ก่อนหน้านี้ถังเฉาเคยได้อ่านหนังสือมาเล่มหนึ่ง ในนั้นก็มีบันทึกเกี่ยวกับยาลูกกลอนตัวนี้
แต่ก็เป็นแต่เรื่องเขาเล่าว่า ไม่มีข้อมูลพิสูจน์ได้
หากจะทดลองไปส่งเดช อาจจะมีอันตรายอย่างคิดไม่ถึงได้
ถังเฉานิ่งขรึมลงพักหนึ่ง ก็ยังคิดว่ายาลูกกลอนนี้วางไว้ก็เสียเปล่า ไม่สู้ลองดูสักครา
ความเสี่ยงกับโอกาสมักจะอยู่ด้วยกัน
ร่างกายของเขาเองก้มีความพิเศษอยู่ หากแม้นได้ผลจริง กับตัวเขาแล้ว ก็เป็นการก้าวกระโดดอย่างมาก
“เอาเป็นว่าลองมันสักครั้งเถอะ”
ในใจคิดอยู่ดังนั้น ถังเฉาก็โยนยาลูกกลอนเผมปาก จัดการกลืนมันลงไป
ทว่า สิ่งที่น่าแปลกคือ เมื่อกลืนลงไปแล้ว ถังเฉากลับไม่เห็นมีอะไรให้รู้สึกเลย
“ไม่เห็นมีอะไรให้รู้สึกเลย พลังก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น และก็ไม่มีอาการว่าโดนยาพิษ โดนหลอกแล้วมั้ง?”
พลังแท้จริงของเขานั้นอยู่ในระดับสามมานานแล้ว ที่เล่ากันมาว่าจะให้ถึงระดับสี่ก็ห่างแค่เพียงก้าว
ว่ากันตามหลักแล้วร่างกายของตัวเองจะไวต่อความรู้สึกของการเปลี่ยนแปลงได้มากอยู่ แต่นี่ เขากลับไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงให้รู้สึกได้เลย
น่าจะมีข้ออธิบายได้อย่างเดียว ยาลูกกลอนนี้เป็นของปลอม
ถังเฉาสีหน้าเครียดขรึมขึ้นมาทันที
ในมือของเขากุมเส้นชีวิตของสององค์ชายอยู่ แม้นหากสององค์ชายนี้คิดไม่ซื่อ เขาแค่เพียงขยับลงมือ ก็สามารถปลิดชีวิตพวกเขาได้ทันที
“ไม่มีทาง พวกเขาไม่มีทางกล้าทำแบบนี้จึงจะถูก”
ถังเฉาพูดอยู่กับตัวเอง
ชั่วครู่เดียวต่อมา ท้องน้อยเกิดมีอาการกระตุกขึ้นมาหน่อย ๆ ในทันใด
“อื๋อ?”
ถังเฉาตาถลึง “มีปฏิกิริยาแล้ว!”
มาพร้อมกับอาการกระตุกน้อย ๆ ปฏิกิริยาทางกายภาพของถังเฉาเริ่มมากขึ้นมากขึ้น
ความรู้สึกที่เร้นลับน่าพิศวง เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ถังเฉารู้จักกับการเจ็บปวดอย่างแท้จริง
หน้าผากของถังเฉาผุดเห็นได้เป็นเม็ดเหงื่อ เกิดอาการสั่นจนฟันกระทบกันอย่างระห่ำ
“ฤทธิ์ของยานี้ แรงจริง ๆ!”
ให้ว่าร่างกายนั้นจะแกร่งดั่งหินผา ความเจ็บปวดนี้ ทำเอาถังเฉาอดกลั้นไม่ไหวไปชั่ววูบ
เห็นผมงหน้าดำมืด แล้วก็ล้มลง
จนตื่นมาในอีกครา ถังเฉาได้เห็นน้องน้อยโจวมาอยู่ผมง ๆ ตัว กำลังใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้าผากให้อยู่
“ถังเฉา คุณตื่นแล้ว?ตอนฉันเผมมาเห็นคุณนอนอยู่กับพื้น เกิดอะไรขึ้นหรือ? ”
น้องน้อยโจวสีหน้ากังวล
เพราะว่ากำลังฝีมือของถังเฉา เธอก็รู้ดีอยู่ แต่ที่ต้องหมดสติล้มลงไป จะไม่ให้ต้องห่วงคงไม่ใช่
“พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันการแข่งขันของสมาคมบูโดแล้ว คุณหมดสติไปแบบนี้ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
น้องน้อยโจวพูดด้วยสีหน้าห่วงใย
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร เอามือประคองหัวตัวเอง ค่อย ๆ โยกไปมาเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร คนที่มาในงานแข่งขันสมาคมบูโดไม่มีใครที่จะเป็นความกดดันกับผม ผมไม่ห่วง ผมแค่ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมผมถึงได้หมดสติไป”
น้องน้อยโจวได้ยินพูดก็ผงกหัวรับรู้ “ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็คงต้องพักผ่อนให้มาก ๆ ”
หลังจากนั้น ก็ได้ถอยยืนเผมไปด้านผมง
ถังเฉาย้อนคิดกลับไปที่ตัวเองกินยาลูกกลอนนั้นลงไปแล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
การหมดสติไปของเขา คงหลุดไม่พ้นการเกี่ยวข้องด้วยกับยาลูกกลอนเม็ดนั้น
ถังเฉาให้สงสัยว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเอง ใช้มือคลำท้องน้อยตัวเองอย่างเบา ๆ จำได้ว่าความเจ็บปวดเมื่อครู่ที่ผ่านมานั้นมาจากบริเวณนี้
ไม่สัมผัสก็คงไม่รู้ แต่เมื่อได้สัมผัสแล้วถังเฉาจึงได้พบว่า ตอนนี้บริเวณท้องน้อยของตัวเองนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
“เป็นไปได้ยังไง เปลี่ยนแปลงกันถึงขนาดนี้?”
ถังเฉาสูดหายใจเผมลึก ๆ
ตัวเขาก่อนหน้านี้ สมรรถนะทางกายภาพอยู่ในระดับสุดยอด เพียงนึกจะรวมพลัง บริเวณท้องน้อยก็จะเบ่งแน่นและหดยุบได้ดั่งใจ แต่ตอนนี้ท้องน้อยกลายสภาพแข็งเป็นหินเพชร เอามือกดยังไม่ยุบขยับ
พลังภายในร่างกาย เหมือนหินหนักทั้งก้อนจมลงไปในทะเลลึก หายไปหาไม่เจอได้อีก
ในดวงตาถังเฉาปรากฏให้เห็นถึงความกังวล กำลังภายในของตัวเองหายไปแบบนี้เลยหรือ?
เขารีบลองเดินลมปราณ
บรึม!
พลังปราณที่หนักหน่วงทะลักออกไป ทำเอาน้องน้อยโจวที่ยืนผมง ๆ สะดุ้งผงะถอยไปหลายก้าว
“เป็นอะไรไปหรือ?ทำไมต้องเดินลมปราณกะทันหันอย่างนี้ ทำเอาสะดุ้งเลย! ”
ถังเฉารู้สึกได้ว่าลมปราณยังไล่เดินขึ้นมาได้เหมือนเดิม ก็จึงโล่งอกไปได้ในทันที
แต่ที่ทำให้เขาต้องตื่นใจคือ ความเสถียรของพลังกำลังภายในนี้แข็งแกร่งขึ้นมาอีกในบัดดลนั้น นี่เป็นเรื่องทำให้ดีใจมากเหนือกว่าที่คาดคิด
“หรือยาสมุนไพรนั้นเป็นของจริง?”
ถังเฉาได้ลองเดินลมปราณอีกครั้ง
ปรากฏการณ์ความเป็นจริงเกิดขึ้นเฉกเดียวอย่างที่คิด เขาให้รู้สึกตื่นเต้นลึก ๆ ในใจ
เขาไม่เคยประสบปรากฏการณ์แบบพลิกฟ้ากลับแผ่นดินแบบนี้มานานแล้ว ลมปราณกำลังภายในได้เกิดความเสถียรเช่นนี้ขึ้นมาได้ในฉับพลันนั้น กลับเป็นเรื่องทำให้ถังเฉาสนองรับทำใจเอาไม่ทัน
หัวเราะลั่นออกมาในบัดเดี๋ยวนั้น
น้องน้อยโจวที่อยู่ผมง ๆ ถูกเล่นเอางงงวย
“ถังเฉา คุณ…..ที่หมดสติไปคงไม่ถึงถึงขนาดไข้ขึ้นสมองไปนะ?”
ถังเฉาหัวเราะ “คุณวางใจเถอะ น้องน้อยโจว ผมไม่ได้บ้า แต่ผมมีพลังที่ก้าวหน้าอย่างโจนทะยานเลย!”
พรุ่งนี้เป็นวันการแข่งขันสมาคมบูโด ได้จังหวะพลังที่มีสมรรถนะก้าวกระโดดขนาดนี้ มองไปทั่วราชวงศ์ต้าเซี่ย ยังจะมีใครเป็นคู่ต่อสู้เขาได้?
ในขณะเดียวกันนั้น
ที่จวนนายพล
“ท่านนายพลเฉิน เห็นว่าครั้งที่แล้วคุณไม่ได้ลงมือกับไอ้เด็กน้อยคนนั้น คุณกลัวที่จะต้องฆ่าไอ้เด็กน้อยคนนั้นหรือ?”
เฉินเหมิ่งนั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน สองผู้เฒ่ายังคงถามเรื่องราวเกี่ยวกับถังเฉาไม่ยอมหยุด
“มันเรื่องอะไรของผมหละ?ก็พวกเขาพูดกันไม่รู้เรื่องชิงลงมือกันก่อน ตัวเองฝีมือสู้เขาไม่ได้ ถูกเขาฆ่าตาย ผมจะไปทำอะไรได้?”
เฉินเหมิ่งเผยอตาขึ้น พูดไปตามเรื่อง
ว่ากันตามจริงแล้ว ทางราชวงศ์มีคำสั่งให้เขาจัดการกับถังเฉา เขาก็ให้รู้สึกเดือดดาลเต็มไส้พุงอยู่แล้ว
ตาเฒ่าน้อยที่อยู่ผมง ๆ หัวเราะอย่างมากเล่ห์ขึ้นมาพลัน มองไปที่เฉินเหมิ่ง
“คงไม่เป็นไร ในเมื่อท่านนายพลเฉินฆ่าคุณเด็กคนนั้นไม่ได้ งั้นก็ปล่อยให้ผมฆ่ามันเองที่ในงานแข่งขันสมาคมบูโดในวันพรุ่งนี้เอง”
“คุณ?”
ได้ยินดังนั้น เฉินเหมิ่งหัวเราะเหยียด ๆ “สภาพกระดูกแก่ ๆ ของคุณนี่นะ อย่าไปขยับตัวมากดีกว่า ก็เห็นว่าคุณได้ใช้ไอ้คน ๆ นั้นไปเผมประลองยุทธที่งานแข่งขันสมาคมบูโดแล้วไม่ใช่หรือ?คุณยังคิดว่าถังเฉายังจะรอดชีวิตมาได้อีกหรือ?”
ตาเฒ่าน้อยได้ยินแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา พึงพอใจในสิ่งที่เฉินเหมิ่งพูดด้วยอย่างยิ่ง
“ยังไงก็คุณนี่แหละที่เผมใจผมจริง ผมยังไม่ทันบอก คุณก็รู้แล้วว่าผมได้ส่งคนคนนั้นไปแล้ว”
กับเรื่องนี้ เฉินเหมิ่งได้แต่ถลึงตาใส่เขาไป ยิ้มเยาะอยู่ในใจ
เหยื่อที่จะตายเป็นใคร ยังไม่มีใครรู้แน่