บทที่ 152 ดูให้ชัดว่าฉันคือใคร
เมื่อได้ยินคำว่า‘เฉิน’ ชายที่นั่งอยู่บนเตียงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเสียงของเขาทุ้มขึ้นแต่ก็ยังปรนนิบัติอย่างอ่อนโยน
“มั่นมั่น เธอดูให้ชัดว่าฉันคือใคร”
ลั่วมั่นลืมตาขึ้น ทุกสิ่งในสายตาสะลึมสะลือล้วนแปลกตาไปหมด เว้นแต่ชายที่อยู่ตรงหน้านี้
เขาแต่งกายด้วยชุดลำลองสีขาว ผมสีน้ำตาลเกาลัดเป็นลอนเล็กน้อย แววตายิ้มอยู่เสมอ แสงอาทิตย์ตกกระทบไหล่ของเขา ฉาบไปด้วยแสงสีทองอร่าม.
ดูเหมือนว่าเมื่อใดก็ตามที่พบเขา เขาจะเป็นคนที่อ่อนโยนและสง่างามแบบนี้เสมอ ผู้ชายคนนี้อยู่กับเธอเกือบทั้งช่วงวัยเยาว์ของเธอเมื่อสามปีก่อน
เธอตกตะลึง แม้จะลืมฝันร้ายไปชั่วขณะจึงลุกขึ้นนั่งทันที
“ซือโม่…พี่…” ทันทีที่เปล่งเสียงออกมา เธอจึงรู้สึกแหบแห้งมาก แทบจะได้ยินเป็นเสียงเดียวกันทั้งหมด
ซือโม่พยักหน้า เขากดไหล่ของเธอเบาๆ และพูดอย่างอบอุ่นว่า “อย่าลุกขึ้น หมอบอกว่าถึงอาการบาดเจ็บของเธอจะไม่ร้ายแรงแต่รอยช้ำบนตัวเธอก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวก็ไม่เป็นไรหรอก ฤดูนี้ก็ไม่เป็นมิตรกับสาวๆที่มีรอยฟกช้ำทุกที่บนร่างกายเท่าไหร่”
แม้ว่าน้ำเสียงนี้จะเป็นห่วงแต่กลับแฝงด้วยความตั้งใจจะผ่อนคลายบรรยากาศเพื่อปลอบใจ
ลั่วมั่นยังคงจำอะไรบางอย่างได้สีหน้าเธอดูหวาดกลัวอยู่ชั่วขณะกำผ้าปูที่นอนแน่นและรีบพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “พี่ซือโม่…ฉัน … คนพวกนั้น…ฉัน … ”
“ไม่เป็นไร” ซือโม่ ตบหลังมือของเธอเบาๆ เพื่อปลอบประโลมด้วยสีหน้ารักสุดหัวใจ “คนพวกนั้นไม่ทำอะไรเลยพวกเขาถูกฉันส่งไปที่สถานีตำรวจแล้ว เจ็บคอไหม? ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นลั่วมั่นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อ้าปากและพ่นคำคำหนึ่งออกมาด้วยความยากลำบาก “น้ำ”
สีหน้าของซือโม่คลายความตึงเครียดเล็กน้อย พลางยิ้มขณะโบกมือให้แม่บ้านที่อยู่ข้างหลังเขา “ก็ไม่เลว ยังรู้ว่าอยากดื่มน้ำ แสดงว่าไม่มีปัญหาอะไรมาก”
เมื่อดื่มน้ำแล้ว ลั่วมั่นจึงล้มตัวลงนอนบนหมอนอีกครั้งมองไปผืนหญ้าสีเขียวที่ไม่มีที่สิ้นสุดนอกหน้าต่าง
“พี่ซือโม่ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เธอลืมหมดเลยเหรอ”
ลั่วมั่นพยายามคิดชั่วครู่ จากนั้นก็ส่ายหัวเบาๆ
เมื่อคนกลุ่มใหญ่วิ่งมาฉีกเสื้อผ้าของเธอ ดวงตาของเธอก็พร่ามัวและจิตใจของเธอเต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ เมื่อสามปีที่แล้ว เหตุการณ์ที่เธอต้องทนมานานถึงสามปีและไม่ต้องการนึกถึง ทันใดนั้นก็เอ่อล้นออกมาจากความทรงจำที่คลุกไปด้วยฝุ่น เธอพังทลายลงในชั่วครู่และเธอก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นอีกต่อไป
ซือโม่คลุมผ้าห่มให้เธอ ความรู้สึกผิดแฝงอยู่ในสีหน้าของเขา
“เดิมทีไม่ควรปล่อยให้เธอเกิดเรื่อง เพียงแต่ฉันกลับประเทศวันนี้พอดี จอห์นไปที่สนามบินเพื่อไปรับฉัน เลยทำให้คนฉวยโอกาสได้ โชคดีที่ข่าวมาทันเวลาฉันก็มาถึงเลยและไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บ ฉันไม่คิดว่าเมืองเจียงจะปลอดภัยเท่าไหร่ ฉันไม่คิดว่าใครจะพยายามโจมตี ฉันจึงพาเธอออกมาก่อน ”
“ที่นี่คือเมืองเจียงหรือเปล่า” ลั่วมั่นกำลังจะลุกขึ้นจากเตียงในทันที ทำให้กระทบบาดแผลบนร่างกาย ทันใดนั้นเธอจึงอ้าปากค้าง
“รีบร้อนอะไร” ซือโม่กดเธอกลับไปและมองไปที่เธออย่างตำหนิ “เธอเจ็บไม่พอเหรอ หรือเป็นมาโซคิสต์ ยังอยากกลับไปเหรอ ฉันช่วยเธอไว้ เธอกลับไม่รู้จักบุญคุณแม้แต่คำขอบคุณก็ไม่มีสักคำ พักผ่อนที่นี่สักพักฉันจะช่วยเธอสืบหาเรื่องราวทั้งหมด เธอก็ค่อยกลับไปไม่ได้เลยเหรอ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของลั่วมั่นก็บูดบึ้งและรีบพูดว่า “ฉันอยากจะขอบคุณมันก็สายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เธอกับฉันไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ก็ได้ แค่พูดขำๆ ” ซือโม่รู้สึกทำอะไรไม่ถูกจึงห่มผ้าห่มให้เธอกลับไป “อย่าขยับมากเลย”
เธอจำต้องพยักหน้าและพูดกระซิบว่า
“ฉันก็ไม่ได้…ร้อนใจแค่สงสัยว่าที่นี่คือที่ไหน
“ลอสแอนเจลิส อเมริกา”