บทที่ 121 วิธีก้มหัวแบบอ้อมค้อม
วันรุ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงบนเตียงผ่านม่าน
ลั่วมั่นถูกส่องจนอึดอัด เทอพลิกตัว ทั้งร่างซุกเข้ากับหน้าอกที่อบอุ่น เธอเบลอไปสักพักถึงลืมตาขึ้น ตาปรือมองฉากที่อยู่ตรงหน้า ยังไม่ได้สติสักที
ภาพตัดอีกแล้วเหรอ……?
“นางหญิงเฟิง อรุณสวัสดิ์” มีเสียงทุ้มต่ำลอยมาข้างๆหูเธอ ปนด้วยน้ำเสียงหยอกเล่นเล็กน้อย “หลับสบายดีไหมครับ? ต้องการให้ผมรื้อฟื้นความทรงจำเมื่อคืนไหมครับ?”
ใบหน้าของลั่วมั่นแดงขึ้นมาทันที ถลึงตา ดึงผ้าห่มละลุกขึ้นนั่ง ครั้งนี้เธอพอจำได้บ้าง
“ฉันไปอาบน้ำก่อนละ……”
ประตูห้องน้ำปิดลง มีเสียงตกใจอุทานออกมาจากข้างใน
เฟิงเฉินพิงที่หัวเตียงและเปลือยกายท่อนบน มองดูแผ่นหลังที่รีบร้อนของใครบางคน ความน่าขำแทบแสดงออกผ่านแววตา
ในห้องน้ำรกไปหมด เป็นร่องรอยของเมื่อคืนทั้งนั้น ใช้ไม่ได้เลยสักนิด
“ทำไมออกมาแล้ว?”เฟิงเฉินมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่
“ห้องอาบน้ำใช้ไม่ได้เลย เดี๋ยวฉันไปข้างๆ”
เสียงของลั่วมั่นเบามาก จับผ้าขนหนูที่อยู่บนตัวแน่น หน้าแดงอย่างกับตับหมู รีบวิ่งไปห้องน้ำที่ในห้องนอนข้างๆ
ไอน้ำและน้ำอุ่นในห้องน้ำ ชะล้างความเหนื่อยล้าของเมื่อคืนไปหมด
ลั่วมั่นแช่ในอ่างอาบน้ำ เงยหน้ามองเพดาน ความตื่นเต้นและเขินอายในแววตาค่อยๆจางหายไป ความสงบและความเฉยเมยที่เป็นนิสัยค่อยๆออกมา
ประสบการณ์ที่ถูกพ่อแม่ส่งไปต่างประเทศในช่วงมัธยมต้นทำให้เธอดูแลตัวเองได้ก่อนวัย และทำให้เธอเอาชนะไปกับทุกเรื่อง จนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้จะก้มหัวเหมือนผู้หญิงอ่อนแอทั่วไปอย่างไร
การเมาของเมื่อคืนคือเธอตั้งใจ และเป็นวิธีก้มหัวอย่างเดียวที่เธอสามารถคิดได้และยอมรับได้
แค่เพียงอ่อนข้อให้ แต่ไม่ใช่ยอมรับผิด เธอไม่รู้สึกละอายใจระหว่างซือโม่อยู่แล้ว แต่การอยู่ร่วมของคู่รักต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามใจ นับประสาอะไรกับสามีภรรยาล่ะ เมื่อคืนเห็นสภาพที่งอนตอนแฟนหนุ่มของผู้ช่วยน่าน่ามารับเธอ ก็รู้สึกปล่อยวางทันที
เธอกับเฟิงเฉินต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้มาสามปีแล้ว กว่าจะมีสภาพในวันนี้ ไม่ง่ายจริงๆ
ตอนที่ทานอาหารเช้าไม่มีใครพูดถึงเรื่องเมื่อคืน
ส่วนสมุดไดอารี่ ราวกับถูกเฟิงเฉินเก็บไว้ในใจ จริงๆแล้วลั่วมั่นอยากได้ยินเขาถาม แบบนี้ก็มีโอกาสให้ตัวเองอธิบายให้ชัดเจน แต่เขากลับไม่ถาม ไม่รู้ว่าเขาคิดได้แล้วหรือเก็บเอาไว้ในใจกันแน่
เมื่อถึงชั้นใต้ดินของบริษัท ลงจากรถ เฟิงเฉินกดปุ่มลิฟต์และรอลิฟต์
ลั่วมั่นลังเลไปสักพักแต่ก็เอ่ยปากขึ้นก่อน
“เฉิน หลังจากประชุมตอนเช้านายมีธุระอะไรไหม?”
“ไม่มี ทำไมเหรอครับ?”
“แผนการแก้ไขของเล่อสวี้ออกมาแล้ว ต้องการให้นายเซ็น”
“สามารถเซ็นได้ที่ประชุมตอนเช้าเลยครับ” เฟิงเฉินยิ้มเบาเสียงหนึ่ง หันมามองเธอ “นอกจากอันนี้ล่ะ?”
ลั่วมั่นถูกเขามองจนกลัว รู้สึกใจไม่นิ่งเหมือนว่าเรื่องเมื่อคืนจะถูกเขาดูออก จึงหลีกเลี่ยงสายตาของเขา ตอบกลับด้วยเสียงเบาเหมือนยุง “เรื่องของซือโม่นายไม่มีอะไรจะถามเหรอ?”
ไม่รู้ว่าเฟิงเฉินคิดอะไร แววตาขี้เล่นได้จางหายไป “ไม่ถามแล้วครับ คุณบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร ผมเชื่อใจคุณ”
ลั่วมั่นอึ้งไปสักพัก รู้สึกแปลกว่าเขาปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปแบบนี้เลยเหรอ
ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี ในนั้นมีหลี่สู้ที่ขึ้นมาจากชั้นB2 เมื่อเห็นพวกเขาก็ทักทายอย่างเคารพ เธอทำได้เพียงกลืนคำที่อยากถามในภายหลังลง เข้าลิฟต์ตามเฟิงเฉิน
“เฉิน รอฉันด้วย……” จู่ๆเสียงที่ดูสนิทสนมของผู้หญิงดังมา หยุดการกระทำของหลี่สู้ที่กำลังจะปิดปุ่มลิฟต์ลง
ลั่วมั่นมองไปทางนอกลิฟต์โดยจิตใต้สำนึก ก็เห็นร่างที่คุ้นเคยเดินมาทางพวกเขา