บทที่ 173 ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะนะ
หลัวแมนจีถูกฟาดจนร้องเสียงหลงไม่ขาดสาย หดตัวอยู่กับมุม “ประธานจ้าว ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่เอาบทนางเอกแล้ว ฉันไม่เอาแล้ว”
ประธานจ้าวฟาดไม่ยั้งอย่างสนุก ไม่สนใจเนื้อตัวที่เป็นแผลเหวอะจนเลือดสาดชโลมไปทั่ว ภายใต้เสียงร้องขอชีวิตนั้น เกิดเสียงฟาดที่ยุ่งเหยิงฟังไม่ได้ศัพท์ ท้ายที่สุดเข็มขัดถูกสลัดทิ้งไปข้างเตียง ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่ปลายเตียงพร้อมด้วยเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา “อย่างแกคู่ควรกับการเป็นคู่ต่อสู้ของคุณนายเฟิงงั้นเหรอ?”
หญิงสาวที่อยู่อีกมุมเลือดท่วมกาย ลมหายใจที่แผ่วเบาเมื่อสักครู่ เมื่อได้ยินชื่อของคุณนายเฟิง ทันใดนั้นร่างของเธอสั่นสะท้าน ดวงตาแดงก่ำเป็นสีเลือด
เป็นเธอนี่เอง
หลายวันมานี้เธอถูกถอดโฆษณาชิ้นใหญ่ไปหลายตัว ละครที่คัดเลือกเธอเป็นนางเอกในคราแรกถูกเปลี่ยนตัวทั้งหมด แม้แต่อีเวนต์ก็หายากขึ้นทุกที ที่แท้ทุกอย่างนี้เป็นฝีมือของเธอนี่เอง!
ลั่วมั่น ฝากเอาไว้ก่อน
เช้าวันต่อมา เป็นการประชุมสรุปผลรายเดือนของบริษัทH.Y.
เมื่อเดือนก่อน ลั่วมั่นประกาศใหญ่โตที่งานประชุม ว่าจะให้ยอดของฝ่ายขายเพิ่มขึ้นร้อยละ15เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้หนึ่งเดือนผ่านไปแล้ว การประชุมสรุปรายเดือนถูกจัดขึ้นอีกครั้ง ปัญหาของการอยู่ต่อหรือจากไปของลั่วมั่นสมควรที่จะมีข้อสรุปได้แล้ว
“ฉันได้ข่าวจากฝ่ายการเงินว่ายอดขายของเดือนนี้ไม่เลวเลย ฉันดูรายงานแล้วบ้าง ตัวเลขใช้ได้เลย”
ห้องน้ำชาของชั้นสิบสอง เหล่าเลขาที่กำลังเตรียมน้ำชา หาลือกันเกี่ยวกับเรื่องของที่ประชุม
“แต่ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี 15เปอร์เซ็น หลายปีมานี้ฝ่ายขายของบริษัทH.Y.เคยได้มียอดขายเพิ่มขึ้น15เปอร์เซ็นต่อเดือนซะที่ไหนกัน”
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้สักหน่อยนี่”
“พอได้แล้ว” เลขาสาวหนึ่งในนั้นยกจานขึ้น “อย่าว่าแต่15เปอร์เซ็นเลย ยอดขายของเดือนนี้สู้เดือนที่แล้วไม่ได้ด้วยซ้ำ ประธานลั่วเป็นใครกัน เธอเป็นถึงภรรยาของประธานเฟิง จะให้เธอขายขี้หน้าออกไปจากบริษัทจริงๆ หรือยังไง? ก็แค่ทำไปตามระเบียบ เธอว่าหัวหน้าของเราคนนั้นกล้าเอ่ยถึงคำมั่นสัญญาก่อนหน้านี้ไหมล่ะ?”
ประโยคดังกล่าว เหล่าเลขาต่างพยักหน้าเห็นด้วย
เป็นแบบนั้นจริง ประธานเฟิงและประธานลั่วออกจะสนิทสนมต่อกันขนาดนั้น เหมือนกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าพวกเขารักกันอย่างงั้นแหละ มาทำงานตอนเช้าด้วยรถคันเดียวกัน ใครกล้าพูดถึงข้อเสียของประธานลั่วต่อหน้าประธานเฟิงกัน? อยากตายหรือไง?
เหล่าเลขาต่างเข้ามาที่ห้องประชุม ก่อนวางแก้วน้ำชาลงตรงหน้าทุกคนตามลำดับ
บรรยากาศภายในห้องประชุมค่อนข้างประหลาด ไม่ใช่เพราะอื่นใด เพราะในการประชุมในครั้งนี้ แม้แต่หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่แทบไม่เคยได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ อย่างภรรยาอดีตประธานบริษัทH.Y.เองก็มาด้วย หรือมารดาของประธานในปัจจุบันลู่จิ่งจู
ไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะเป็นเช่นนี้
“ทุกคนไม่ต้องเกร็ง บริษัทH.Y.ไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว กฎระเบียบทุกอย่างเป็นไปตามบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แล้วกัน การประชุมควรเป็นไปอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น วันนี้ฉันเป็นเพียงตัวแทนผู้ถือหุ้นมาเยี่ยมชมเท่านั้น”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
แม้ว่าจะพูดออกมาแบบนั้น แต่หุ้นของบริษัทH.Y.ร้อยละ90เปอร์เซ็นต์อยู่ในกำมือของตระกูลเฟิงเอง นี่ไม่ต่างจากธุรกิจครอบครัวเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ช่างมันเถอะ บัดนี้ทุกคนต่างตัวสั่นสะท้าน เป็นฝ่ายการเงินที่คิดไม่ซื่อทั้งนั้น
ลู่จิ่งจูเคยเป็นCEOมาก่อน หากบัญชีมีความผิดปกติแม้แต่น้อย สายตาของเธอไม่ล้อเล่นเลย
“……”
“นี่คือสรุปผลการดำเนินงานของทั้งสามแผนกของฝ่ายขายเมื่อเดือนที่แล้ว ประธานลู่ ประธานเฟิง เชิญตรวจสอบได้เลยครับ”
ลู่จิ่งจูรับเอกสารมาไว้ หลังจากที่พลิกดูอยู่หลายหน้า จึงหันไปทางลั่วมั่น “ฝ่ายขายกลุ่มที่1อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเธอใช่ไหม?”