บทที่ 227 เรื่องที่เธออยากทำ ใครก็ขวางไม่ได้
ระหว่างเวลาหนึ่งสัปดาห์นั่น เฟิงเฉินพาเธอไปหาเพื่อนมากมายจนนับไม่ถ้วน ในนั้นเดนนิสยอดเยี่ยมที่สุด เขามีอารมณ์ เข้าใจผู้หญิง ลั่วมั่นแค่กลอกตาเขาก็เดาได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ นิสัยเหมือนกับเธอมาก
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ลั่วมั่นกำลังเก็บกระเป๋าเดินทางกลับประเทศจีนอยู่ในโรงแรม
หลี่สู้เพิ่งจะส่งสัญญาที่แก้ไขแล้วมาให้ กลับโดนเฟิงเฉินเอาไปวางไว้บนโต๊ะชา “คุณจะอยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือไง? อีกสองวันจัดการธุระเสร็จแล้ว ฉันก็กลับไปพร้อมคุณได้เลย”
“เพื่อนก็เจอกันหมดแล้ว เรื่องที่คุณต้องสัญญาฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ แล้วคุณยังต้องแบ่งใจมาดูแลฉันอีกว่าฉันอยู่ที่นี่มีความสุขไหม อยู่คนเดียวที่โรงแรมจะเบื่อไหม ดังนั้นฉันกลับก่อนดีกว่า สบายใจได้ พอเครื่องบินแตะพื้นฉันจะโทรหาคุณ”
เฟิงเฉินรู้เธอตัดสินใจแล้ว และก็ไม่เปลี่ยนใจ ยิ่งช่วงสองวันนั้นเป็นช่วงที่ยุ่งที่สุด จริงแล้วๆ ตัวเองก็ไม่อยากเธอไม่มีอะไรทำอยู่ในโรงแรมคนเดียว ก็เลยตามใจให้เธอกลับ
เครื่องมาถึงสนามบินอินเตอร์เนชั่นเนลเมืองเจียง ลั่วมั่นโทรรายงานความปลอดภัยกับเฟิงเฉินในทันที
ในโทรศัพท์ เฟิงเฉินกำลังประชุมสัญญาทางธุรกิจอยู่ในห้องประชุม จึงถามอะไรนิดหน่อยและวางสายไป
“ประธานเฟิง ปล่อยให้ประธานลั่วกลับไปย่างนี้ ที่เมืองเจียงไม่ต้องให้คนคอยตามดูหรือ?” หน้าตาหลี่สู้ไม่เข้าใจ เฟิงเฉินรู้ตั้งนานแล้วที่ลั่วมั่นกลับไปครั้งนี้เพราะต้องกลับไปผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูก
น้ำเสียงเฟิงเฉินลดต่ำพลางเปิดสัญญา
“เรื่องที่เธออยากจะทำ ใครก็ขวางไม่ได้”
ดังนั้นแทนที่จะห้ามเธอ ทำให้เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะหลบหนีเขา ไม่สู้ปล่อยให้เธอทำอย่างสบายใจ อย่างนี้เขาก็พอจะคาดการณ์ได้ ถึงเวลากลับประเทศจีน เขาแค่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็พอแล้ว
หลังจากลงจากทางด่วน ที่ลั่วมั่นนั่งพักผ่อนอยู่บนเบาะด้านหลังในรถแท็กซี่ ตอนที่ออกไปเที่ยวเล่นครั้งนี้ไม่รู้สึกอะไร แต่พอลงจากเครื่องบินก็รู้สึกเหนื่อยมากๆ
ในตัวรถมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้จันทน์ลอยมา สติของเธอค่อยๆ เลือนรางและสลบไป
ที่นั่งคนขับ ชายหนุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกดหูฟังไร้สายที่อยู่ข้างหู
“รับคุณลั่วเรียบร้อยแล้ว ยากล่อมประสาทประสิทธิภาพดีมาก ครั้งนี้หลับสนิทไปแล้ว”
เสียงแหบแห้งมากส่งมาจากอีกด้านหนึ่งสั่ง คนขับรถ ว่าหลังจากลงจากทางด่วนแล้ว ให้ขับไปทิศทางที่ตรงกันข้ามกับโรงพยาบาล
พ่อบ้านเก่าในสายโทรศัพท์คนนั้นกดวางสาย และหันไปมองผู้หญิงที่อยู่ด้านหลัง
“คุณออกเดินทางได้แล้ว จำได้แล้วใช่ไหมว่าตัวเองต้องพูดอะไร?”
หญิงสาวกระตุกมุมปาก ขณะที่เธอขยับกล้ามเนื้อ รู้สึกแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ได้ “รู้”
โรงพยาบาลเมืองเจียง แผนกเด็กผู้ป่วยใน
เฟิงเซิ่งยืนอยู่บนทางเดิน จับมือเวินน๋อนไว้ “ครั้งนี้ที่เฮ่าเฮ่าหาไขกระดูกได้เร็วขนาดนี้ และเตรียมตัวผ่าตัด ทั้งหมดเพราะความช่วยเหลือของลั่วมั่น ดังนั้นหลังจากนี้คุณอย่าคิดจะเป็นศัตรูกับเธออีกเลย เธอไม่เคยคิดร้ายอะไรกับพวกเราเลย”
เวินน๋อนขมวดคิ้ว อย่างไม่รับน้ำใจ “ใครจะไปรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่?”
“เวินน๋อน อีกเดียวมั่นมั่นก็มาแล้ว คุณทำท่าทางให้ดีหน่อย”
ประโยคนี้สองวันมานี้ฟังมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เวินน๋อนรู้สึกรำคาญ ตอบอย่างอารมณ์ไม่ดี
“ฉันจะพยายามแล้วกัน”
การผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกจำเป็นต้องให้ผู้บริจาคมาพักที่โรงพยาบาลล่วงหน้า1วันและผ่านการตรวจสอบเล็กหน่อย วันนี้เป็นวันที่เวลาสุดท้ายที่นัดกับลั่วมั่นไว้
พยาบาลและผู้ป่วยแผนกผู้ป่วยไหนเดินกันไปมามากมาย เงาร่างที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่างหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์ สวมรองเท้าเส้นสูงสองนิ้วเดินมาทางห้องพักผู้ป่วยเด็ก ดูไม่เหมือนคนรอบข้างที่ดูรีบร้อนหรือขมวดคิ้ว เธอสบายใจมาก ก้าวเดินอย่างไม่รีบร้อน สีหน้าดูสงบ ราวกับกำลังมีความสุขกับอะไรอยู่