ยังดีที่ถังเฉาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดนี้ แต่กลับยิ่งรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในใจขึ้นมาด้วยซ้ำ
ถึงยังไงเรื่องที่ตัวเองหน้าตาเหมือนกับแม่นั้น สำหรับถังเฉาแล้ว ในใจก็ยอมรับอยู่ไม่น้อย
ถังเยว่หวาก็เป็นสาวสวยขึ้นชื่อไปทั่วราชวงศ์ต้าเซี่ย
จนกระทั่งถึงตอนนี้ บนถนนก็มักจะมีคนพูดกันปากต่อปาก ว่าที่ถังเยว่หวาไม่ได้ถูกฆ่าตาย อาจจะเป็นเพราะว่าหน้าตาที่สวยงามของเธอ ที่ทำให้คนลงมือฆ่าไม่ลง
ถังเฉาไม่ได้ตอบกลับ แต่แค่มองถังเยว่เหมยที่อยู่ข้างๆ
หลังจากที่ถังเยว่เหมยได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็สีหน้ายิ้มแย้ม มองพ่อลูกคู่นี้ ไม่คิดว่าทั้งสองฝ่ายจะจำกันไม่ได้ แถมยังทำให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้ขึ้นมาอีก
“เขาคือใคร สำหรับคุณแล้วไม่สำคัญหรอก คุณรีบไปรับพี่สาวของฉันเถอะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ถ้าให้พี่สาวของฉันรอนาน ฉันไม่ให้อภัยคุณแน่”
ฟังจากน้ำเสียงของถังเยว่เหมยแล้ว ตอนที่ถังเยว่เหมยเป็นวัยรุ่น ความสัมพันธ์กับถังเหยียนก็น่าจะไม่เลวเลย ให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชายน้องสาวอยู่ไม่น้อย
“ได้ๆๆ ในเมื่อเธอไม่ยอมบอกอะไร ถามไปก็ไร้ประโยชน์ ฉันขึ้นไปรับภรรยาของฉันแล้ว ไว้ค่อยถามภรรยาของฉันก็แล้วกัน พึ่งเธอไม่มีประโยชน์อะไรแม้แต่นิดเดียว”
พูดจบ ถังเหยียนก็ทำหน้าจริงจังเร่งฝีเท้า ตรงขึ้นไปบนเขา
เขาไม่ได้โกรธ แต่รอไม่ไหวที่จะได้เจอกับภรรยาของตัวเอง
ถังเยว่เหมยเข้าใจจุดจุดนี้ ก็เลยเร่งฝีเท้าตามถังเหยียนขึ้นไปบนยอดเขาเช่นกัน
พลังของถังเหยียนไม่ธรรมดาจริงๆ ถังเยว่เหมยถูกถังเหยียนทิ้งเอาไว้กลางทางบนเขาไปเรียบร้อยแล้ว ถังเฉาอาศัยพลังที่สุดยอดของตัวเอง ก็ยังคงตามถังเหยียนไปติดๆ
“ฉันก็ว่าแล้วถังเยว่เหมยน้องสาวคนนั้นไม่มีทางหรอก เป็นอย่างที่คิดไว้มีคนฝีมือชั้นยอดคอยช่วยเธออยู่แน่ๆ น้องชาย ฝีมือของนายเยี่ยมดีนี่ แต่ถ้าเป็นลูกชายของฉันล่ะก็ เขาจะต้องเก่งกาจกว่านายแน่นอน นายเชื่อไหม?”
แม้ว่าจะไม่เคยเจอลูกชายของตัวเองมาก่อน แต่ถังเหยียนก็ยังคงเลือกที่จะพูดโอ้อวดไปแบบนี้ ถึงยังไงการพูดโอ้อวดก็ไม่ได้ใช้เงินสักหน่อย
แต่ถังเฉาไม่ให้ถังเหยียนทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ต่อ ก็เลยพูดตัดบท
“ผมสามารถบอกคุณได้เลยว่า ลูกชายของคุณไม่ได้เก่งไปกว่าผมแน่นอน อย่างมากสุดก็เสมอกัน”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของถังเหยียนก็หายไปทันที เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าท่าทางที่เข้มงวดจริงจัง มองถังเฉาตรงหน้า ถังเฉาพูดความจริงแล้วดูตึงเครียดกดดันเล็กน้อย
“คุยกับเด็กแบบนายแล้ว ไม่มีความหมายเลยจริงๆ ดูท่าพลังของนายยังไม่ถึงมาตรฐานเลยด้วยซ้ำ”
ครั้งนี้ถังเหยียนจริงจังแล้ว วิ่งขึ้นไปตามทางบนเขาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้สะบัดถังเฉาทิ้งไป
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กที่อยู่ข้างหลังคนนี้จะมีพลังขนาดนี้ ต่อให้ตัวเองจะระเบิดพลังออกมากระโจนพุ่งไปตามทางแล้ว แต่กลับยังถูกถังเฉาตามมาติดๆ
“เป็นยังไงบ้าง ตาแก่ ยอมรับทั้งปากและใจแล้วใช่ไหม ตอนนี้เชื่อแล้วสินะว่าลูกชายของคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมเลยสักนิด ถ้าเขามีฝีมือทัดเทียมกับผมได้ คุณก็ควรจะรู้สึกดีใจนะ”
จากอายุของถังเหยียน หลังจากที่วิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดแรง ก็เลยรู้สึกใจสู้แต่เรี่ยวแรงไม่เหลือแล้ว โก้งโค้งหายใจหอบอยู่สองสามที
“ฉันจะบอกนายให้นะ ว่าลูกชายของฉันแข็งแกร่งกว่าฉันเยอะ ถ้าฉันยังไม่แก่ มีเหรอจะให้นายวิ่งตามมาทัน?”
ถังเฉารู้ว่าพ่อของตัวเองไม่เคยเจอตนเองมาก่อน แต่พอเจอตัวเอง พ่อกลับพูดคำพูดแบบนี้ออกมา เขาก็แอบขำในใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่แค่ว่าผิวหน้ายังแสร้งทำเป็นเงียบสงบ
“ตาแก่ ผมแนะนำคุณว่าอย่าหัวรั้นดึงดันจะดีกว่า ดื่มน้ำสักคำเถอะ เหนื่อยมากไปมันจะไม่ดีเอานะ”
เขาเดาได้ตั้งนานแล้วว่า พ่อของตัวเองร่างกายเรี่ยวแรงอ่อนล้าเนื่องจากแก่เฒ่า ตอนที่ไล่ตามถังเหยียนเมื่อตะกี้ ก็เลยถือโอกาสไปตักน้ำที่แอ่งน้ำกลางเขามาหนึ่งขวด แล้วค่อยไล่ตามถังเหยียนมาต่อ
ถังเหยียนก็จำได้อย่างดี ว่าเมื่อตะกี้ ถังเฉาหายไปอยู่สักพักหนึ่ง ถังเหยียนยังนึกว่าตัวเองนำห่างแล้ว แต่ไม่นานถังเหยียนก็เห็นถังเฉาอีกครั้ง
“เมื่อตะกี้นายไปตักน้ำมาอย่างนั้นเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าถังเหยียนรู้สึกเหลือเชื่อมาก มองถังเฉาที่อยู่ตรงหน้า ส่วนถังเฉาก็แค่พยักหน้าเล็กน้อย พูดขึ้นด้วยท่าทางไม่แยแสสนใจ
“ถูกต้อง เพราะรู้สึกว่าเวลามันเหลือมากพอ ก็เลยไปตักน้ำแล้วค่อยตามมา ทำไมเหรอ? ตาแก่ คุณรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่ออย่างนั้นเหรอ?”
ถังเฉารู้ถึงนิสัยของพ่อตัวเองดี ไม่ใช่คนที่ตระหนี่ใจคับใจแคบแน่นอน ก็เลยมองพ่อของตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มเยาะเย้ย
จากฝีมือของถังเหยียนในตอนนั้น ถังเหยียนก็ถือเป็นอันดับหนึ่งของโลกอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในใจรู้สึกภูมิใจกับเรื่องนี้สุดๆ จะให้เด็กหนุ่มคนเดียวมาพูดจาตามอำเภอใจแบบนี้ได้ยังไง
“ฉันจะบอกนายให้นะ ไอ้เจ้าหนู เมื่อตะกี้ฉันยังไม่ได้ระเบิดพลังทั้งหมดของตัวเอง ไม่อย่างนั้นล่ะก็เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่นายคิดที่จะไล่ตามฉัน ฉันเห็นว่านายไปตักน้ำ ก็เลยจงใจรอนายอยู่สักพักต่างหากล่ะ”
ถังเฉาส่ายหัวอย่างหมดหนทาง กำลังจะพูดอะไร แต่ได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความโมโหของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลัง
“พวกคุณสองคนประสาทหรือไง? วิ่งกันเร็วขนาดนั้น? พวกคุณลืมไปแล้วเหรอ ว่ายังมีอีกคนที่ตามมาอยู่ข้างหลัง พวกคุณช่วยนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้างได้ไหม?”
ว่ากันตามตรง ตอนที่ถังเหยียนกับถังเฉาสองคนไล่ตามกันอยู่นั้น ได้ลืมไปแล้วว่าข้างหลังของตัวเองยังมีถังเยว่เหมยอยู่อีกหนึ่งคน
ถังเยว่เหมยมองทั้งสองคนที่จู่ๆก็หายวับไปจากตรงหน้าของตัวเอง ทำได้แค่เดินตามไปอย่างช้าๆ สิ่งที่เธอรู้สึกแปลกใจก็คือ คิดไม่ถึงว่าถังเฉาสามารถตามคนที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ได้
ในตอนนี้เอง ในที่สุดถังเฉาก็มองออก ว่าถังเหยียนไม่ใช่เพียงแค่คนที่คลั่งรักภรรยามากๆ แต่ยังเป็นพี่เขยที่กลัวน้องสะใภ้ของตัวเองอีกด้วย
ถึงยังไงขอแค่ถังเยว่เหมยไปฟ้องถังเยว่หวาแค่ไม่กี่ประโยค ถังเยว่หวาก็จะกลับมาจัดการกับถังเหยียนทุกครั้ง ผ่านมานานแล้ว ถังเหยียนก็ไม่กล้าที่จะไปยุแหย่ถังเยว่หวาอีก
“เห้อ น้องสะใภ้ เธอก็รู้ ฉันเพิ่งจะได้ออกมา นานแล้วที่ไม่ได้วิ่ง พอครั้งนี้ได้มาวิ่งก็เลยเกิดควบคุมตัวเองไม่อยู่ ใช้แรงของตัวเองไปตั้งยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ถังเหยียนก็ไม่ได้ลืมที่จะอวดเบ่งพลังอำนาจให้กับถังเฉาได้รู้ ก็เลยจงใจพูดเน้นคำว่า‘ยี่สิบเปอร์เซ็นต์’นั้นออกมา แม้ว่าถังเยว่เหมยกับถังเฉาจะรู้ๆกันอยู่ ว่าเมื่อตะกี้คือเรี่ยวแรงทั้งหมดของถังเหยียน
“เอาล่ะๆ คุณก็หยุดโอ้อวดได้แล้ว พี่เขยรีบไปรับพี่สาวของฉันเถอะ คุณสุดยอดอยู่แล้ว ทำไมยังต้องพูดให้ตัวเองสุดยอดขึ้นไปอีก หรือว่ายังมีคนเอาชนะคุณได้อีกอย่างนั้นเหรอ?”
ในความทรงจำของถังเยว่เหมย ถังเหยียนก็คือยอดฝีมือที่ไม่มีใครเอาชนะได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าถังเยว่หวากับถังเฉา เขาไม่มีทางถูกจับตัวได้อย่างแน่นอน
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว ในที่สุดใบหน้าของถังเหยียนก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม
“ก็ได้ๆ ฉันยอมรับแล้ว ว่าฉันคุยโม้ไปนิดหน่อย แต่เธอรู้ว่าฉันเก่งที่สุดก็พอแล้ว”
พอเจอกับคำชมของถังเยว่เหมย ถังเหยียนก็รู้สึกว่าพอใจสุดๆ เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มจากใจ