวคนนี้จะมาช่วยเธออย่างนั้นเหรอ?”
คนรอบข้างพากันพูดคุยซุบซิบ ต่างเดาไม่ออกว่าทำไมคนตระกูลถังถึงเดินมาด้วยกันกับถังเยว่เหมย หรือว่าขจัดความขัดแย้งทั้งหมดลงแล้ว?
“พวกเราขึ้นไปตรงๆเลยเถอะ จะได้ไม่ต้องมาฟังเสียงพูดจอแจของพวกคนที่นี่”
ถังเยว่เหมยได้ยินคนรอบข้างพูดนินทาตัวเองตลอดเวลา ก็เลยเตรียมที่จะขึ้นไปกับถังเฉาตรงๆ
ถังเฉาแค่พยักหน้า จากนั้นก็ย่อลงกระโดดขึ้นสูงกว่าสิบเมตร ตกลงบนก้อนหินก้อนหนึ่ง
หลังจากที่ผู้คนเห็นภาพตรงหน้านี้แล้ว ต่างก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อมาก มองทั้งสองคนปีนขึ้นเขาไปด้วยความอึ้งตะลึง
แต่ผ่านไปสักพัก จู่ๆถังเยว่เหมยก็หยุดฝีเท้าลง ส่วนถังเฉาก็หยุดตาม
“ก่อนอื่น พวกเราต้องไปรับพ่อของนายก่อน”
หลังจากที่ถังเฉาได้ยิน จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้นมา จากนั้นก็พยักหน้า แล้วก็ตามถังเยว่เหมยไป
เพราะว่าพ่อของถังเฉาพลังแข็งแกร่งมาก ดังนั้นคนของราชวงศ์จึงไม่ได้เอาเขาไปไว้บนยอดเขา กลัวว่าเขาจะออกมาทำร้ายราชวงศ์ต้าเซี่ย ก็เลยจับเขาขังไว้ในถ้ำแห่งหนึ่ง
ถ้ำแห่งนี้อยู่ช่วงกลางเขา สำหรับถังเหยียนพ่อของถังเฉาแล้ว ห้องขังระดับนี้แทบจะขังตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ราชวงศ์ของราชวงศ์ต้าเซี่ยก็ไม่ใช่คนโง่ เดาจุดจุดนี้ได้ก่อนตั้งนานแล้ว ก็เลยจัดเตรียมบางสิ่งที่คอยเฝ้าถังเหยียนโดยเฉพาะเอาไว้แล้วที่ตรงปากถ้ำ
ส่วนของสิ่งนี้ไม่ใช่คนหรืออุปกรณ์ มันก็คืองูหลามยักษ์ที่ดุร้ายตัวหนึ่งนั่นเอง ในตำนานกล่าวไว้ว่างูหลามยักษ์มีความยาวกว่าสิบเมตร พละกำลังมากมายมหาศาล เพียงแค่กัดทีเดียวก็สามารถทำให้เหล็กแตกเป็นเสี่ยงๆได้
และเพราะมีพลังแบบนี้ จึงถูกราชวงศ์วางไว้บนเขา
“ถังเฉา เดี๋ยวหลังจากที่เจองูหลามยักษ์ตัวนั้นแล้ว นายจะต้องระวังตัวให้ดี สิ่งนั้นมันไม่ได้ไปยุแหย่ได้ง่ายๆ ถ้าถูกมันกัดเข้าล่ะก็ ต่อให้เป็นนาย ก็ไม่สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้แน่นอน”
ถังเฉาพยักหน้า เรื่องงูหลามยักษ์ที่ช่วงกลางเขา ถังเฉาเคยได้ยินมาก่อนแล้ว
ท่าทีการแสดงออกของถังเฉา ดูเหมือนว่าไม่ได้สนใจงูหลามยักษ์ที่นี่เลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงช่วงกลางเขา
มองถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้า
ภายในถ้ำนี้ มีชายวัยกลางคนที่มีลมหายใจอันแรงกล้าคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่หนึ่งคน
เขาหลับตา เหมือนกับว่ากำลังทำสมาธิครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
ทันใดนั้นเอง เขาก็ลืมตาขึ้นมา สัมผัสได้ถึงคนสองคนที่อยู่ข้างนอกถ้ำ
“ลมหายใจนี้……คนหนึ่งคือน้องสะใภ้ของฉัน ส่วนลมหายใจของอีกคน เป็นของใครกันแน่? ทำไมถึงรู้สึกว่ามันคุ้นเคยขนาดนี้?”
ถังเหยียนยังไม่ได้เห็น ก็รู้ได้ว่าถังเยว่เหมยมาหาตนเองแล้ว แต่ว่าลมหายใจของถังเฉา เขาแค่รู้สึกคุ้นเคยอยู่เลือนราง กลับคิดไม่ออกว่าเป็นใคร
หลังจากที่ถังเฉากับถังเยว่เหมยทั้งสองคนถึงที่ปากถ้ำแล้ว ถังเฉาก็หยุดฝีเท้าลง มองประตูใหญ่ของถ้ำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เป็นอะไรเหรอ? ถังเฉา ทำไมนายถึงไม่เข้าไป? พ่อของนายอยู่ที่นี่นี่แหละ นายไม่อยากเจอเขาหรือไง?”
สำหรับถังเฉาแล้ว พ่อของตัวเองเป็นคนยังไง ตัวเองนั้นไม่รู้เลยสักนิด แถมถูกขังคุกเพราะว่าแม่ของตัวเองตั้งแต่แรกเริ่ม พูดตามตรง สำหรับเรื่องนี้แล้ว ถังเฉารู้สึกแคร์และใส่ใจอย่างมาก เพราะว่าเขาคิดว่าพ่อของตัวเองไม่ได้ปกป้องแม่ได้ดีพอ