บทที่ 68 ลงมือลับๆ
เฟิงเฉินไร้คำพูดไปชั่วขณะ โชคดีที่ชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่อยู่ในที่ไกลๆนั้นเกิดเรื่องชุดกระชากลากถูขึ้นมากะทันหันนั้นดึงความสนใจของลั่วมั่นไป จึงไม่ได้สนใจจะถามอีก
เฟิงเฉินซ่อนโทรศัพท์มือถือไว้ด้านหลังเงียบๆ ปิดบังข้อความสนทนากว่า 20 นาทีที่ปรากฏอยู่ด้านบน
“ประธานเฟิง วันนี้ผู้อำนวยการเฟิงได้โทรศัพท์ในห้องดื่มชา ฟังจากเนื้อหาในบทสนทนาแล้ว คือนัดให้เล่อสวี้กลับด้วยกันในเย็นวันนี้ คุณคาดเดาได้ไม่ผิดเลยจริงๆ หนังสือเลื่อนตำแหน่งของเล่อสวี้ถูกประกาศลงมา เขาก็นั่งไม่ติดแล้ว วันนี้ตอนเย็นจะให้ผมตามต่อไหมครับ” ——หลี่สู้
“ไม่ต้อง วันนี้คุณสามารถเลิกงานได้แล้ว” ——เฟิงเฉิน
จ้าวหยางหันหน้ากลับมากะทันหัน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เล่อสวี้ยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับ ท่าทางเย็นชาห่างเหินยากจะเข้าใกล้ จ้าวหยางหันกลับไปลากเธอ แต่กลับถูกเธอสะบัดมือทิ้ง คนสองคนในที่ห่างไกลกำลังโต้เถียงกัน
เฟิงเฉินกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ สายตาตกลงบนร่างของหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ
ภายในรถมืดสลัว แสงเลือนรางส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง ทำให้ปอยผมข้างหน้าผากเธอถูกย้อมเป็นสีละมุนเหมือนแสงไฟ ลั่วมั่นเหมือนกับดอกกุหลาบที่มีหนาม อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อย่างดื้อรั้นและเย่อหยิ่งตลอดกาล ไม่เหมือนกับผู้หญิงบอบบางเหล่านั้น
เขารู้สึกตัวขึ้นมากะทันหันว่ารู้จักกับเธอมานานขนาดนี้แล้ว เธอไม่เคยร้องขอเรื่องอะไรกับตัวเองเลย
แม้กระทั่งตอนแรกที่คุณพ่อคุณแม่บีบเธอให้มีลูกคนหนึ่ง เธอก็พึ่งพาตัวเอง ใช้วิธีการสุดโต่งขนาดนั้น ตอนแรกไม่สามารถยอมรับได้ กระทั่งบันดาลโทสะ แต่ในภายหลังกลับต้องการมันอีก หลังจากที่ได้ลิ้มรสไปแล้ว ก็ยิ่งลุ่มหลงอยู่ในนั้นจนไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้
“ถ้าหากว่าไม่มีหนังสือเลื่อนตำแหน่งประกาศลงมาล่ะก็ คุณจะมาหาฉันไหม จ้าวหยางคุณคิดว่าฉันไม่มีสมองจริงๆใช่หรือไม่ คุณพูดอะไรก็คืออย่างนั้น”
หลังจากเสียงตะโกน ดังก้องอยู่ในลานจอดรถอยู่นาน ก็มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายลอยมา
“คุณบ้าไปแล้วหรือ ที่นี่คือบริษัทนะ”
“ฉันบ้าไปแล้ว” เล่อสวี้กำหมัดแน่น สะบัดหน้าเดินจากไป ไม่ยินยอมพูดจาไร้สาระมากไปกว่านี้
“เล่อสวี้…….” จ้าวหยางรีบตามไป
ลั่วมั่นรีบปิดประตูรถ เฟิงเฉินมองเธอวิ่งไป ถอดรองเท้าส้นสูงไป วิ่งเขย่งเท้าเปล่าตามไปอย่างรวดเร็ว
ผู้หญิงคนนี้มีงานอดิเรกเป็นการเดินเท้าเปล่าหรืออย่างไร เฟิงเฉินตามลงมาจากรถ เก็บรองเท้าคู่นั้นขึ้นมาอย่างจนปัญญา มองไปยังเงาร่างที่รีบร้อนนั้นอย่างครุ่นคิด
งานอดิเรกนี้ต้องแก้ไขสักหน่อย
ถนนหน้าบริษัทบริษัทH.Y. ภายใต้แสงไฟอันงดงามในยามค่ำคืน
เล่อสวี้ถูกจ้าวหยางตามมาทันและคว้าข้อมือเธอเอาไว้ ตอนที่อยู่ตรงทางม้าลาย “สวี้ คุณอย่าเอาแต่ใจจะได้หรือไม่ หน้าที่การงานผมกำลังก้าวหน้า คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ คุณบอกว่าต้องการหมั้น ผมก็หมั้นกับคุณแล้วไม่ใช่หรือ”
เล่อสวี้หมุนตัวกลับมา สายตาเย็นชา
“เป็นฉันที่ต้องการหมั้นหรือ”
จ้าวหยางหลบสายตาวูบ คล้ายกับว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ น้ำเสียงจึงอ่อนลงไปหลายส่วน
“สวี้…….คุณอย่าโวยวายอีกเลย ขอเพียงแค่คุณลาออก พวกเราก็จะแต่งงานกันทันที”
ในสายตาของเล่อสวี้ไม่มีร่องรอยแห่งความปีติยินดีใดๆ แต่ยอมแพ้แล้วจริงๆ
“จ้าวหยาง ถ้าหากว่าไม่มีหนังสือเลื่อนตำแหน่งประกาศลงมาล่ะก็ ที่คุณมาหาฉัน ไม่ใช่เพื่อคุยเรื่องแต่งงานแต่เป็นการยกเลิกงานแต่งงานสินะ”
สิ้นเสียง เล่อสวี้ก็หยิบรูปภาพปึกหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า ปล่อยให้ร่วงหล่นจากศีรษะของจ้าวหยางเหมือนเกล็ดหิมะโปรยปราย ในภาพนั้นมีหญิงสาวบอบบางงดงามกำลังคลอเคลียอยู่ในอ้อมแขนเขา มีนัยน์ตาใสซื่อบริสุทธิ์คู่หนึ่ง คล้ายคลึงกับเธอเมื่อสองปีก่อนลางๆ
ตอนที่ลั่วมั่นตามมาถึงก็เห็นจ้าวหยางนั่งยองๆอยู่ที่ทางเท้าคนเดียว มือหนึ่งกุมหน้า มือหนึ่งเก็บรูปภาพ
“ผู้อำนวยการจ้าวหรือ บังเอิญจังเลยนะคะ!”
เงาร่างที่นั่งยองๆอยู่บนพื้นแข็งทื่อ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้เงยหน้าขึ้นมา เอ่ยอย่างลำบากใจว่า “ประธานลั่ว…….คุณเพิ่งจะเลิกงานหรือครับ”
“ใช่แล้ว พวกเราฝ่ายขายกลุ่มที่ 1 ไม่เหมือนกับฝ่ายขายกลุ่มที่ 2 ของพวกคุณที่มีพนักงานที่มีความสามารถเยอะ ฉันคนเดียวจึงรับมือไม่ไหว” ลั่วมั่นถามทั้งที่รู้เรื่องอยู่แล้ว
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะผู้อำนวยการจ้าว ทำอะไรตกหรือ ฉันช่วยคุณเก็บนะคะ