ไวโอเล็ตในตอนนี้กำลังซ่อนตัวอยู่ในบางที่ในบ้านในราชวงศ์ต้าเซี่ย
เพราะว่าเธอรู้ว่าตอนนี้มีคนคนหนึ่งติดตามตนเองอยู่ คนคนนั้นก็คือหลี่เล่อ
ถ้าหากว่าหลี่เล่อเป็นเพียงแค่สมาชิกเล็ก ๆ คนหนึ่งของหว่างเหลี่ยง ไวโอเล็ตก็ไม่ต้องเครียดขนาดนี้ ขอเพียงสังหารหลี่เล่อได้ เช่นนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว
แต่ว่าไวโอเล็ตรู้ว่าหลี่เล่อเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในหว่างเหลี่ยง ตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่ ๆ
ถ้าหากลงมือโจมตีอย่างสะเพร่าละก็ อาจจะเผยตัวตนของตนเองได้ ดังนั้นจึงซ่อนตัวเองอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ติดตามถังเฉาไป
“ติดตามฉันมานานขนาดนี้ แกสนใจจริง ๆ เหรอ? หรือว่าคุณยังคิดว่าฉันจะหักหลังหว่างเหลี่ยงอย่างนั้นหรือ?”
ใกล้จะหนึ่งเดือนแล้ว หลี่เล่อตามอยู่ด้านหลังไวโอเล็ตอยู่ทุกวัน ส่วนใหญ่แล้วไวโอเล็ตจะเรียกเขาลงมาทุกวัน
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนล้วนแต่รู้ว่าอีกฝ่ายอยากจะได้อีกฝ่าย แต่กลับยังแสร้งทำท่าทางเป็นรักใคร่กลมเกลียว
“คุณไวโอเล็ต ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ครับ คุณก็รู้ว่าผมเองก็ไม่ต้องการตามคุณ เพียงแต่ว่าเบื้องบนต้องการให้ผมทำแบบนี้ ผมเพียงแค่ปฏิบัติตามก็เท่านั้น”
“ถึงอย่างไรฐานะของคุณก็ไม่ได้สูงธรรมดา ๆ ถ้าหากว่าได้รับบาดเจ็บที่นี่ละก็ ผมก็จะต้องติดร่างแหไปด้วยแน่ ๆ ผมจะกล้าห่างจากคุณสักครึ่งก้าวได้อย่างไรกัน?”
ไวโอเล็ตหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง มองหลี่เล่อที่อยู่ข้างหน้า เอ่ยว่า “ตอนนี้คุณกลับไปได้แล้ว ส่วนเรื่องของถังเฉานั่นฉันจะจัดการให้ดีอย่างแน่นอน”
หลังจากที่ได้ฟังประโยคนี้แล้ว หลี่เล่อก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา “คุณไวโอเล็ตครับ คุณอย่ามาล้อเล่นอีกเลย ตอนนี้ทั้งในราชวงศ์ต้าเซี่ยก็มีคนไม่น้อยที่รู้ฐานะที่แท้จริงของถังเฉาแล้ว แต่แล้วอย่างไรล่ะ? สุดท้ายก็ไม่มีใครลงมือกับเขา อาศัยคุณ… คิดจะลงมือกับเขา ผมคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้”
ถ้าหากว่าไวโอเล็ตไม่ได้หักหลังหว่างเหลี่ยง เรื่องนี้ไวโอเล็ตก็ยังทำไม่ได้จริง ๆ แต่ตอนนี้ไวโอเล็ตเป็นคนของถังเฉา แน่นอนว่าไม่มีทางทำร้ายถังเฉาแน่
แต่ว่าไม่เหมือนกับหลี่เล่อ หลังจากที่ได้รู้ฐานะที่แท้จริงของถังเฉาแล้ว ก็ให้ไวโอเล็ตไปรายงานฐานะของถังเฉากับทางราชวงศ์มาโดยตลอด ทำได้เพียงทำ ๆ ไปอย่างลวก ๆ เพื่อที่จะไม่เปิดโปงจุดยืนของตัวเอง
“ถ้าหากว่าฉันสามารถเก็บเขาได้จริง ๆ ฉันก็ทำไปตั้งนานแล้ว ฉันแค่รอโอกาสก็เท่านั้น”
“คุณวางใจเถอะ ขอเพียงมีโอกาสให้ฉันลงมือ ฉันจะต้องลงมืออย่างแน่นอน แกก็รู้นี่ ช่วงนี้ฉันทำได้แค่ซ่อนตัวอยู่ในนี้ ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ใช่คนของราชวงศ์ต้าเซี่ย ถ้าหากถูกตรวจขึ้นมานั่นเป็นถึงโทษตายเชียวนะ”
หลี่เล่อฟังคำพูดประเภทนี้มาจะหนึ่งเดือนแล้ว
ละก็รู้สึกว่าไม่มีความหมายอะไร จึงหัวเราะเยียบเย็นขึ้นมา จากนั้นก็หายไปจากตรงหน้าของไวโอเล็ต
แต่ไวโอเล็ตก็รู้ชัดดีว่าถึงแม้ว่าคนคนนี้จะหายไปจากตรงหน้าของตนเอง แต่ก็อยู่ใกล้ ๆ กับตนตลอด
“น่ารังเกียจ ทำแบบนี้ต่อไปไม่ใช่หนทาง ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าหากยังทำแบบนี้ต่อไปละก็ หว่างเหลี่ยงก็น่าจะสงสัยฉันแล้ว”
ถึงแม้ว่าตอนนี้ไวโอเล็ตก็รู้แล้วว่าหว่างเหลี่ยงสงสัยเธอมานานแล้ว แต่ขอเพียงตนไม่ทำเรื่องนอกกรอบมากเกินไป หว่างเหลี่ยงก็จะไม่มาใส่ใจ ส่งตนมาอยู่ที่นี่ และเป็นการทดสอบว่าไวโอเล็ตซื่อสัตย์หรือไม่
ถ้าหากว่าช่วงเวลานานขนาดนี้ไวโอเล็ตยังไม่ทำอะไรเลยละก็ หว่างเหลี่ยงจะต้องซักถามแน่ พอถึงตอนนั้นไม่ว่าอย่างไรก็รักษาฐานะของตนเองไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการช่วยเหลือถังเฉาอยู่ในเงามืดเลย
“ช่วยไม่ได้ ถังเฉา ฉันทำได้เพียงแค่นั้น คุณจะต้องจ่ายค่าตอบแทนสักหน่อย หวังว่าคุณจะเข้าใจความหมายของฉันนะ”
ไวโอเล็ตรู้ว่าตนเองจำเป็นจะต้องทำอะไรสักอย่าง สายตาก็แน่วแน่ขึ้นมา ตัดสินใจอะไรบางอย่างลงไป
เธอไม่มีทางขายถังเฉาแน่ ๆ แต่ว่าตอนนี้เธอมีแผนการหนึ่งอยู่ จำเป็นจะต้องปฏิบัติ
ถ้าหากไม่ปฏิบัติละก็ ฐานะของตนเองจะต้องเปิดเผย แต่ว่าเรื่องนี้ถ้าหากว่าจะทำ จำต้องทำให้ถังเฉาได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากอย่างแน่นอน
ถ้าหากว่าถังเฉาไม่สามารถเข้าใจความหมายของไวโอเล็ตได้จริง ๆ ละก็ เช่นนั้นทั้งสองก็จะต้องกลายเป็นศัตรูกันอีกครั้งจริง ๆ
เรื่องที่ร้ายสองเรื่องให้เลือกอันที่ร้ายแรงน้อยกว่า ไวโอเล็ตถีบประตูออกไป
วันที่มีการแข่งขันสมาคมบูโดใกล้จะมาถึงแล้ว
ส่วนถังเฉาอยู่ในตระกูลถัง กลับไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับการแข่งขันสมาคมบูโดออกมาเลยแม้แต่น้อย คนตระกูลถังที่เหลือก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
เพราะช่วงเวลานี้ทั้งตระกูลถังล้วนแต่กำลังสร้างที่พักใหม่ให้กับพระอริยมารดรใหญ่อยู่ และยังมีรูปปั้นของพระอริยมารดรใหญ่ ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเหล่านี้
สำหรับถังเฉาแล้ว ในตอนนี้มีความสามารถมากเพียงพอที่จะปลุกขุมพลังของตระกูลถังขึ้นมาได้ ทั้งยังไม่ต้องถูกตระกูลอื่น ๆ รังแก ก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ยังมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่ง ถังเฉาตามหาถังเหยียนพบแล้ว
“พ่อครับ เรื่องที่ท่านพูดเมื่อคราวก่อนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงไม่พูดให้ชัดเจน?”
สองวันมานี้ ถังเหยียนได้สูญเสียท่าทางมีสง่าราศีในตอนที่เพิ่งลงจากเขาไปแล้ว กลับมีใบหน้าขมวดคิ้วเป็นทุกข์ใจ ราวกับกังวลอะไรอยู่ตลอดเวลา
ได้ยินอย่างนั้นแล้วถังเหยียนก็ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกหนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ลูกชาย ลูกเคยได้ยินเรื่ององค์กรหว่างเหลี่ยงนี้ไหม?”
เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของถังเหยียนเนิบช้าอยู่บ้าง ราวกับกำลังระบายความในใจของตนเองกับถังเฉา แต่ก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะรู้อะไรบางอย่างมาจากถังเฉา
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าถังเฉาจะพูดคำพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อในวินาทีถัดมา
“แน่นอนว่าผมรู้ ตั้งแต่ผมเข้ากองทัพมาก็เป็นศัตรูกับพวกมันมาโดยตลอด จะไม่รู้การมีตัวตนของพวกมันได้ยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นผมยังมีสายอยู่ในนั้นด้วย”
ฟังประโยคนี้จบ ถังเหยียนก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“หรือว่านอกเหนือจากตอนที่ลูกอยู่ในราชวงศ์ต้าเซี่ย ก็เริ่มเป็นปรปักษ์กับพวกมันแล้ว?”
ถังเฉาพยักหน้า เอ่ยว่า
“แต่ไหนแต่ไรพวกมันก็เป็นศัตรูของกองทัพของพวกเรา ทั้งยังจับตัวพี่ใหญ่ในเมื่อก่อนของพวกเราไปเป็นต้นแบบของมนุษย์โคลนอีก ขอเพียงเป็นของที่เกี่ยวข้องกับพวกมัน ผมล้วนแต่จะต้องสืบสาวราวเรื่อง รวมถึงเหตุผลส่วนหนึ่งที่ผมออกมาในครั้งนี้ก็เป็นเพราะองค์กรหว่างเหลี่ยง”
หลังจากที่ถังเหยียนได้ฟังเรื่องเหล่านี้แล้วก็ยิ้มอย่างปลื้มอกปลื้มใจ อย่างน้อยลูกชายของตนก็นับว่ามีผลงานอยู่ข้างนอก
ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนในกองทัพ ทั้งยังต่อต้านกับองค์กรที่แข็งแกร่งเช่นนี้
“ลูกชาย ลูกยังคิดว่าพวกมันธรรมดาเกินไป สายของลูกอาจจะเป็นแค่มดงานตัวเล็ก ๆ ในสายตาของพวกเขาที่ไม่สามารถรู้ความลับอะไรได้เลย”
ถังเฉาไม่ได้สงสัยในเรื่องนี้ เพียงแค่พยักหน้า
ถึงอย่างไรเสีย ตอนนี้เขาไม่อาจเชื่อไวโอเล็ตได้อย่างเต็มที่ ถ้าหากจะพูดว่ามีการกระทำลับ ๆ ที่มีประโยชน์จริง ๆ ละก็ไม่แน่ว่าจะบอกกับไวโอเล็ต
มองดูถังเฉาที่สิ้นหวังขนาดนี้แล้ว ถังเหยียนคิดว่าตัวเองดูเหมือนจะพูดผิดไปแล้ว จึงตบที่ไหล่ของถังเฉาด้วยท่าทางให้กำลังใจพลางเอ่ยว่า
“แต่ว่าลูกก็เก่งมาก ๆ เลยนะ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถหาข้อมูลขององค์กรหว่างเหลี่ยงมาได้ จะต้องรู้ว่าเมื่อก่อนตอนที่พ่อของลูกกำลังสืบเรื่องของพวกมันอยู่นั้นไม่ได้เก่งเท่าลูกเลยนะ”